Samsung จัดงาน Unbox & Discover 2021 ในรูปแบบออนไลน์ ยกขบวนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทีวีและจอภาพมาเปิดตัวกันหลายรุ่น ทั้ง MICRO LED, Neo QLED, The Frame โมเดลใหม่, The Terrace ทีวีกลางแจ้งรุ่นแรกของค่าย และซาวด์บาร์ในซีรีส์ Q
Samsung เผยโฉมทีวี MICRO LED เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2018 ในนาม “The Wall” เป็นโมดูลย่อย ๆ ที่เมื่อประกอบขึ้นมาแล้วจะได้เป็นทีวีขนาดยักษ์ 146 นิ้ว และอาจใหญ่ที่สุดได้มากถึง 292 นิ้ว โดยการต่อโมดูลเพิ่มเข้าไป แต่ขั้นตอนการติดตั้งนั้นจำเป็นต้องทำโดยช่างผู้มีความชำนาญ จึงอาจยังมีข้อจำกัดด้านความสะดวกอยู่บ้าง
ล่าสุดในปี 2021 นี้ Samsung ได้เปิดตัวทีวีในกลุ่ม MICRO LED รุ่นใหม่ เพิ่มเติมอีก 4 ขนาด ไล่ตั้งแต่ 110 นิ้ว, 99 นิ้ว, 88 นิ้ว ปิดท้ายน้องเล็กสุด 76 นิ้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องประกอบให้วุ่นวายเหมือนอย่าง The Wall แล้ว ลูกค้าทั่วไปจะเข้าถึงผลิตภัณฑ์นี้ได้ง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
MICRO LED มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า 4Vue สามารถแบ่งการแสดงผลของทีวีออกเป็น 4 หน้าจอได้อย่างอิสระ ดูกีฬาพร้อมกันหลาย ๆ คู่ หรือจะเล่นเกมพร้อมกับดูหนังไปด้วยก็ทำได้เช่นกัน
ข้อดีของ MICRO LED นอกจากจะให้สีสันที่สวยสมจริงแล้ว การแสดงผลส่วนมืดยังทำได้ดำสนิทในลักษณะเดียวกับ OLED แถมอายุการใช้งานยังนานมาก ๆ โดยไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่อง “เบิร์นอิน” เพราะตัวแบ็กไลต์ไม่มีวัสดุอินทรีย์เป็นส่วนประกอบนั่นเองครับ
ทีวีในกลุ่ม Neo QLED นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยี Quantum Mini LED แบบใหม่ มีขนาดเล็กกว่า LED ทั่วไปถึง 40 เท่า จึงสามารถจัดวางแบ็กไลต์ได้ถี่และมีจำนวนมากกว่า ทำให้มีระดับความสว่างกับอัตราคอนทราสต์สูงตามไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทำงานร่วมกับ Neo Quantum Processor ที่เป็นภาคประมวลผลแล้ว การหรี่แสงในแต่ละโซนของ Neo QLED ก็ทำได้เป็นอิสระและละเอียดมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับแบ็กไลต์ประเภท LED ธรรมดา ส่วนขอบเขตสีนั้นครอบคลุม 100% ของสเปกตรัม DCI-P3
ทีวีในซีรีส์นี้จะโดดเด่นเป็นพิเศษด้านคุณสมบัติที่เกี่ยวกับการเล่นเกม เพราะ Samsung ได้ร่วมมือกับ AMD ในการพัฒนา รองรับเทคโนโลยี Freesync Premium Pro ทั้งพีซีและคอนโซล สามารถเร่งการแสดงผลได้สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที พร้อมเวลาตอบสนองที่ต่ำมาก ๆ เพียง 5.8 มิลลิวินาที เลือกปรับสัดส่วนภาพเป็น 21:9 หรือ 32:9 เพื่อมุมมองที่กว้างขึ้น และมี Game Bar ให้ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
Samsung แบ่งทีวี Neo QLED ออกเป็น 4 โมเดล ได้แก่ QN800A กับ QN900A ที่มาพร้อมความละเอียดระดับ 8K มีให้เลือกทั้งขนาด 65 นิ้ว, 75 นิ้ว และใหญ่สุดที่ 85 นิ้ว เสริมด้วย QN90A กับ QN85A ที่มีความละเอียด 4K ซึ่งจะมีขนาด 50 นิ้วเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมอีกหนึ่งขนาด
QN800A กับ QN900A มีราคาตั้งแต่ 5,000 – 9,000 เหรียญ (≈ 151,000 – 272,000 บาท) ส่วน QN90A กับ QN85A มีราคาตั้งแต่ 1,600 – 5,000 เหรียญ (≈ 48,000 – 151,000 บาท) ก่อนรวมภาษี
ทีวีในกลุ่มไลฟ์สไตล์ยังคงมี The Frame เป็นพระเอกเช่นเคย นอกเนื่องจากขาตั้งแบบเดิมที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว โมเดลปี 2021 ทาง Samsung ได้เพิ่ม Slim Fit Wall Mount ให้เลือกกันถึง 5 รูปแบบ เอาไว้แขวงโชว์บนผนังสวย ๆ เหมือนภาพวาดหรืองารศิลปะ
จากการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ NAVA Contemporary และ Etsy ผู้ให้บริการแกลลอรี่ศิลปะออนไลน์ ทำให้ The Frame มีงานศิลปะระดับโลกให้เลือกไปแสดงผลบนหน้าจอได้มากกว่า 1,400 ชิ้น
หน่วยความจำภายในของ The Frame ถูกอัปเกรดขึ้นเป็น 6GB จากเดิม 0.5GB หากเทียบกับโมเดลปี 2020 ทำให้สามารถเก็บภาพที่มีความคมชัดระดับ Ultra HD ได้มากถึง 1,200 ภาพ ซึ่งผู้ใช้งานจะนำภาพของตัวเองแสดงบนหน้าจอหรือจะเลือกใช้ภาพศิลปะจาก NAVA Contemporary และ Etsy ที่กล่าวไปแล้วก็ได้ตามสะดวก
สำหรับ The Terrace นั้นเป็นทีวีกลางแจ้งรุ่นแรกของ Samsung มีคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP55 มีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด คือ 55 นิ้ว, 65 นิ้ว และ “Full Sun” ที่เป็นโมเดลใหม่ ขนาด 75 นิ้ว ซึ่งแผงหน้าจอจะมีความสว่างมากกว่า มีฟีเจอร์ 4K AI Upscaling ช่วยเพิ่มความคมชัดของคอนเทนต์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ รองรับการแสดงผล HDR ราคาอยู่ระหว่าง 3,500 – 6500 เหรียญ (≈ 106,000 – 197,000 บาท) ก่อนรวมภาษี
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มทีวีแล้ว Samsung ยังเปิดตัวซาวด์บาร์รุ่นใหม่ Q950A ในซีรีส์ Q ด้วย เป็นลำโพงในระบบเสียง 11.1.4 ช่อง รุ่นแรกของอุตสาหกรรม มีเทคโนโลยีประเมินสภาพแวดล้อมเพื่อให้ตัวซาวด์บาร์สามารถขับเสียงสามมิติออกมาได้สมจริงที่สุด รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และรองรับการทำงานร่วมกับผู้ช่วยอัจฉริยะทั้ง Amazon Alexa และ Bixby เสริมความกระหึ่มด้วยฟีเจอร์ Bass Boost เอาไปใช้ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็ฟินไม่แพ้กัน
ที่มา : Samsung
03/03/2021 10:09 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย