ในยุคที่มือถือกลายมาเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของมนุษย์ ผู้พัฒนาก็ได้สร้างแอปพลิเคชันมากมายเพื่อเอามาตอบสนอง Lifestyle ของผู้ใช้งานทั่วโลก แต่ด้วยความที่ Play Store มีแอปน่าใช้เต็มไปหมดจนไม่รู้ว่าควรใช้แอปไหนดี วันนี้ Droidsans จะมาลิสต์แอปพลิเคชันสามัญประจำมือถือที่ควรมีติดไว้ทุกเครื่อง ในปี 2020 ครับ
เนื่องจากแอปพลิเคชันแต่ละรูปแบบก็ได้ถูกพัฒนา และจัดหมวดหมู่ตามการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทาง Droidsans ก็ได้จัดหมวดหมู่แอปพลิเคชั่นที่จำเป็นสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันไว้ทั้งหมดเป็น 10 หมวด เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา และใช้งานโดยแบ่งดังนี้
ก็ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันหลักที่หลาย ๆ คนใช้เพื่อติดต่อสื่อสารคอยอัปเดตความเคลื่อนไหวของโลกใบนี้ ซึ่งก็ถือว่านับเป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้มีแอปหน้าใหม่เข้ามาในวงการ Social Media เท่าไหร่
ถือว่าเป็น 1 ในแอปพลิเคชั่น Social Media ที่ได้รับความนิยมสูงมากทั่วโลก ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันมากมายทั้งการติดต่อสื่อสาร โพสต์ภาพ วิดิโอต่าง ๆ ทำให้ Facebook ก็ยังคงเป็นแอปที่มีติดมือถือทุกเครื่องอยู่ดีครับ
Twitter (Free, Google Play) →
อีกหนึ่งทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบ Facebook เท่าไหร่นักกับ Twitter ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการอ่านข้อมูลที่เน้นภาพ และตัวอักษรเป็นหลัก แถมยังมีระบบ Hashtag ที่ทำให้การติดตามข่าวสารบ้านเมืองสามารถทำได้รวดเร็วฉับไวมาก ๆ แถมเรายังเห็นผุ้ใช้งานวัยรุ่นไทยเริ่มหันมาเล่น Twitter กันมาขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
Instagram (Free, Google Play) →
อีกหนึ่งแอป Social Media ที่เอาไว้ติดตามชีวิต และอัปเดตความเป็นไปของชีวิตส่วนตัวกับแอปลูกของ Facebook อย่าง Instagram ที่เน้นการโพสต์รูปเป็นหลักทำให้สายถ่ายรูปหลาย ๆ คนน่าจะชอบเป็นอย่างดี แถมยังมาพร้อมกับฟีเจอร์วิดิโอสั้น Instagram Story เอาไว้โพสต์เรื่องราวชีวิตสั้น ๆ อัปเดตเรื่องราวส่วนตัวของเราได้อีกด้วย
Reddit (Free, Google Play) →
แอปเก่าแก่ที่ทำงานคล้าย ๆ กับเว็บพันทิปของไทยกับ Reddit ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนต่างชาติเสียมากกว่าซึ่ง Reddit ก็จะเป็นแหล่งรวมคนที่สนใจเรื่องคล้าย ๆ กันมาโพสต์แลกเปลี่ยนข้อมูลกันใน Subreddit สามารถ Upvote หรือ Downvote กันได้เพื่อให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ขึ้นไปอยู่บน ๆ กระทู้เพื่อให้มองเห็นง่ายนั่นเอง
ถัดมาสำหรับแอปพลิเคชั่นส่งข้อความติดต่อสื่อสารซึ่งก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับมือถือทุกเครื่องซึ่งปีนี้ก็ได้มีแอปส่งข้อความใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาให้ผู้ใช้งานได้เลือกสรรค์กันอีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อน ๆ ที่อยู่ในกลุ่มคุณใช้อะไรอยู่ดีนั่นแหละครับ
