รีวิว - TP-link Deco E4 แก้ปัญหาจุดอับสัญญาณ ในราคาที่จับต้องได้ยิ่งกว่าเดิม - Android

สำหรับตัว Deco E4 ก็เป็น Mesh Wi-Fi ที่ลดสเปกจาก Deco M4 โดยตัดพอร์ต Gigabit กับลดระยะกระจายสัญญาณจาก 3,800 เหลือ 2,800 ตารางฟุต แลกกับราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิม

The post รีวิว : TP-link Deco E4 แก้ปัญหาจุดอับสัญญาณ ในราคาที่จับต้องได้ยิ่งกว่าเดิม appeared first on AripFan.

มันต่างจาก TP-link Deco M4 ยังไง ? สืบเนื่องจาก TP-link Deco E4 ที่จะนำมารีวิวในครั้งนี้นั้น มันมีหน้าตาคล้ายกับตัว Deco M4 ที่เปิดตัว (และเคยเขียนรีวิว) ไปก่อนหน้ามาก ๆ อย่างชื่อรุ่นที่ต่างกันแค่อักษรเดียว แต่มีความเร็ว AC1200 เหมือนกัน และเป็น Mesh Wi-Fi ด้วยเช่นกัน

สำหรับตัว Deco E4 ก็เป็นรุ่นที่ลดสเปกจาก Deco M4 โดยตัดพอร์ต Gigabit กับลดระยะกระจายสัญญาณจาก 3,800 เหลือ 2,800 ตารางฟุต แลกกับราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเดิม ปกติตัว Deco M4 ก็มีราคาที่เข้าถึงง่ายมากแล้ว พอมาเป็น Deco E4 ก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก ซึ่งจะมีราคาเท่าไรกับมีประสิทธิภาพขนาดไหน ลองดูมาเลยครับ

สเปก TP-link Deco E4 

• ซีพียู : Qualcomm กับแรม 16MB และพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 128MB ในตัว
• Wireless :IEEE 802.11 ac/n/a 5 GHz, IEEE 802.11 b/g/n 2.4 GHz
• ความเร็วสูงสุด : 1200 Mbps แบ่งเป็น 2.4 GHz + 300 Mbps กับ 5 GHz + 867 Mbps
• เสาสัญญาณ : 2 Internal Antennas
• พอร์ต : LAN/WAN 10/100Mbps ports x 2
• ระบบความปลอดภัย : WPA-PSK/WPA2-PSK
• ฟีเจอร์ : Beamforming, Band Steering, MU-MIMO, Roaming Technology
• ขนาด : 190 mm x 90.7 mm
• ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tp-link.com/th/home-networking/deco/deco-e4/#overview

แกะกล่อง

ตัวกล่องที่คุ้นเคยตามสไตล์ TP-Link Deco ซึ่งหากไม่สังเกตชื่อรุ่น ก็แทบไม่ต่างจากกล่องของรุ่น Deco M4 เลย สำหรับอุปกรณ์ภายในก็มีตัวเครื่อง Deco E4 x 2 สาย LAN x 1 ชุดคู่มือ และชุดไฟเลี้ยง x 2

วัสดุและดีไซน์

แม้จะไม่ใช่รุ่นระดับ Hi-End แต่วัสดุและดีไซน์ยังคงคุณภาพและสวยงามเกินราคา โดยตัว Deco E4 ก็เป็นเราเตอร์ Wi-Fi ทรงกระบอก ซึ่งมีเสาสัญญาณด้วยกัน 2 เสา แบบ Dual-band สามารถปล่อยคลื่น 2.4GHz และ 5GHz ได้ อีกทั้งยังเป็นเราเตอร์ Wi-Fi แบบ Mesh Wi-Fi ด้วย (Mesh Wi-Fi คืออะไร ดูได้ที่นี่) โดยในกล่องก็มาพร้อม Deco E4 สองตัว (Node) แพ็คคู่มาเลย และสามารถต่อเพิ่มได้ถึง 100 Node และแต่ละตัวก็มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้กระจายสัญญาณได้อย่างมีคุณภาพอย่าง Beamforming, Band Steering, MU-MIMO และ Roaming Technology

และเมื่อมี 2 ตัว ก็สามารถนำไปวางเพื่อขยายสัญญาณ Wi-Fi ภายในบ้านให้กว้างขึ้นได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ตัว Deco E4 จะมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ WAN/LAN x 2 แบบ 10/100Mbps ต่างจากรุ่น Deco M4 ที่เป็น 100/1000Mbps หรือ Gigabit นอกนั้นก็มีรูเสียบไฟเลี้ยงใต้ฐาน และปุ่ม Reset ปุ่มเดียว

แผงระบายความร้อนด้านบน ที่มีลวดลายโลโก้ “Deco” ของ TP-Link

การใช้งาน

การติดตั้งใช้งานครั้งแรก ก็เหมือนกับเราเตอร์ Wi-Fi ทั่ว ๆ ไป โดยการเสียบปลั๊กไฟพร้อมเชื่อมต่อสาย WAN/LAN เข้ากับ Modem เราเตอร์ประจำบ้าน จากนั้นก็รอจนกว่าไฟ LED ด้านบนของเครื่องติดขึ้นมา

พอไฟติดแล้ว ก็ทำการเชื่อมต่อตัวเราเจอร์ต่อเลย โดยจะมีชื่อ “Deco_9388” ตามภาพ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่รหัส จากนั้นก็เปิดแอปฯ “Deco” ขึ้นมาเพื่อตั้งค่า

หลังจากนี้ก็ตามขึ้นตอนเลย ตั้งชื่อพร้อมรหัสและเปิดการใช้งานอย่างเป็นทางการ หลังตั้งค่าเรียบร้อย ตัว Deco E4 ที่ต่อกับ Modem เราเตอร์นี้จะกลายเป็น “Main หลัก” ทันที ต่อไปคือการนำ Deco E4 อีกตัว ไปวางยังจุดที่เราคิดว่าอับสัญญาณ จากนั้นก็ทำการตั้งค่าเหมือนกับตอนแรก ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยากอะไรมาก เพราะในหน้าตั้งค่ามีคำแนะนำให้ตลอด

เมื่อตั้งค่าตัวเครื่องเสร็จเรียบร้อย ก็ให้เปิดแอปฯ Deco ขึ้นมาใหม่ ก็จะเห็นหน้า Home ดูสถานะและควบคุมตัว Deco E4 นี้แล้ว ในหน้านี้เราสามารถดูสถานะของ Node ที่เรานำไปติดตั้งได้รายตัวเลย สามารถดูได้ว่า Node ตัวไหน มีการใช้เน็ตไปกี่ MB/s สามารถสั่ง Block หรือตั้งค่าความเร็วได้ทันที สำหรับฟีเจอร์อื่น ๆ ก็ยังมีมาให้ครบเช่นเคย อาทิ Parental Control, QoS, Monthly Report และ Managers เหมือนกับรุ่น Deco M4 ทุกประการ

ประสิทธิภาพ

สำหรับการทดสอบครั้งนี้ ผมจะใช้สมาร์ทโฟน 2 เครื่อง + โน๊ตบุ๊ก 1 ตัว ทดสอบด้วยความเร็ว 100/30 เหมือนเคย ผ่านตัว Deco E4

ลักษณะการติดตั้งก็ตามภาพ หากใครเคยมีปัญหาสัญญาณ Wi-Fi ไม่ทั่วถึง หรือคลุมไม่ได้ทั้งบ้าน อย่างที่บ้านผมเอง ตัว Modem เราเตอร์ตั้งอยู่ห้องทำงานตัวเดียว สัญญาณจึงไปไม่ถึงฝั่งห้องนอน เมื่อมี Deco E4 มาเทส ก็นำอีกตัวไปตั้งไว้ในห้องนอนทันที เพื่อขอดูว่า มันสามารถขยายหรือแก้ปัญหาจุดอับสัญญาณของห้องนี้ได้ไหม