รีวิว​ - Samsung Galaxy​ Note​ ​10​+ สมาร์ทโฟน​สาย​ Creator​ ใช้คล่อง​ด้วย​ S-Pen​ - Android

Get it on Google Play

รีวิว​ - Samsung Galaxy​ Note​ ​10​+ สมาร์ทโฟน​สาย​ Creator​ ใช้คล่อง​ด้วย​ S-Pen​ - Android

รอบนี้ผมกฌได้มีโอกาสลองใช้งานเจ้า Samsung Galaxy Note 10+ เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ๆ รีวิวจึงออกช้าไปบ้าง ฉะนั้นในรีวิวนี้ผมก็จะขอเจาะลึกเรื่องความสามารถด้าน Content Creator เป็นพิเศษแทน

The post รีวิว​ : Samsung Galaxy​ Note​ ​10​+ สมาร์ทโฟน​สาย​ Creator​ ใช้คล่อง​ด้วย​ S-Pen​ appeared first on AripFan.

ห่างหายไปนานมาก ๆ สำหรับรีวิวสมาร์ทโฟนใน Aripfan รอบนี้ผมกฌได้มีโอกาสลองใช้งานเจ้า Samsung Galaxy Note 10+ เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ๆ รีวิวจึงออกช้าไปบ้าง ฉะนั้นในรีวิวนี้ผมก็จะขอเจาะลึกเรื่องความสามารถด้าน Content Creator เป็นพิเศษแทน สืบเนื่องจากทาง Samsung ได้ชู Note 10+ หรือ Note 10 ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อ New Work Tribe หรือ ลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในยุคนี้ ที่มีไลฟ์สไตล์ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตผสมควบคู่กันไป” โดยเฉพาะ สรุปง่าย ๆ คือ เหมาะสำหรับกลุ่มคนทำ Content อาทิ Blogger , Vloger (หรือ Youtuber), Writer หรือกลุ่ม Creator เช่น นักตัดต่อ, นักวาด และ นักออกแบบ เป็นต้น ในรีวิวนี้จึงขอพิสูจน์จุดนี้แบบเจาะลึกไปเลยว่า มันดีสำหรับสายนี้จริงไหม ? ใช้ลุยงานได้ขนาดไหน และตัว Samsung Galaxy Note 10+ ยังมีความสามารถเจ๋ง ๆ อะไรบ้าง ลองมาดูกันเลยครับ

สเปก Samsung Galaxy Note 10+

Display : Dynamic AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ 498 ppi รองรับ HDR10+
CPU : Exynos 9825 64-bit Octa-core (Max. 2.7 GHz + 2.4 GHz + 1.9 GHz)
GPU : Mali-G76 MP12
RAM : 12GB
ROM : 256GB รองรับ MicroSD
Main Camera : กล้องหลัง 4 ตัว (รวมกล้องชัดลึก TOF 3D) แบ่งเป็น เลนส์หลัก ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F1.5/F2.4 กับกันสั่น OIS ในตัว เลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.2 กับมุมกว้างระดับ 123 องศา และเลนส์ซูม ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F2.1 กันสั่น OIS ในตัว กับซูมแบบ Optical หรือไม่เสียความละเอียดได้ 2 เท่า
Front Camera : ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.2 ใช้เลนส์มุมกว้างขนาด 26mm
Battery : Li-Ion 4300 mAh รองรับชาร์จไร้สาย Fast Qi / PMA wireless charging 15W / Fast Charging 45W / USB Power Delivery 3.0 / Reverse wireless charging 9W
Connect : USB Type-C (ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm)
Bluetooth : 5.0, A2DP, LE, aptX
Wi-Fi : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax (รองรับ Wi-Fi 6)
ขนาดตัวเครื่อง : 162.3 x 77.2 x 7.9 mm
น้ำหนัก : 162 g
ระบบปฏิบัติการ : Android 9 Pie
สีให้เลือก : Aura Glow (รุ่นที่รีวิว) , Aura Black และ Aura White

แกะกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่องก็ประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง Note 10+ พร้อมปากกา S-Pen ในตัว, หูฟัง In-Ear จาก AKG , Adapter ชาร์จไฟ 45W, สาย USB Type – C to Type – C , หัวแปลง USB A 3.0 to USB Type – C, หัวแปลง USB Type – C to Micro USB, ใส้ปากกา S-Pen สำรอง x 2, เข็มจิ้ม SIM, ชุดคู่มือ และสุดท้ายเคสซีลีโคนแบบใสสำหรับ Note 10+

อุปกรณ์ภายในกล่องของ Samsung Galaxy Note 10+ และ Note 10 รุ่นวางขายจริง

วัสดุและดีไซน์

รอบนี้ทาง Samsung ได้เปิดตัวสีเครื่องใหม่อย่าง Aura Glow สีเงินสะท้อนแสงสีรุ้ง (อารมณ์เดียวกับแผ่น CD) ที่จะมีลวดลายเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแสง ซึ่งในรุ่นที่นำมารีวิวนี้ก็เป็นรุ่นสี Aura Glow ตามภาพ คือสะดุดตามาก ๆ ใครใช้รุ่นนี้สีนี้แบบไม่ใส่เคสแล้วยกโชว์กลางแจ้ง มันต้องมีคนเหลียวมองบ้างละ ด้านวัสดุใช้ Stainless Steel แบบขัดเงา ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 ทั้งหน้าและหลัง ส่วนดีไซน์ ก็มาในร่างผอมบาง ซึ่งก็บางพอ ๆ กับ S10 เลย และยังมีความโค้งมนแบบเดียวกับ Note 9+ ส่วนตัวเครื่องจะมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว แต่ก็ถือจับได้สะดวก (สำหรับมือผู้ชายนะ) และยังมีน้ำหนักเพียง 162 กรัมเท่านั้น

Samsung Galaxy Note 10+ จะมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ส่วนรุ่น Note 10 ก็มีขนาด 6.3 นิ้ว ใช้ดีไซน์แบบ Infinity-O Display คือมีรูกล้องเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางขอบบนหน้าจอ

จุดสังเกตอย่างหนึ่งของ Note 10+ และ Note 10 คือ ปุ่มตรงขอบได้ย้ายมาฝั่งขวามือหมดเลย และที่สำคัญคือ ปุ่ม Bixby ได้หายไปแล้ว…..ซะเมื่อไร มันย้ายมาอยู่ปุ่มเดียวกับปุ่ม Power เปิดปิดเครื่องแทน ฮ่า ฮ่า แต่แน่นอนว่าเราสามารถตั้งค่าปิดได้​ ส่วนขอบฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่อง ก็โล่งราบเรียบ ไร้ปุ่มกดอีกต่อไป สำหรับช่องใส่ SIM ก็ย้ายมาอยู่ตรงขอบบนตัวเครื่องเลย สามารถใส่ SIM ได้ 2 ช่อง หรือ 1 ช่อง หากใส่ Micro SD ด้วย ด้านขอบล่างก็ตามภาพ ไม่มีรูเสียบหูฟัง 3.5 mm อีกต่อไป จะมีเฉพาะพอร์ต USB Type – C และช่องเสียบปากกา S-Pen พร้อมรูลำโพง

สำหรับกล้องหลัง จากเดิมในรุ่น Note 9+ เคยอยู่ตรงกลาง รอบนี้ก็ย้ายมาชิดขอบฝั่งซ้ายมือแทน โดยตัวกล้องก็มีมากถึง 4 ตัว แบ่งเป็น เลนส์หลัก ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล  เลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ะเลนส์ซูม ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และสุดท้าบเลนส์ถ่ายภาพชัดลึก TOF 3D

ส่วนกล้องหน้า ก็มาฝังอยู่กลางจอตามฉบับ Infinity-O Display มาพร้อมความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ส่วนตัวก็แอบมีรำคาญนิด ๆ แต่ยังดีที่เลนส์กล้องหน้าไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก จึงพอมองข้ามในบ้างจังหวะได้บ้าง

จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของ Note 10+ และ Note 10 ก็ไม่พ้นปากกา S-Pen ที่อยู่ติดกับตัวเครื่องมาทุกซีรีย์

แต่หลังเปิดตัว Note 9 และ Note 10 ในปัจจุบัน ตัวปากกา S-Pen ก็เริ่มมาพร้อมสีที่แตกต่างจากตัวเครื่องแล้ว ส่วนรุ่น Note 10+ สี Aura Glow ที่รีวิวนี้ ก็มาพร้อมปากกา S-Pen กับด้ามจับสีน้ำเงินเข้ม ดูตัดกับสีเงินของรุ่นนี้ได้ลงตัว

ปากกา S-Pen กับตัวเครื่อง Note 10+

สำหรับปากกา S-PEN ของ Note 10+ ก็มีการเปลี่ยนแปลงภายในหลายอย่างมาก โดยจะมีอะไรบ้างนั้น ลองดูได้ในหัวข้อต่อไปนี้เลย

การใช้งาน (Creator)

แต่เดิมตระกูล Galaxy​ Note ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับคนทำงานหรือนักเรียนมานานแล้ว ด้วยความที่มาพร้อมกับปากกา S-Pen ซึ่งสามารถจดบันทึกตัวอักษรลงบนหน้าจอได้ราวกับกระดาษ ทำให้มันทันใจกว่าการที่ต้องมาจิ้มแป้นพิมพ์บนหน้าจอ แต่ในรุ่น Note 10+ นี้ ได้เพิ่มฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ เข้ามาช่วยเสริมให้ S-Pen ทำได้มากกว่าขีดเขียน ก่อนหน้านี้ผมได้เขียนบทความแนะนำ 10 ฟีเจอร์​เด่น​ Samsung​ Galaxy​ Note​ 10+ ที่คนทำงานถูกใจสิ่ง​นี้​ โดยรวมฟีเจอร์ที่ใช้สร้าง Content จาก Note 10+ โดยเฉพาะ ในรีวิวนี้ก็จะขอพิสูจน์ไปเลยว่า มันลุยได้ขนาดไหน โดยเลือกมา 7 หัวข้อที่คิดว่าเราได้ใช้แน่นอนตามนี้

S-Pen

ทันทีที่ถอดปากกา S-Pen ออกจากเครื่อง ตัว Note 10+ ก็จะมีหน้าตัวเลือกเล็ก ๆ 8 หัวข้อออกมาทันที คือพร้อมใช้งานเลยครับ หรือเราจะปรับการใช้งาน S-Pen อย่างปุ่มลัด หรือการควบคุมอื่น ๆ ก็ได้

หากเราต้องการจะจดบันทึกอะไรสักอย่าง ก็เลือกที่ปุ่ม ‘สร้างบันทึก’ เพื่อขีดเขียนข้อความได้ทันที หรือจะดูข้อความที่สร้างไว้ผ่านตัวเลือก ‘ดูบันทึกทั้งหมด’ ก็ได้

19/09/2019 06:40 AM