LINE: โทรและส่งข้อความฟรี (Free, Google Play) →
ถือว่าเป็นแอปพลิเคชั่นส่งข้อความที่อยู่คู่คนไทยมาเป็นเวลานานพอควรแล้วทีเดียว ด้วยฟีเจอร์การส่งข้อความ โทรเสียง และวิดิโอคอลที่ครบถ้วน ทำให้เป็นแอปที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับมือถือทุกเครื่อง แถมปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาให้กลายเป็นเสมือน Super App ที่มีทั้งบริการธนาคาร ร้านค้าขายของ และอื่น ๆ อีกมากมายในแอปเดียวอีกด้วย
ใช้ Messenger ส่งข้อความ SMS และคุยวิดีโอคอลได้ฟรี (Free, Google Play) →
เป็นอีกหนึ่งบริการที่แยกออกมาจากของ Facebook อย่าง Facebook Messenger ที่มพร้อมฟีเจอร์การส่งข้อความแบบครบวงจรผ่านบัญชี Facebook ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ โทรคุย หรือวิดิโอคอลก็สามารถทำได้ แถมล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ Facebook Messenger ได้มีการควบรวมกับ Instagram Messenger ทำให้ผู้ใช้งานทั้ง 2 แพลตฟอร์มสามารถพูดคุยข้ามกันได้อีกด้วย
Telegram (Free, Google Play) →
อีกแอปส่งข้อความที่กำลังมาแรงมากจากสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น แต่จริง ๆ แล้วหลาย ๆ คนกลับไม่รู้ว่า Telegram เป็นแอปพลิเคชั่นส่งข้อความที่ฟีเจอร์เรื่องความสะดวก และความปลอดภัยแน่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแชทส่วนตัวที่สามารถตั้งเวลาลบข้อความได้ ไปจนถึงระบบ 2 way Encription ที่ทำให้ข้อความถูกเข้ารหัสปลอดภัยสุด ๆ นั่นเอง สามารถอ่านรีวิวฟีเจอร์เต็ม ๆ ของ Telegram ได้ที่นี่
หมวดหมู่ต่อไปก็จะเป็นเรื่องของแอปดูหนังฟังเพลง ซึ่งปี 2020 ก็เป็นปีที่หลาย ๆ คนเริ่มสมัครใช้งานบริการ Streaming กันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ แถมอีกไม่นานก็จะมีบริการอื่น ๆ มาเปิดเพิ่มในไทยอีกมากมายอีกด้วยซึ่งในหมวดหมู่ที่ก็จะแยกเป็นประเภทบริการอีกรอบได้แก่บริการ สตรีมเพลง และสตรีมหนัง/ซีรีส์
Spotify - เพลงและพอดแคสต์ (Free, Google Play) →
ถือว่าเป็นแอปสตรีมที่เพลงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจริง ๆ กับ Spotify ที่มาพร้อม Library เพลงสุดฉลาด สามารถแนะนำเพลงใหม่ ๆ ให้เราได้ตามนิสัย และแนวเพลงที่เราฟัง แถมยังมีเพลงครอบคลุมทุกแนวทุกภาษาอีกด้วย
JOOX Music - Live and Karaoke (Free, Google Play) →
แอปสตรีมเพลงยอดนิยมของคนไทยที่สามารถสตรีมเพลงไทยมากมายโดยที่ไม่ต้องเสียค่าบริการ แถมยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Playlist ตามโอกาสต่าง ๆ แถมยังใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากทำให้เป็นที่นิยมมาก ๆ ในหมู่ผู้ใช้งานไทย
TIDAL Music - Hifi Songs, Playlists, & Videos (Free, Google Play) →
แอปสตรีมเพลงสายหูพระกาฬ ที่มีฟีเจอร์เด่นสุดไปอยู่ที่คุณภาพเสียงระดับคุณภาพระดับ MQA แถมยังมี Playlist เพลง Classic ไฟล์เสียงคุณภาพให้ได้เลือกฟังมากมาย ถือว่าเป็นแอปฟังเพลงในดวงใจของ Audiophile ทุกคนเลยทีเดียว
Netflix (Free, Google Play) →
แอปสตรีมหนังเจ้าแรก ๆ ในไทยที่มาพร้อมกับหนัง hollywood และซีรีส์ดัง ๆ มากมายมาอยู่ในมือถือของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหนัก กาตูน สารคดี ซีรีส์ไทยเทศก็ต้องบอกเลยว่ามาครบครันจริง ๆ แถมยังมีหนัง และซีรีส์ใหม่ที่คอยอัปเดตเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
Amazon Prime Video (Free, Google Play) →
แอปคู่แข่ง Netflix ที่เพิ่งเปิดในไทยมาได้ไม่นาน มีซีรีส์ Exclusive มากมายที่สามารถหาดูได้แค่ใน Amazon Prime เท่านั้น แถม Library หนัง Hollywood ก็ไม่ได้น้อยหน้า Netflix เลยอีกด้วย
HBO Go (Free, Google Play) →
ถัดมาอีกแอปกับ HBO Go ที่มีฟีเจอร์ และการใช้งานคล้าย ๆ กับแอป สตรีมมิ่งทั่วไป แต่ก็มาพร้อมกับหนัง และซีรีส์ลิขสิทธิ์แท้ที่หาดูได้จากใน HBO Go เท่านั้นซึ่งถ้าใครรู้จัก HBO ก็น่าจะรู้ว่ามีหนัง Hollywood คุณภาพอยู่ในสังกัดเยอะมาก ๆ ใครเป็นคอหนังไม่ควรพลาดเด็ดขาดครับ สามารถอ่านฟีเจอร์เพิ่มเติมได้ทีนี่
WeTV - นางโจร (Free, Google Play) →
แอปสตรีมมิ่งละคร และซีรีส์เอเซียทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น เกาหลี จีน ไทย หรือจะเป็น Anime ก็มีให้เลือกไม่น้อยเลยทีเดียว แถมอีกหน่อยจะเริ่มมี WE TV Original ของแอปเองอีกด้วย อีกจุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์คอมเม้นต์ในซีรีส์ที่เราดูซึ่งคอมเม้นต์นี้จะลอย ๆ สำหรับใครที่ชอบดูละคร หรือซีรีส์เอเชียต้องโหลดติดเครื่องรับรองฟินจิกหมอนกันแน่นอน
LINE TV (Free, Google Play) →
อีกหนึ่งแอปสตรีมมิ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่คนไทยเป็นอย่างมาก มาพร้อมละคร และซีรีส์ไทยมากมายให้ได้เลือกดูกันฟรึ ๆ ไม่เสียตังซักบาทเดียว ใครที่เป็นแฟนละครไทยจะต้องโหลดมาลองใช้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
MX Player (Free, Google Play) →
แอปดูวิดิโอที่อยู่คู่ผู้ใช้งาน Android มานานแสนนาน ด้วยฟีเจอร์การดูวิดิโอที่ครบครัน แถมยังรอบรับสกุลไฟล์ที่หลากหลายทำให้สามารถดูวิดิโอ หรือหนังที่ลงไว้บนมือถือได้สบาย ๆ เลย
ตอนนี้ต้องบอกเลยว่ากล้องมือได้ถูกพัฒนาไปไกลอย่างก้าวกระโดดมาก ๆ ทั้ง Hardware และ Software ทำให้มือถือกลายเป็นกล้องหลักของผู้ใช้งานหลาย ๆ คนซึ่ง Droidsans ก็ได้รวมแอปเกี่ยวกับการถ่ายรูปที่จำเป็นต้องมีติดเครื่องมาไว้ให้ทุกคนได้ลองเลือกใช้กันครับ
Adobe Photoshop Camera: Photo Editor & Lens Filter (Free, Google Play) →
Photoshop Camera มาพร้อมกับฟีเจอร์แต่งรูปด้วยเอฟเฟคแบบ AR และฟิลเตอร์สีสวย ๆ งาม ๆ มากมายช่วยให้สามารถถ่ายรูปที่ดูมีสีสันแปลกตากว่ารูปปกติ แถมยังมีฟีเจอร์เด่นที่ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนท้องฟ้าในรูปเป็นแบบอื่นได้อีกด้วย แถมในแอปยังมีคอมมิวนิตี้ตากล้องที่คอยโพสต์เอฟเฟคต่าง ๆ ให้เราสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้อีกด้วย
Adobe Lightroom - Photo Editor & Pro Camera (Free+, Google Play) →
ถือว่าเป็นโปรแกรมคู่ใจตากล้องทั้งสายสมัครเล่น และมือาชีพกับ Adobe Lightroom เวอร์ชั่นมือถือที่มาพร้อมฟีเจอร์ในการแต่งรูปแบบจัดเต็มเหมือนเวอร์ชั่น PC เลยซึ่งเดี๋ยวนี้มือถือระดับ Mid-range ถึง High-end ขึ้นไปก็เริ่มสามารถถ่ายภาพไฟล์ RAW กันได้แล้ว ทำให้ Lightroom เป็นแอบแต่งรูปที่มีประโยชน์มาก ๆ
Snapseed (Free, Google Play) →
อีกหนึ่งแอปแต่งรูปประจำมือถือใครหลาย ๆ คนกับฟีเจอร์ในการแต่งรูปแบบแตะปุ๊ปเปลี่ยนปั๊บรวดเร็วทันใจ แถมถ้าใครที่ต้องการปรับแต่งแบบละเอียดขึ้นก็สามารถเข้าไปเมนูปรับแต่งอย่างละเอียดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะมือสมัครเล่นหรือมืออาชีพก็ควรจะมีติดเครื่องไว้นะครับ
NOMO - Point and Shoot (Free+, Google Play) →
แอปฟิลเตอร์กล้องฟีล์มสำหรับสายอินดี้ที่ชอบอารมณ์ และสีของกล้องฟีล์มซึ่ง NOMO ก็มาพร้อมกับฟิลเตอร์ที่ปรับแต่งอ้างอิ้งจากกล้อง และฟิล์มยอดนิยมของจริงขนิดต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่ารูปที่ได้ออกมาเป็นฟีล์มจริง ๆ แถมหน้า UI ก็ทำเลียนแบบกล้องจริง ๆ ถ่ายแล้วได้อารมณ์ถ่ายฟีล์มมาก ๆ เลยครับ
Foodie - Camera for life (Free, Google Play) →
เป็นอีกแอปแต่งรูปแบบครบวงจรเอาใจสายเกาหลีกับ Foodie ที่มีฟีเจอร์แต่งรูปแบบ Preset ใช้งานง่ายแถมแบ่งประเภทมาให้เรียบร้อยแล้วเช่นถ่ายคน ถ่ายอาหาร ถ่ายวิว ถ่ายกลางแจ้ง หรือในร่มก็มีพร้อมสามารถเลือกใช้ได้เลย อีกทั้งในตัวแอปยังมีผุ้ใช้งานคนอื่นออกมาแชร์ Preset การตกแต่งให้เราสามารถดาวน์โหลดไปใช้ต่อเพื่อให้ได้สีแบบคนอื่นได้อีกด้วย
Evernote - Notes Organizer & Daily Planner (Free+, Google Play) →
แอปพลิเคชั่นจดโน๊ตสารพัดประโยชน์ที่เชื่อว่าใช้แล้วบอกเลยว่าเลิกไม่ได้เพราะ Evernote มีฟีเจอร์ในการจดทีครบครันมากไม่ว่าจะเป็นการจัดแจงหน้ากระดาษ ไปจนถึงการแยกสมุดเพื่อให้เราสามารถจัดระเบียบบันทึกของเราได้ แถม Evernote ยังทำการ Sync บน Account เดียวกันทำให้เราสามารถใช้งานได้ทั้งบน PC และ มือถือได้ไม่มีาสะดุดไม่ต้องกลัวหายอีกด้วย
ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ กับแอปเอกสารต่าง ๆ ของ Google ไม่ว่าจะเป็น Doc, Sheets, Slide ไปจนถึงแอปเก็บไฟล์อย่าง Google Drive ที่ทำให้ Eco-system ในการทำงานเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วมาก ๆ แถมทุก ๆ แอปยังเชื่อมต่อตรงกับบัญชี Google ทำให้เก็บงาน และเซฟให้อัตโนมัติแถมยังสามารถแชร์ไฟล์ให้คนอื่นสามารถเข้ามาทำงานได้พร้อม ๆ กันอีกด้วย
Google Docs (Free, Google Play) →
Google Sheets (Free, Google Play) →
Google Slides (Free, Google Play) →
Google Drive (Free+, Google Play) →
Google One (Free+, Google Play) →
Pinterest (Free, Google Play) →
เป็นเหมือนกึ่ง ๆ แอป Social Media แต่บอกได้เลยว่า Pinterest เป็นเสมือนเพื่อนซี้ของนักออกแบบ และสายกราฟิกทุกคน เพราะตัวแอปทำงานเหมือนกับแอป Search Engine เอาไว้สำหรับหาไอเดียไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น งานศิลปะ งานวาดรูป งานกราฟิก รูปถ่าย และอื่น ๆ อีกมากมาย ใครทำงานสายศิลปะ หรือขชอบเสพงานอาร์ทสวย ๆ ต้องลองโหลดมาใช้งานกันนะครับ
อีกหมวดหมู่หนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็น่าแอปช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ก็มีให้เลือกมากมายหลายแบบตามความสะดวก ซึ่งแต่ละแอปก็จะจัดโปรโมชั่น และมีชนิดสินค้า และราคาที่แตกต่างกันออกไป แต่การใช้งาน UI และฟังก์ชั่นทั้งหมดของแอปในหมวดหมู่นี้ก็จะได้ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ เพราะงั้นผู้ใช้งานก็สามารถลองโหลดมาใช้ทั้ง 3 แอปแล้วค่อยตัดสินใจทีหลังก็ไม่เสียหายนะ
Shoppee
Shopee No.1 Online Platform (Free, Google Play) →
Lazada
Lazada - #1 Online Shopping App (Free, Google Play) →
JDCentral
JD CENTRAL - Online Shopping (Free, Google Play) →
CamScanner - Scanner to scan PDF (Free, Google Play) →
เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่ช่วยชีวิตมาก ๆ ในหลาย ๆ สถานการณ์ที่ต้องส่งเอกสารออนไลน์เพื่อสมัครสมาชิกอะไรซักอย่าง อีกทั้งสมัยนี้น้อยคนที่จะมีปริ้นเตอร์เป็นของตัวเอง ทำให้การสแกนเอกสารนั้นกลายเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่ Camscanner เป็นแอปที่สามารถถ่ายรูปเอกสารไม่ว่าจะเป็นบัตรชาชน หรือทะเบียนบ้าน แล้วตัวโปรแกรมจะทำการครอปรูปแล้วแต่งรูปให้เป็นแบบหน้ากระดาษอัตโนมัติสามารถส่งเป็น PDF ได้เลย
Gboard - แป้นพิมพ์ของ Google (Free, Google Play) →
แอปคีย์บอร์ดที่มาพร้อมฟีเจอร์สะดวก ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ด้วยการลากไปตามลำดับตัวอักษรที่ต้องการบนคีย์บอร์ด ไปจนถึงภาษาที่มีให้เลือกมากมาย แถมยังสามารถปรับแต่งตีมสีคีย์บอร์ด และภาษาของได้ตามความต้องการได้อีกด้วย
ในยุคที่ตอนนี้สังคมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ช่องทางการจ่ายเงินผ่านระบบดิจิทัลกันมากขึ้น ทำให้ธนาคารเริ่มเปิดตัวแอปพลิเคชั่นทำธุรกรรมออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ มาพร้อมฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่เปิดบัญชีธนาคารไหนไว้ก็สามารถโหลดแอปตามธนาคารที่ตนเองใช้ได้เลยครับ
K PLUS (Free, Google Play) →
Krungthai NEXT (Free, Google Play) →
SCB EASY (Free, Google Play) →
Bualuang mBanking (Free, Google Play) →
KMA (Free, Google Play) →
Thanachart Connect (Free, Google Play) →
TMB Touch (Free, Google Play) →
TrueMoney Wallet (Free, Google Play) →
ไม่ใช้แอปธนาคารที่ไหน แต่เป็นแอปกระเป๋าตังออนไลน์ยอดนิยมกับฟีเจอร์มากมายสามารถจ่ายได้หลายที่ไม่ว่าจะเป็น 7-Eleven หรือร้านอาหารต่าง ๆ ที่ร่วมรายการแถมยังสามารถเอาไว้ใช้ซื้อของออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
Maps - Navigate & Explore (Free, Google Play) →
เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าตอนนี้ Google Maps ถือว่าเป็นแอปพลิเคชั่นนำทาง/แผนที่ ที่ครบครันที่สุด เพราะเต็มไปด้วยฟีเจอร์อำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Explore ที่ช่วยให้สามารถหาสถานที่น่าสนใจใกล้เคียงเช่นร้านอาหาร หรือที่เที่ยวต่าง ๆ แถมยังมีระบบ ETA ที่แม่นยำ สามารถคำนวนความแน่นหนาของจราจร ทำให้สามารถรู้เวลาการเดินทางได้อีกด้วย ถือว่าเป็นแอปคู่ใจคนขับรถ และคนรักการเดินทางจริง ๆ ครับ
หลังจากที่ได้มีการระบาดของโรค COVID-19 ขึ้น แอปพลิเคชั่น และบริการจำพวก Food Aggregator ก็ได้กลับมามีบทบาทสำคัญ และเปลี่ยนพฤติกรรมของการสั่งอาหารของคนเราเป็นอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ก็มีหลากหลายแอปพลิเคชั่นส่งอาหารให้เราได้เลือกใช้ ต่างกันตรงที่แต่ละแอปก็มาพร้อมโปรโมชั่นกับราคาค่าส่งที่ไม่เหมือนกัน เพราะงั้นจะเลือกแอปพลิเคชั่นไหนก็ตามสะดวกเลย แต่ส่วนตัวคิดว่ามีติดไว้ทุกแอปเอาไว้เปรียบเทียบราคาเวลาจะสั่งอาหารน่าจะเหมาะที่สุดครับ
Grab
Grab - Transport, Food Delivery, Payments (Free, Google Play) →
ถือว่าเป็นแอปที่เริ่มตีตลาดมาจากการหารถโดยสารซะมากกว่ากับ Grab ซึ่งมาพร้อมบริการที่ครบครันไม่ว่าจะเป็นรถรับส่ง Taxi ไปจนถึงมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่าง Grabbike อีกทั้งหลัง ๆ มานี้ยังมีบริการช่วยขับรถ, ส่งของ, สั่งอาหาร และอื่น ๆ อีกมากมายที่เข้ามาทำให้ชีวิตคนเมืองสะดวกยิ่งขึ้นมาก ๆ
Food Panda
foodpanda - Local Food & Grocery Delivery (Free, Google Play) →
แอปสีชมพูที่น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง FoodPanda ที่โฟกัสฟีเจอร์หลัก ๆ ไปที่การสั่งอาหารเป็นหลัก มาพร้อมค่าส่งที่ถูกมาก ๆ ทำให้ถูกใจสายกินทั้งหลาย แถมยังมีร้านอาหารมากมายให้เราได้เลือกกินกันอย่างจุใจ อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นส่วนลดค่าอาหารมาให้เราได้เห็นกันบ่อย ๆ อีกด้วย
1112 Delivery
1112 Delivery (Free, Google Play) →
แอปสั่งอาหารน้องใหม่ที่เปิดตัวมาไม่นานมานี้กับ 1112 Delivery ที่ได้นำเอาร้านอาหารชื่อดังจากเครือ Minor มารวมอยู่ในแอปพลิเคชั่นเดียวไม่ว่าจะเป็น The Pizza Company, Sizzler, Bonchon และอื่น ๆ อีกมากมาย
Gojek
Gojek - Ojek Taxi Booking, Delivery and Payment (Free, Google Play) →
แอปสั่งอาหารน้องใหม่ทีโดยรีแบรนด์จาก GET มีดีกรีเป็นถึง Super Application ยอดนิยมจากประเทศอินโดนเนเซีย มาพร้อมฟีเจอร์การสั่งอาหาร และขนส่งที่ครบครันไม่คล้าย ๆ กับของ Grab อีกด้วย
Lineman
LINE MAN - Food Delivery, Taxi, Messenger, Parcel (To be announced, Google Play) →
สำหรับใครที่เพิ่งซื้อมือถือมาใหม่ หรืออ่า
31/12/2020 10:55 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย