OnePlus 8T มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง OnePlus ที่เปิดตัวมาพร้อมฟีเจอร์ระดับ High-end มากมายไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Fluid AMOLED ความละเอียด FullHD+ พร้อมรีเฟรชเรทถึง 120Hz ชิปเซ็ตรุ่นท็อป Snapdragon 865 RAM 8GB และรองรับการใช้งาน 5G คลื่น 2600 ตั้งแต่ออกจากเครื่องอีกด้วย
ส่วนแรกที่ต้องพูดถึงกันก่อนเลยก็จะเป็นในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องทึ่ OnePlus ทำออกมาได้พรีเมียมสมราคา ด้วยหน้าจอแบนราบไปตามตัวเครื่อง พร้อมขอบข้าง ๆ เครื่องเป็น Anodized Aluminum ให้ความรู้สึกพรีเมียมจับง่ายแถมไม่ติดลายนิ้วมือ ด้านซ้ายก็มาพร้อมกับปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ส่วนด้านขวาก็จะเป็นปุ่ม Power ปกติทั่วไป และ Alert Slider ที่เป็นฟีเจอร์เด่นของมือถือ OnePlus ก็มีติดมาให้เราได้ใช้รุ่นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
Alert Slider ที่เป็นฟีเจอร์เด่นของมือถือ OnePlus 8T ก็มีติดมาด้วย
ถัดมาในส่วนของฝาหลังก็มาพร้อมกับดีไซน์แบบกระจกใส ๆ พร้อมโลโก้ OnePlus อยู่ตรงกลาง และโมดูลกล้องที่อยู่ด้านบนซ้ายประกอบได้ด้วยกล้องทั้งหมด 4 ตัวด้วยกันซึ่งตัวโมดูลก็นูนออกมาเพียงเล็กน้อย กระจกทั้งหน้า และหลังถูกครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 6 ช่วยให้คงทนต่อแรงขีดข่วน และแรงกระแทกได้ดีขึ้น
โดยรวมเวลาถือหรือจับ OnePlus 8T ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมจับถือง่าย พอดีมือ มีความหนาเพียงแค่ 8.4 มิลลิเมตร (ไม่รวมโมดูลกล้อง) ทำให้เป็นมือถือที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายไม่มีปัญหาเลย แต่จะมีจุดสังเกตเล็กน้อยตรงที่ขอบ ๆ โมดูลกล้องมีความคม และแวววาวในระดับหนึ่ง ทำให้อาจเป็นรอยได้ค่อนข้างง่ายเมื่อสัมผัสกับของแข็ง เพราะงั้นถ้าใส่เคสอาจจะปลอดภัยกว่าครับ
หน้าจอขนาด 6.55 นิ้วที่มาพร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรูด้านบนซ้าย
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจของ OnePlus 8T 5G ก็จะเป็นในเรื่องของหน้าจอที่เป็น Fluid AMOLED ขนาด 6.55″ ความละเอียด FullHD+ พ่วงมาด้วยรีเฟรชเรท 120Hz และ Touch sampling rate อยู่ที่ 240Hz ทำให้การใช้งานรู้สึกลื่นไหลมาก ๆ การสัมผัสรู้สึกติดมือ และตอบสนองดีไม่ว่าจะลาก Facebook หรือเล่นเกมก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด มาพร้อมสัดส่วนจอต่อตัวเครื่องที่ 91.9% มาพร้อมกล้องหน้าแบบเจาะรูที่มุมบนซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีรอยบากหรือขอบด้านล่างเครื่องมาให้รำคาญใจเลย
ถัดมาในเรื่องของความสว่างจอก็ไม่มีปัญหาเลยเพราะ OnePlus 8T สามารถดันความสว่างหน้าจอไปได้สูงสุดถึง 1,100 Nits สามารถใช้งานได้สบาย ๆ ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง สู้แดดประเทศไทยได้สบาย ๆ อีกทั้งยังรองรับการแสดงผลแบบ DCI-P3 แบบ 100% ช่วยให้จอมีค่าขอบเขตสีที่กว้างแสดงผลสีย่านต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ แถมยังรองรับการรับชมคอนเทนต์แบบ HDR10+ อีกด้วย ซึ่งจากจากที่ได้ถามทีมงาน Droidsans ที่ใช้งาน OnePlus 8 Pro เป็นมือถือหลักก็บอกว่าชอบจอของเครื่อง 8T มากกว่า แต่มันก็เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวอยู่ดีครับ
