Review | รีวิว Samsung Galaxy A10s และ Galaxy A20s เปรียบเทียบรุ่นเล็ก ราคาต่างกัน 2,000 บาท ควรเลือกตัวไหน - Android

Get it on Google Play

Review | รีวิว Samsung Galaxy A10s และ Galaxy A20s เปรียบเทียบรุ่นเล็ก ราคาต่างกัน 2,000 บาท ควรเลือกตัวไหน - Android

กกลับมาอีกครั้งสำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนมือถือ จะสังเกตได้ว่าช่วงหลังๆ เรามักจะรีวิวรุ่นกลางๆ ไปจนถึงตัวเรือธงกันซะเป็นส่วนใหญ่ รุ่นราคาประหยัดนั้นนานๆ จะผ่านมาที วันนี้ทางดรอยด์แซนส์ก็เลยหยิบ Samsung Galaxy A10s (4,490 บาท) และ Samsung Galaxy A20s (6,490 บาท) มารีวิวแบบคู่ๆ เทียบกับแบบจะๆ ไปเลยว่าสำหรับสายโซเซียลแล้ว ควรเลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากันในเมื่อราคาห่างกันอยู่พอสมควรที่ 2,000 บาท แกะกล่องกันก่อน ได้โทรศัพท์มาใช้สักเครื่อง เราก็ต้องมาเช็คของกันก่อนว่าในกล่องให้อะไรมาบ้าง มาเริ่มกันที่ Galaxy A10s […]

กกลับมาอีกครั้งสำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนมือถือ จะสังเกตได้ว่าช่วงหลังๆ เรามักจะรีวิวรุ่นกลางๆ ไปจนถึงตัวเรือธงกันซะเป็นส่วนใหญ่ รุ่นราคาประหยัดนั้นนานๆ จะผ่านมาที วันนี้ทางดรอยด์แซนส์ก็เลยหยิบ Samsung Galaxy A10s (4,490 บาท) และ Samsung Galaxy A20s (6,490 บาท) มารีวิวแบบคู่ๆ เทียบกับแบบจะๆ ไปเลยว่าสำหรับสายโซเซียลแล้ว ควรเลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่ากันในเมื่อราคาห่างกันอยู่พอสมควรที่ 2,000 บาท

แกะกล่องกันก่อน

ได้โทรศัพท์มาใช้สักเครื่อง เราก็ต้องมาเช็คของกันก่อนว่าในกล่องให้อะไรมาบ้าง มาเริ่มกันที่ Galaxy A10s กันก่อนเลย รุ่นนี้ในกล่องจะมีตัวเครื่องโทรศัพท์, หม้อแปลงที่ไม่รองรับชาร์จเร็ว, สาย micro USB (หัวอีกข้างเป็น USB A) โดยไม่มีแถมเคสใสและหูฟังมาให้ ต้องซื้อเพิ่มเอาจ้า

มาถึงตัวรุ่นพี่อย่าง Galaxy A20s กันบ้าง ของแถมก็จะคล้ายๆ กันเลย มีตัวเครื่องโทรศัพท์ แต่หม้อแปลงรอบนี้แถมมาให้เป็นแบบรองรับชาร์จไว 15 วัตต์, สาย Type C (หัวอีกข้างเป็น USB A เช่นเคย) และเหมือนเดิม ไม่มีเคสและหูฟังแถมมาให้ครับ

ดีไซน์ตัวเครื่อง

เครื่องที่ได้มารีวิวรอบนี้ บอกเลยว่าสีจ๊าบ (<–คำนี้ยังใช้กันอยู่ปะ) ถูกใจผมมากๆ Galaxy A10s สีแดง และ Galaxy A20s เป็นสีเขียวแบบมรกต (อัญมณีนะ ไม่ใช่น้ำมันพืช) งานประกอบถือว่าทำออกมาได้โอเค จับถือแน่นมือ ไม่มีลื่นไหลทั้ง 2 รุ่นเลยนะ แถมเครื่องยังบางดีด้วย ข้อสังเกตของสองรุ่นนี้ก็คือฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายมากๆ

หน้าจอของ Galaxy A10s และ Galaxy A20s เป็นแบบ TFT Infinity V ทั้งสองรุ่น ความละเอียดก็เท่ากันที่ HD+ จะต่างกันก็ตรงขนาดของหน้าจอที่ให้มา 6.2 นิ้ว และ 6.5 นิ้วตามลำดับ การใช้งานในสภาพแสงแดดจ้าๆ แบบประเทศไทยบ้านเรา ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s ก็ทำผลงานออกมาได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจเลย สามารถสู้ได้อยู่ ถึงจะไม่ใช่หน้าจอแบบ AMOLED ก็เถอะ กล้องหน้าของทั้งคู่ก็ความละเอียดเท่ากันเลยเหมือนกันที่ 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสงก็เท่ากันเหมือนเดิมที่ f/2.0 แต่เดี๋ยวเรื่องกล้องค่อยลงรายละเอียดอีกทีภายหลังนะครับ ตอนนี้ขอพูดเรื่องดีไซน์ให้จบก่อน

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องมีการจัดวางปุ่มต่างๆ ที่เหมือนกันหมดเลย มีถาดใส่ซิม และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง แต่ดีไซน์ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงของทั้งคู่จะออกแบบต่างกันนะ Galaxy A10s จะมาแบบแยกปุ่มใดปุ่มหนึ่ง ขณะที่ Galaxy A20s จะมีดีไซน์เป็นปุ่มยาวๆ ไปเลย

สำรวจถาดซิมกันบ้าง ทั้ง 2 รุ่นสามารถใส่ซิมได้ 2 ซิมครับ อีกทั้งยังมีช่องว่างสำหรับเติม microSD card อีกด้วย

ส่วนด้านขวาก็มีปุ่มพาวเวอร์อยู่คนเดียวแบบโดดๆ เลย

มาดูกันด้านล่างของตัวเครื่องกันบ้าง ไล่เรียงตั้งแต่ซ้ายไปขวา จะมีลำโพง, พอร์ตเสียบชาร์จ, ไมค์ และ.. นวัตกรรมที่เรือธงในปี 2019 ไม่ใส่มาให้แล้วอย่าง รูหูฟัง 3.5 มม. นั่นเอง ทว่าข้อสังเกตอีกรอบนึงก็คือพอร์ตของ Galaxy A10s จะเป็นแบบ micro USB นะครับ ส่วน Galaxy A20s ให้มาเป็นแบบพอร์ต Type C แล้วครับ ซึ่งความสะดวกสบายตอนนี้ผมว่าพอๆ กันแล้ว แน่นอนว่าเริ่มมีคนใช้ Type C กันมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านบนก็จะโล่งๆ แบบเดียวกับด้านขวาของตัวเครื่องเลยครับ จะมีก็แต่เพียงไมค์ตัวที่สอง เอาไว้ตัดเสียงรบกวนเวลาคุยโทรศัพท์เท่านั้น

UI และการใช้งาน

แน่นอนล่ะ ทั้งสองรุ่นยี่ห้อ Samsung เหมือนกันที่ติดมากับเครื่องก็ต้องเป็น OneUI เหมือนกันทั้งคู่ หน้าตา UI ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่อย่างใดนะ ถ้าใครที่เคยลองเล่นมือถือของแบรนด์นี้มาก่อน ก็สามารถใช้งานได้เลยไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครเพิ่งเคยใช้ครั้งแรกก็.. ก็เล่นได้อยู่ดีไม่มีปัญหาเหมือนกันแหละ ฮ่าๆ สามารถปรับแต่งอะไรได้มากพอสมควรเลย จะเลือกให้มี App Drawer หรือไม่มีก็ได้นะ อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ทั้งสองรุ่นไม่มีความแตกต่างอะไร

ในเรื่องของการดาวน์โหลดแอปต่างๆ Galaxy A20s น่าจะลอยตัวแล้ว เพราะมาพร้อมกับความจุ 64GB เหลือๆ เลย ทว่าตัวเล็กอย่าง Galaxy A10s นี่สิ จะไหวเหรอ มีความจุแค่ 32GB เองนะ.. แต่หลังจากลองเล่น ลองดาวน์โหลดแอปโน่นนี่ดูก็พบว่าสามารถดาวน์โหลดได้แบบเป็นสิบๆ แอปเลย แอปพื้นฐานสามัญประจำเครื่องอย่าง LINE, Facebook, Twitter, IG อะไรแบบนี้ มาครบ หรือเกมยอดนิยมอย่าง RoV หรือ PUBG ก็ยังโหลดได้ แต่จะเล่นได้ลื่นไหม.. อันนี้ก็ขออุบไว้ก่อนเหมือนเดิมนะ ยังไม่อยากสปอยตอนนี้ อิอิ

 

เวลาเปิดแอปเบื้องหลังไว้เยอะๆ พบว่าเครื่องจะเริ่มใช้เวลาในการปิด/เปิดแอปนานขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นเพราะ RAM เริ่มจะเต็มนั่นเอง ฝั่งของ Galaxy A20s จะจัดการในเรื่องนี้ได้ดีกว่าหน่อยๆ เพราะใส่ RAM มา 4GB ขณะที่ Galaxy A10s ก็ลำบากหน่อยใส่ RAM มาให้เพียง 2GB เท่านั้นเอง แต่ถ้าใครไม่คิดอะไร แค่เล่นไลน์ โซเซียล รุ่นนี้เอาอยู่เลยนะ แต่อาจจะต้องใจเย็นๆ หน่อยนึง ประสิทธิภาพอาจจะไม่ได้ไวเท่ารุ่นระดับกลางๆ เรียกว่าประสิทธิภาพตามราคา

