หลุดภาพเรนเดอร์ Huawei Mate 40 และ Mate 40 Pro 5G แบบ 360° เผยจอขอบโค้ง และกล้องหลังขนาดใหญ่ - Android

Huawei เปิดตัวมือถือเรือธงซีรีส์ Mate 30 ไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว และในปีนี้ก็น่าจะใกล้ได้เวลาเปิดตัวมือถือซีรีส์ภาคต่ออย่าง Mate 40 แล้ว เพราะล่าสุดได้มีภาพเรนเดอร์ของทั้ง Mate 40 และ Mate 40 Pro 5G หลุดออกมาให้เห็นกันแล้ว เผยโฉมตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่นแบบ 360° ให้เห็นทั้งหน้าจอขอบโค้ง และกล้องหลัง 4 ตัว ขนาดใหญ่ที่มากับเลนส์ซูมแบบ Periscope ซะด้วย

Mate 40

ภาพเรนเดอร์ของมือถือซีรีส์ Huawei Mate 40 ที่หลุดออกมาคราวนี้ ได้มาจากแหล่งข่าวหลุดที่น่าเชื่อถืออย่าง OnLeaks, เว็บไซต์ Pricebaba และเว็บไซต์ Handsetexpert ซึ่งเป็นภาพเรนเดอร์แบบ 360° ที่เผยให้เห็น ตัวเครื่องแบบทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว เริ่มจากรุ่น Mate 40 ธรรมดา ที่มากับหน้าจอแบนราบขอบบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน และเจาะรูเป็นแนวยาวที่มุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่คู่ โดยตามข้อมูลหลุดบอกว่าจะมีขนาดอยู่ที่  6.4 นิ้ว

ด้านหลังมีกล้องทั้งหมด 3 ตัว พร้อมกับเซ็นเซอร์ลึกลับอีกหนึ่งตัวอยู่บนโมดูลวงกลม (ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นเซ็นเซอร์ 3 มิติ ToF หรือ Laser Autofocus กันแน่) ส่วนขอบเครื่องด้านขวามีปุ่มปรับเสียง และปุ่ม Power, ขอบเครื่องด้านล่างมีลำโพงหนึ่งตัว และพอร์ต USB-C, ขอบเครื่องด้านบนมี IR Blaster สำหรับใช้ควบคุมกับเครื่องไฟฟ้าต่างๆ

ขนาดตัวเครื่องของ Mate 40 อยู่ที่ 158.6 x 72.5 x 8.9 มม.

Mate 40 Pro

ต่อด้วยรุ่นท็อป Mate 40 Pro ที่ยังคงใช้ดีไซน์หน้าจอขอบโค้งแบบ Waterfall พร้อมเจาะรูหน้าจอเป็นแถบยาวสำหรับวางกล้องเซลฟี่เหมือนกัน ส่วนหน้าจอตามข้อมูลบอกว่าจะมีขนาด 6.7 นิ้ว

พลิกมาด้านหลังจะเจอกับกล้อง 4 ตัว อยู่บนโมดูลวงกลมอีกเช่นกัน แต่รุ่นนี้จะมากับกล้องซูมที่ใช้เลนส์แบบ Periscope ซึ่งอาจจะเป็นเลนส์ซูม Optical 5x หรือ 10x ก็ได้ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีข้อมูลสเปคกล้องทั้งหมดว่าจะเป็นเลนส์แบบไหน และมีความละเอียดเท่าไหร่บ้าง

ขนาดตัวเครื่องของ Mate 40 Pro จะอยู่ที่ 162.8 x 75.5 x 9 มม.

คาดว่า Huawei ซีรีส์ Mate 40 น่าจะใช้ชิป Kirin 1020 ขนาด 5nm และอาจจะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2563 ซึ่งช้ากว่าตอนเปิดตัว Mate 30 ของปีที่แล้วไปราวๆ 1 เดือน (Mate 30 เปิดตัวเดือนกันยายน) ส่วนสเปค กับฟีเจอร์อื่นๆ คาดว่าหลังจากนี้น่าจะมีทยอยหลุดออกมาอีกเรื่อยๆ ครับ

ที่มา : Pricebaba, Handsetexpert