นอกจากหน้าจอที่ดีแล้ว ภายใต้จอของ OnePlus 8T ก็ยังมาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Optical ที่สแกนได้รวดเร็วแม่นยำ ซึ่งจากที่ทดสอบมีดีเลย์ราว ๆ 0.2 วินาทีเท่านั้น
ฟีเจอร์ Dolby Atmos ที่สามารถเลือกปรับเพื่อดูหนัง ฟังเพลง หรือแบบ Dynamic ที่จะปรับให้อัตโนมัติ
เอาใจสายมัลติมีเดียด้วยหน้าจอความละเอียดสูงไปแล้ว OnePlus 8T ก็ยังมาพร้อมกับระบบลำโพงคู่ Stereo ให้เสียงที่ Surround ดัง ชัดใส ไม่ว่าจะดูหนังหรือฟังเพลงก็ได้อรรถรสที่เต็มที่ไม่มีปัญหาเลย แถม OnePlus 8T เครื่องนี้ยังรองรับฟีเจอร์เสียง Dolby Atmos เพื่อให้ได้เสียง Surround แบบคุณถาพทั้งในหูฟัง และลำโพงนั่นเอง ซึ่งผู้ใช้งานสามารถไปเปิดใช้งานได้ในหน้า Settings
OnePlus 8T ทดสอบความเร็วสัญญาณ 5G
อีกฟีเจอร์เด่นของ OnePlus 8T ก็จะเป็นเรื่องของการรองรับสัญญาณ 5G ตั้งแต่ออกจากกล่องซึ่งเป็นมือถือ OnePlus เครื่องแรก ๆ เลยที่ได้รับฟีเจอร์นี้ก่อนใครเพื่อ ซึ่งคลื่นที่รองรับของ OnePlus 8T ก็จะเป็นคลื่น 2600 ที่หลาย ๆ ค่ายมือถือเริ่มเปิดให้บริการกันแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นความเร็วก็มีส่วนประกอบในเรื่องของตำแหน่งเสาสัญญาณมาเกี่ยวข้องด้วยอยู่ดีครับ
หน้า About phone ของ OnePlus 8T พร้อม Android 11 และ OxygenOS รุ่นล่าสุด
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนเลือกซื้อมือถือ OnePlus ก็น่าจะเป็นเรื่องของระบบปฎิบัติการ OxygenOS 11 ที่ทำงานบนระบบ Android 11 เวอร์ชั่นล่าสุด ใช้แล้วบอกได้ว่าเป็นประสบการณ์ Stock Android ที่ดีมาก ๆ ตามฉบับของ OnePlus มาพร้อมหน้าตา UI ที่เรียบ ๆ คลีน ๆ แต่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่สุดมาก ๆ ไม่ว่าจะงานประจำวันทั่วไป หรือจะใช้งาน Muti-tasking ก็ไม่มีปัญหาสะดุด หรือหน่วงแต่อย่างใด แถมตัว Oxygen OS 11 ยังถูกปรับแต่งอย่างดีทำให้ใช้พลังงานน้อย แบตอึดเหลือตอนจบวันตลอดเลยครับ
หน้า Settings ของ Quick Gestures ที่เราสามารถเลือกให้ใช้คำสั่งลัดอะไรก็ได้
OxygenOS 11 ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการใช้งานคำสั่ง Gesture ต่าง ๆ เพื่อเปิดแอปหรือใข้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ บนเครื่องโดยที่ไม่จำเป็นต้องปลดล็อคหน้าจอ ซึ่งในหน้าการตั้งค่าก็จะมีคำสั่ง Gesture เป็นตัวอักษรต่าง ๆ ที่สามารถลากได้โดยที่ไม่ต้องยกนิ้วอย่าง O,V,S,M,W ซึ่งผู้ใช้งานก็สามารถตั้งค่าคำสั่งได้ตามสะดวกในหน้า Settings ได้เลย ไม่พลาดจังหวะสำคัญ ๆ เวลาต้องใช้ฟีเจอร์บางอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันของ OxygenOS 11 ก็น่าจะเป็นฟีเจอร์ Quick Launch ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งเมนู Shortcut ที่สามารถเรียกใช้งานได้โดยตรงเพียงสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคเครื่องแล้วแช่นิ้วค้างไว้ประมาณ 1 วินาที ตัวเมนูก็จะปรากฎขึ้นมาให้ผู้ใช้งานลากซ้ายขวาเพื่อใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ที่ตั้งค่าไว้ได้เลย