แบ่งหน้าจอหรือเปิด pop-up view ได้แบบสบายๆ เลย แถมก็ทำง่ายๆ แค่กด recent app > กดค้างที่ไอคอนแอป > Open in split screen view (หรืออยากให้เป็นแบบป๊อปอัพก็เลือก Open in pop-up view) > จากนั้นก็เลือกแอปที่อยากแบ่งจอได้เลย

เรื่องการเชื่อมต่อ Wi-Fi อันนี้น่าเสียดาย ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s รองรับเพียงแค่ตัวความถี่ 2.4GHz เท่านั้นครับ ไม่รองรับความถี่ 5GHz นะครับ

มาถึงจุดที่ตอนนี้ถือเป็นวาระแห่งชาติเลยก็ว่าได้ในการตัดสินใจเรื่องซื้อโทรศัพท์สักเครื่อง นั้นก็คือ.. “รุ่นนี้รองรับ Netflix แบบ HD ไหม?” จากที่ไปทดสอบมาก็พบว่า จะมีเพียงแค่ Galaxy A20s เท่านั้นนะครับที่รองรับ มี Widevine อยู่ที่ระดับ L1 รองรับการเข้ารหัส HD ขณะที่ Galaxy A10s อันนี้รองรับแค่ L3 เท่านั้น

แต่พอจะลองเข้าไปดูจริงๆ Galaxy A20s กลับไม่ขึ้นตัวเลือก HD ใน Netflix ทั้งๆ ที่รองรับ L1 แท้ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่แอปยังไม่รองรับ ชิปหรือการเชื่อมต่อแรงไม่พอหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้

ส่วนใครที่ชอบเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนหรือในที่แสงน้อยๆ อันนี้ทั้งสองรุ่นก็ใส่ฟีเจอร์ Blue Light Filter ช่วยตัดแสงสีฟ้ามาให้ครับ ทำให้การเล่นมือถือก่อนนอนถือว่าสบายตาขึ้นเยอะเลย ไม่ปวดตา แถมโหมดนี้ไปอ่านมา มันช่วยให้เราหลับสบายหลับลึกขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยนะ แต่ถ้าให้ดี ก็อย่าเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนเลย พักผ่อนเยอะๆ

 

GPS และการนำทาง

การใช้งาน GPS นำทางแอป Google Maps ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยนะ แต่ข้อสังเกตก็คือ Galaxy A10s นั้นไม่มีเซนเซอร์ Magnetometer กับ Gyroscope มาให้ ซึ่งถือว่าจำเป็นมากๆ ของการใช้งานแผนที่ อันนี้ Galaxy A20s กินขาดเลย เพราะใส่มาให้ครบ

 

การสแกนลายนิ้วมือ

เรื่องการสแกนนิ้วมือปลดล็อคหน้าจออันนี้ทั้ง Galaxy A10s และ Galaxy A20s ใส่มาไว้ให้ตรงบริเวณด้านหลังเครื่องเหมือนกัน จุดเดียวกันเลย ใช้นิ้วชี้แตะได้แบบพอดีไม่ต้องเอื้อม ตรงนี้ถือว่าประทับใจ แต่ใช้งานจริงๆ แล้งแอบมีช้านิดๆ บางจังหวะนี่ 1 – 2 วินาทีได้เลยล่ะ

 

กล้องถ่ายภาพ

มากันที่เรื่องกล้องถ่ายภาพกันบ้าง กล้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักๆ ของใครหลายๆ คนเลยเวลาเลือกซื้อโทรศัพท์แต่ละที รุ่นนี้ถ่ายรูปสวยไหม รุ่นนี้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอดีหรือเปล่า เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูสเปคกล้องของทั้งสองรุ่นนี้กันเลยดีกว่า

Galaxy A10s มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัว แบ่งเป็นเซนเซอร์หลัก 13 ล้านพิกเซล + กล้อง depth sensor 2 ล้านพิกเซล ขณะที่ Galaxy A20s เหนือกว่าอยู่หน่อยๆ ใส่กล้องมาให้ 3 ตัว ประกอบด้วยเซนเซอร์หลัก 13 ล้านพิกเซล + กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล และกล้อง depth sensor 5 ล้านพิกเซล ฟีเจอร์อะไรต่างๆ อย่างโหมด Pro หรือ Live Focus อะไรงี้ให้มาครบ แต่ Live Focus จะมีให้ปรับเบลอฉากหลังแค่แบบเดียวนะ คือแบบละลายพื้นหลังปกติ ไม่มีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติม ส่วนประสิทธิภาพจะเป็นยังไง ตัวไหนถ่ายดีกว่ากัน อันนี้พูดยากแฮะ ผมเลยถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆ ลองช่วยกันตัดสินว่าภาพจากตัวไหนสวยกว่ากัน

ตัวอย่างรูป (ฝั่งซ้ายเป็น Galaxy A10s vs Galaxy A20s ฝั่งขวา)

23/10/2019 03:28 AM