Redmi Note 9 Pro 5G เปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ ไม่ทันไรก็ได้รับความสนใจอย่างมากในทันที ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใจเท่าไหร่ หากพิจารณาจากสิ่งที่ได้เมื่อเทียบกับราคาแล้ว Xiaomi ใส่มาให้ ไม่มีกั๊ก โดยเราได้สรุปจุดเด่นทั้ง 9 ข้อ ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาให้ดูกันแบบง่าย ๆ แล้วครับ
ทราบกันหรือไม่ว่า ปี 2020 นี้ เป็นการฉลองครบรอบ 10 ปี ของ Xiaomi พอดี ซึ่งก็เป็นอีกปีที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งด้านผลประกอบการ ผลกำไร และยอดส่งมอบ โดยสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุด คือ สมาร์ทโฟนในซีรีส์ Redmi ที่เน้นความคุ้มค่า ในราคาที่จับต้องได้นั่นเอง
สำหรับ Redmi Note 9 Pro 5G ที่พึ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ นี้ก็ยังคงอยู่ในแนวทางเดิมเหมือนที่แล้วมา มีค่าตัวเริ่มต้นเพียงแค่ประมาณ 7,490 บาท แต่ได้ความสามารถในการเชื่อมต่อ 5G จอภาพขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 108MP แถมชิปที่ใช้ยังเป็น Snapdragon 750G จาก Qualcomm อีกต่างหาก ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่งที่ใช้ชิปตัวเดียวกัน มักมีราคาเกินกว่า 1 หมื่นบาท ขึ้นไป
เนื่องจาก Redmi Note 9 Pro 5G ยังไม่มีการเปิดตัวในตลาดโลก (global) ณ เวลานี้ ข้อมูลที่หาอ่านกันได้ในภาษาไทยจึงอาจยังมีไม่เยอะเท่าไหร่ ซึ่งจริง ๆ แล้วสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น และเราก็ได้สรุปไฮไลต์เด็ด ๆ ทั้ง 9 ข้อ ของ Redmi Note 9 Pro 5G มาให้ได้ดูกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ครับ
Redmi Note 9 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มีการเปิดตัวในประเทศจีนโดยจะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Snapdragon 750G จาก Qualcomm ประสิทธิภาพสูงขึ้นจากรุ่นก่อนอย่าง Redmi Note 8 Pro อยู่ราว ๆ 20% โดย Xiaomi อ้างว่า สามารถทำคะแนน AnTuTu ได้สูงทะลุ 350,000 แต้ม ในขณะที่คู่แข่งรายอื่นมักเคลมตัวเลขกันที่ 300,000 แต้มต้น ๆ เท่านั้น
พร้อมกันนี้ ภายในตัวเครื่อง Redmi Note 9 Pro 5G ยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ทำให้จัดการกับความร้อนได้อยู่หมัด เล่นเกมได้นิ่ง ๆ ไม่สะดุด
แม้ว่า Redmi Note 9 Pro 5G จะไม่ได้เลือกใช้หน้าจอ OLED แต่ได้จอภาพที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz ลื่นไหลเนียนตา พร้อมอัตราตอบสนอง 240Hz รวดเร็วดังสายฟ้าแลบ ด้วย 2 ข้อนี้ก็คงไม่น่ามีใครบ่นอีกต่อไป กับราคาเริ่มต้นเพียงแค่ประมาณ 7,490 บาท
อย่างไรก็ดี สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับจอภาพ 120Hz อาจมีปัญหาภาพเบลอจากการที่อัตราเฟรมของคอนเทนต์ไม่สัมพันธ์กับอัตรารีเฟรชของหน้าจอ แต่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับ Redmi Note 9 Pro 5G เลยแม้แต่น้อย เพราะจอภาพของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีการแสดงผลแบบผันแปร อัตรารีเฟรชจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังรับชมให้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาภาพเบลอแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานไปได้อย่างมากอีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว สมาร์ทโฟนในตลาดจะมีเซนเซอร์วัดแสงแค่ตัวเดียว อยู่ที่บริเวณด้านบนของจอภาพ ซึ่งอาจทำงานได้ไม่แม่นยำเท่าที่ควรในสถานการณ์ เพราะแสงต่าง ๆ ไม่ได้พุ่งมาจากเพียงทิศทางเดียวเสมอไป Xiaomi เองก็ทราบปัญหานี้ดี จึงได้มีการเพิ่มเซนเซอร์รับแสงเข้าไปอีกตัวที่ด้านหลังตัวเครื่องของ Redmi Note 9 Pro 5G ทำให้เพิ่มองศาการวัดแสงขึ้นเป็น 2 เท่า หรือเทียบได้กับ 360 องศา เลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น จอภาพของ Redmi Note 9 Pro 5G ยังทำความสว่างได้ต่ำสุด ๆ เพียงแค่ 1 nit หมดปัญหาแสงจ้าจนแสบตาเวลาใช้งานในตอนกลางคืน หรือจะเอาไปใช้งานกลางแจ้งก็ยังสู้แสงได้ดีด้วยโหมด Sunlight สำหรับเพิ่มความสว่างให้สูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่า เป็นจอภาพที่มีการปล่อยคลื่นแสงสีน้ำเงินน้อย ใช้งานได้นานโดยสายตาไม่ล้าอีกต่างหาก
มาต่อกันที่สิ่งที่หลายคนน่าจะสนใจกันมากที่สุดอย่างเรื่องกล้องกันบ้าง …อาจมีไม่บ่อยนัก ที่เราจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่เรือธง แต่กลับมีเซนเซอร์ภาพระดับไฮเอนด์ และ Redmi Note 9 Pro 5G นี้ก็เป็นอย่างที่ว่ามา โดยจะมาพร้อมกับ ISOCELL HM2 เซนเซอร์ภาพรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung ที่พึ่งเผยโฉมไปเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้เอง
ISOCELL HM2 เป็นเซนเซอร์ภาพความละเอียดสูงรุ่นพิเศษ 108MP ในเจเนอเรชั่นที่ 3 ต่อจาก HMX และ HM1 โดยที่ HM2 นั้นมีขนาด 1/1.52 นิ้ว เล็กลง 15% และบางลง 10% เมื่อเทียบกับทั้ง 2 รุ่นก่อนหน้า ระบบโฟกัส Super PDAF เองก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความแม่นยำและรวดเร็วกว่าเดิม
คุณสมบัติเด่นของเซนเซอร์รุ่นนี้คือ ความสามารถ nine-pixel binning หรือการรวมพิกเซลจำนวน 9 จุดเป็นหนึ่งเดียว เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ความละเอียดของภาพจะลดลงเหลือ 12MP จากเดิม 108MP แต่ในขณะเดียวกันก็จะรับแสงดีขึ้นกว่าเดิมถึง 9 เท่า ซึ่งเมื่อเสริมด้วยเทคโนโลยี Dual native ISO กับ Super Night Scene 2.0 เวอร์ชั่นใหม่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า ต่อให้แสงจะน้อยแค่ไหน Redmi Note 9 Pro 5G ก็รับมือไหว
กล้องอีก 3 ตัวที่เหลือของ Redmi Note 9 Pro 5G เองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน มีให้มาทั้ง กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP มุมกว้าง 120 องศา + กล้องมาโคร 2MP สำหรับถ่ายอะไรเล็ก ๆ เช่น ดอกไม้หรือแมลง + กล้องจับความลึก 2MP สำหรับถ่ายพอร์เทรต หน้าชัด-หลังละลาย โดยที่กล้องทุกตัวจะมี AI เข้ามาช่วยประมวลผลให้ภาพแจ่มแจ๋วกว่าเดิมอีกด้วย
Redmi Note 9 Pro 5G ใส่เซนเซอร์หลัก ๆ มาให้แบบจัดเต็ม ทั้ง NFC ที่รองรับการใช้งานหลากหลาย, IR blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมตคอนโทรล, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้าง ฝังรวมอยู่กับปุ่มพาวเวอร์ ส่วน GPS ที่ให้มาก็เป็นแบบคลื่นความถี่คู่ (dual-frequency) GPS + Beidou ระบุตำแหน่งได้แม่นยำสุด ๆ ไม่ต้องกลัว GPS เพี้ยน เด้งไป-เด้งมา
Redmi Note 9 Pro 5G มีเสารับสัญญาณอยู่ภายในมากถึง 11 จุด กระจายกันอยู่รอบตัวเครื่องครอบคลุมทุกทิศทาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับสัญญาณและรักษาระดับความเสถียรของการเชื่อมต่อให้คงที่ เล่นเกม ดูหนังออนไลน์ ฟังเพลง หรือวิดีโอคอลได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวสัญญาณอินเทอร์เน็ตขาด ๆ หาย ๆ
ในช่วงปีที่ผ่านมา ประเด็นเรื่อง haptic feedback หรือการตอบสนองต่อการสัมผัสของสมาร์ทโฟนเริ่มเป็นที่สนใจกันมากขึ้น ซึ่งมอเตอร์ linear คุณภาพดี ๆ โดยปกติจะมีแค่ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเท่านั้น แต่ Redmi Note 9 Pro 5G มอเตอร์ในระดับเดียวกับที่ว่ามาให้ ซึ่ง Xiaomi เคลมว่า สามารถให้ประสบการณ์การเล่นเกมแบบ 4D ซึ่งการสั่นจะแตกต่างกันไปโดยสัมพันธ์กับการกระทำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเกม เช่น ใช้ปืนต่างชนิดกัน ในขณะยิงก็จะสั่นไม่เหมือนกัน อะไรแบบนี้เป็นต้น
ชิปดี จอภาพดี มอเตอร์สั่นดี ระบบระบายความร้อนดี ไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ เพราะลำโพงของ Redmi Note 9 Pro 5G เองก็เจ๋งไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงคู่สเตอรีโอของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ Xiaomi กล่าวว่า สามารถให้เสียงที่ดังกังวานและมีช่วงเสียงที่กว้าง ให้ประสบการณ์การเล่นเกมหรือดูหนังกระหึ่มแบบ 3D เลย อรรถรสครบครันสุด ๆ
ต้องบอกว่า เป็นสมาร์ทโฟนในราคาไม่ถึงหมื่นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองมาก ๆ ทีเดียว ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดายเล็กน้อยที่ในตอนนี้ Redmi Note 9 Pro 5G วางจำหน่ายแบบจำกัดเฉพาะที่ประเทศจีนเท่านั้น เช่นเดียวกับ Redmi Note 9 5G และ Redmi Note 9 4G แต่ก็มีข่าวลืออยู่เหมือนกันว่า Xiaomi อาจเปลี่ยนชื่อของสมาร์ทโฟนในซีรีส์นี้ แล้ววางขายในตลาดโลกในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้สับสนกับ Redmi Note 9 ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปี 2020 ในส่วนนี้เราคงต้องมารอลุ้นกันอีกทีครับ
30/11/2020 08:33 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย