รีวิว iPhone SE คุ้มและน่าซื้อขนาดไหน บอกเล่าให้ฟังหลังใช้งานมาเกือบเดือน - Android

Get it on Google Play

รีวิว iPhone SE คุ้มและน่าซื้อขนาดไหน บอกเล่าให้ฟังหลังใช้งานมาเกือบเดือน - Android

หลังจากที่เราได้ลองเล่นเครื่อง iPhone SE รุ่นที่ 2 หรือที่หลายคนจะเรียกเป็นปีว่า iPhone SE 2020 มาร่วมเดือน และทดสอบหลายอย่างที่เพื่อน ๆ น่าจะอยากรู้กันไปพอสมควร ซึ่งจะขอประสบการณ์ที่ได้มาแชร์ให้อ่านกันว่ารุ่นนี้มันจะดีคุ้มค่าราคา 14,900 บาท อย่างที่หลายคนคาดหวังขนาดไหน มันน่าซื้อเอาไปใช้รึเปล่ากับ iPhone หน้าตาเดิมๆ แค่เปลี่ยนชิปเซตเป็น Apple A13 Bionic แล้วเปลี่ยนชื่อให้ดูใหม่เท่านั้น มาลองอ่านไปพร้อมๆกันเลยครับ สำหรับการรีวิวครั้งนี้ จะพยายามเขียนให้กระชับ ตอบเป็นคำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู้ โดยแบ่งออกเป็นหัวข้อต่างๆ […]

หลังจากที่เราได้ลองเล่นเครื่อง iPhone SE รุ่นที่ 2 หรือที่หลายคนจะเรียกเป็นปีว่า iPhone SE 2020 มาร่วมเดือน และทดสอบหลายอย่างที่เพื่อน ๆ น่าจะอยากรู้กันไปพอสมควร ซึ่งจะขอประสบการณ์ที่ได้มาแชร์ให้อ่านกันว่ารุ่นนี้มันจะดีคุ้มค่าราคา 14,900 บาท อย่างที่หลายคนคาดหวังขนาดไหน มันน่าซื้อเอาไปใช้รึเปล่ากับ iPhone หน้าตาเดิมๆ แค่เปลี่ยนชิปเซตเป็น Apple A13 Bionic แล้วเปลี่ยนชื่อให้ดูใหม่เท่านั้น มาลองอ่านไปพร้อมๆกันเลยครับ

สำหรับการรีวิวครั้งนี้ จะพยายามเขียนให้กระชับ ตอบเป็นคำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู้ โดยแบ่งออกเป็นหัวข้อต่างๆ ตามด้านล่างนี้ สามารถจิ้มข้ามไปดูเรื่องที่สนใจ หรือไล่อ่านทีละหัวข้อก็ได้ล่ะ

  • ดีไซน์ หน้าตาเดิมๆ ที่ก็มีดี
  • หน้าจอขนาดกำลังดีที่ดูจิ๋วในปัจจุบัน
  • ประสิทธิภาพใช้งานอย่างว่อง
  • เล่นเกมไร้ปัญหา กินสเปคแค่ไหนก็สู้
  • กล้องเลนส์เดียว ไร้โหมดกลางคืน
  • ถ่ายวิดีโอกันสั่นนิ่งกริ๊บ
  • แบตน้อยที่ยังต้องเป็นห่วง
  • การเชื่อมต่อที่ครบถ้วน แค่ไม่มี 5G
  • สิ่งที่ iPhone SE แต่สมาร์ทโฟนในช่วงราคาเดียวกันไม่ค่อยมี
  • สรุปข้อควรรู้ก่อนซื้อ iPhone SE

ถ้าขี้เกียจอ่านเอง เรามีทำคลิปรีวิวเรื่องนี้เอาไว้ให้เรียบร้อย ไปดูกันได้นะ

ดีไซน์ หน้าตาเดิมๆ ที่ก็มีดี

เรื่องเบสิคอย่างดีไซน์เก่า หน้าตาแบบนี้เห็นครั้งแรกตั้งแต่ iPhone 6 เป็นต้นมา มีขยับนิดๆหน่อยๆใน iPhone 7 และ iPhone 8 ซึ่งจะชอบไม่ชอบอันนี้แล้วแต่คนจะมองนะ ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในความที่มันเดิมๆแบบนี้อยู่ รวมถึง Touch ID ที่หลายคนยังติดใจและอยากใช้โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่พวกเราต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา

  • หน้าตาเดิมๆ ใช้ไปคนไม่รู้ว่าเป็นรุ่นใหม่ เหมือนถือรุ่นเก่าเก็บหลายปี
  • มีเคสและอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้มากมาย ในราคาที่แสนจะถูก
  • iPhone SE 2 สามารถใช้งานเคสร่วมกับ iPhone 7 และ iPhone 8 ได้เลย
  • ไม่สามารถเอาเคสของ iPhone 6 / 6s มาใช้งานได้เพราะรูกล้องไม่ตรงกัน
  • เครื่องเบาดีถือสบาย
  • Touch ID ที่สุดแสนจะคิดถึง ปลดล็อคเร็วดี และใช้ง่ายเหมือนเดิม

เปรียบเทียบน้ำหนัก iPhone SE 2 และ iPhone 11 ซีรีย์

โดยเฉลี่ย สมาร์ทโฟนสมัยนี้ โดยเฉพาะที่แบตเยอะหน่อยน้ำหนักจะทะลุขึ้นไปเกือบ 200 กรัม ไปละ แต่ว่า iPhone SE 2020 นี่เบาลงมา 50 กรัม ถ้าถือในมือก็บอกเลยว่ารู้สึกถึงความต่างอย่างเห็นได้ชัดแหละ มีผลกับการนอนเล่นกลิ้งไปมามากๆ

iPhone SE148 g
iPhone 11194 g
iPhone 11 Pro188 g
iPhone 11 Pro Max226 g

หน้าจอขนาดกำลังดีที่ดูจิ๋วในปัจจุบัน

หน้าจอ iPhone SE 2020 มีขนาดเพียง 4.7 นิ้ว และยังคงใช้เป็นจอ IPS LCD ที่ปัจจุบันด้วยราคาระดับนี้มักจะเลือกใช้เป็น OLED ที่สีสันสดสวยกว่า มี contrast ratio ที่สูงกว่ากันหมดแล้ว พื้นที่ด้านบนและล่างจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่จนอาจจะดูขัดตาสำหรับหลายคนที่ชินกับดีไซน์จอเต็มขอบกันพอสมควร ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ใครจะซื้อเอา iPhone SE 2 ไปใช้ก็ต้องยอมรับกับข้อจำกัดส่วนนี้ให้ได้ก่อนจะซื้อนะ แต่ส่วนตัวไม่ติดปัญหาอะไรกับจอขนาดนี้ ไม่ได้รู้สึกเล็กจนอึดอัด เพียงพอสำหรับงานทั่วไปอยู่

  • ขนาดหน้าจอนี้ สำหรับเด็กไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่ค่อยแนะนำสำหรับคนสูงวัย
  • ความละเอียดแค่ HD (750 x 1334) แต่ก็เพียงพอ มองแทบไม่เห็นพิกเซล
  • สัดส่วนจอ 16:9 ก็ไม่ได้แย่ ดูคลิปทั่วไปและ YouTube เต็มจอดี หน้าจอใหญ่กว่าก็อาจจะเห็นเยอะกว่าไม่ได้มากนัก
  • แคปหน้าจอได้ไม่ยาวดูประหลาด
  • จอสู้แสง ออกแดดจ้าได้
  • สีสันไม่จัดจ้านเกิน ส่วนตัวมองว่าตรงกว่า OLED อีก

ซ้าย : เอาเคส iPhone 6 มาใส่ รูกล้องไม่ตรง, ขวา : เคส iPhone 7 ใส่ได้พอดีเป๊ะ

เปรียบเทียบขนาดเครื่องต่อหน้าจอและความละเอียดที่ได้ของสมาร์ทโฟนในช่วงราคาเดียวกัน

ถ้าจะถือเครื่องเดียวจบ เหมาะสำหรับดูเนื้อหาต่างๆได้อย่างเต็มตากว่า iPhone SE อาจจะสู้รุ่นอื่นในท้องตลาดไม่ได้นัก

iPhone SE4.7″HD 750 x 1334138.4 x 67.3 x 7.3
Galaxy A716.7″FHD 1080 x 2400163.6 x 76.0 x 7.7
OPPO Reno 3 Pro6.4″FHD 1080 x 2400158.8 x 73.4 x 8.1
Mi Note 10 Pro6.47″FHD 1080 x 2340157.8 x 74.2 x 9.7

ประสิทธิภาพใช้งานอย่างว่อง

ด้วย Apple A13 Bionic รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 11 ทั้งสามรุ่น รวมถึงหน่วยความจำที่ยังเป็นโปรโตคอล NVMe ทำให้การใช้งานบน iPhone SE 2 หายห่วงเรื่องประสิทธิภาพ และความรวดเร็วไปได้อีกนาน ส่วนแรมที่แม้ว่า iPhone SE จะให้มาเพียง 3GB น้อยกว่า iPhone 11 Pro แต่ด้วยหน้าจอที่ความละเอียดน้อยเพียง HD ก็ลดความต้องการใช้ RAM ลงไปเยอะพอสมควร

  • โหลดแอปอย่างไว เข้าใช้งานต่างๆได้รวดเร็วมาก

เล่นเกมไร้ปัญหา กินสเปคแค่ไหนก็สู้

iPhone SE 2 ยังคงรักษาชื่อเสียงอันดีงามของการเล่นเกมบน iPhone เอาไว้ได้ดี เท่าที่ลองแต่ละเกม สามารถเล่นได้เนียนดีไม่มีปัญหา เปิดกราฟิกและเอฟเฟกต์ต่างๆได้สุดหมดเท่าที่เกมจะรองรับได้ ซึ่งก็ไม่ค่อยอยากจะแนะนำให้เปิดเท่าไหร่ เพราะสูบแบตมาก ส่วนปัญหาเรื่องความร้อนที่หากชาร์จไปเล่นไปจะเจออาการกระตุกอย่างในรุ่น iPhone X และ Xs ก็ไม่เจอใน iPhone SE 2 แต่อย่างใด เข้าใจว่าเป็นที่ชิปเซต A13 ซึ่งแก้ปัญหานี้มาแล้ว เพราะบน iPhone 11 ทั้งซีรีย์ก็เล่นได้พลิ้วดีเช่นกัน

แต่ด้วยความที่หน้าจอเป็นแบบ 16:9 จึงทำให้พื้นที่แสดงผลตอนเล่นเกมแคบกว่ารุ่นอื่นๆอยู่เล็กน้อย รวมถึงมีโอกาสที่มือจะไปบังพื้นที่บนหน้าจอไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าไม่ซีเรียสกับส่วนนี้ที่อาจจะเล็กน้อยก็พอจะมองข้ามได้อยู่

กล้องเลนส์เดียว ไร้โหมดกลางคืน

ข้อด้อยในเรื่องกล้องของ iPhone SE 2 หลักๆก็จะเป็นที่มีกล้องหลักมาให้เพียงตัวเดียว ต่างจากสมาร์ทโฟนในตลาดที่ช่วงราคาเดียวกันอย่างน้อยต้องมีเลนส์ Ultrawide มาให้อีกตัว และกล้องหลักนี้ก็จะไม่มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้อีกด้วย โดยภาพที่ได้จากเลนส์หลักก็ได้ตามมาตรฐาน iPhone ไม่ได้มีความฉูดฉาด แต่งสีจนเว่อร์วังอะไร จะไปใส่ฟิลเตอร์เพิ่มก็ดูดีอยู่

  • ถ้าแสงดีภาพก็โอเค ใกล้เคียงกับ iPhone 11
  • มี Quicktake ให้ใช้เหมือนกัน
  • ไม่มีฟีเจอร์เท่ากล้องหลัก iPhone 11
    • Night Mode
    • Capture Outside the Frame
    • Deep Fusion
  • เลนส์ Wide แคบกว่า iPhone 11 นิดหน่อย
  • ไม่มี Animoji เพราะไม่มี Face ID

มีภาพเทียบกับ iPhone 11 Pro Max เอาเฉพาะกล้องหลัก มาให้ดูกันว่ามันจะต่างขนาดไหน

24/05/2020 10:09 AM