OnePlus 8T ก็มาพร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้การเล่นเกมง่ายขึ้นอย่าง Game Space ที่จะทำการรวมเกมทั้งหมดในเครื่องมาไว้ในแอปพลิเคชั่นเดียว ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องลากหาเกมที่ต้องการเล่น แถมยังมีหน้าตั้งค่าให้เราสามารถปรับแต่งค่ากราฟิกต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลมากขึ้นอีกด้วย หรือถ้าใครที่เป็นเกมเมอร์สาย Hardcore ก็สามารถเปิดโหมด Fnatic ที่จะทำการปิด Notification และเพิ่มสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้ดีขึ้นด้วยการตัดสัญญาณจากซิมที่ 2 (ถ้ามี) ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตดีขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่เล่นเกมสาย Competitive บนมือถือก็น่าจะชอบฟีเจอร์นี้กันแน่นอน
ผลทดสอบความแรง CPU จากแอป Geekbench 5
OnePlus 8T มาพร้อมชิปตัวท็อปอย่าง Snapdragon 865 เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง OnePlus 8 Pro ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานให้ความรู้สึกที่ลื่นไหลในทุกรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นใช้งานทั่วไปอย่างการเล่น Social, เข้าเบราว์เซอร์, แต่งรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงการเล่นเกมกราฟิกโหด ๆ ก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหาเลย ยิ่งพวกมาด้วย RAM ขนาด 12GB (เริ่มต้นที่ 8GB) ทำให้สามารถใช้งาน Multitasking ได้อย่างราบรื่นเลย จะเปิดกี่แอปก็ไม่หวั่นจริง ๆ
ถัดมาในส่วนของการเล่นเกมก็ไม่มีปัญหาเลย ไม่ว่าจะเป็นเกมกินสเปคหนัก ๆ อย่าง Genshin Impact หรือ LOL: Wild Rift ก็ไม่มีอาการกระตุก หรือหน่วงแต่อย่างไรเลย สามารถเล่นได้ที่ 60 เฟรมนิ่ง ๆ แถมยังได้ Touch Sampling rate 240Hz มาช่วย ทำให้การควบคุมเกมมีการตอบสนองที่รวดเร็วอีกด้วย
อีกอย่างทีี่เป็นจุดที่น่าสนใจของ OnePlus 8T ก็จะเป็นในเรื่องของระบบระบายความร้อนที่ทำมาได้ดีขึ้น ทำให้เวลาใช้งานหนัก ๆ ตัวเครื่องก็จะมีความรู้สึกที่ร้อนขึ้นอยู่บ้างในบริเวณส่วนบนของตัวเครื่อง แต่รวม ๆ แล้วก็แค่รู้สึกอุ่นขึ้น ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้งานเท่าไหร่นัก
ในส่วนของกล้องทาง OnePlus ก็ไม่ได้น้อยหน้า และเลือกใช้เป็น Quad Camera Setup ประกอบไปด้วย
นอกเหนือจากที่บอกมาข้างต้น OnePlus 8T ยังมาพร้อมกับ Anti-flickering sensor ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับอัตราการกระพริบของแสงไฟ แล้วปรับกล้องให้เหมาะสมเพื่อเวลาถ่ายรูป หรืออัดวิดิโอแล้วจะไม่กระพริบนั่นเอง เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบถ่ายวิดิโอในร่มที่มีหลอดไฟฟลูโอเรสเซ้นเยอะ ๆ
นอกจาก Hardware คุณภาพแจ่ม ๆ แล้ว OnePlus ยังโดดเด่นในเรื่องของการปรับแต่งผ่านทาง Software ที่ช่วยให้รูปที่ถ่ายออกมาดูดีมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งในเรื่องของระยะโฟกัสทาง OnePlus ก็ใส่มาให้อย่างครบครันสามารถถ่ายได้หลาย ๆ สถานการณ์ ซึ่งลักษณะภาพที่ได้ก็จะเป็นแนว ๆ ที่ให้รายละเอียดสูง Dynamic Range ดี ยิ่งถ้าอยู่ในสภาพแสงดี ๆ แล้วก็จะสามารถถ่ายภาพสวย ๆ ได้ไม่ยากเลย
22/12/2020 01:50 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย