“ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ” ถือเป็นหนึ่งในสัญญาณของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งความน่ากลัวของมันอยู่ที่ ผู้ป่วยแทบจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเลยที่บ่งบอกว่าตัวเองนั้นมีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ รู้ตัวอีกทีอาการอาจจะอยู่ในขั้นที่แย่จนถึงขนาดทำให้เสียชีวิตได้ วันนี้ทีมงาน DroidSans เลยขอมาแนะนำสมาร์ทวอทช์และสายรัดข้อมือ Smart Band ต่าง ๆ ที่สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) ได้
สำหรับสมาร์ทวอทช์ที่มากับเซ็นเซอร์ SpO2 ในครั้งนี้ ผมคัดมาแค่รุ่นที่มีขายในบ้านเราเท่านั้นนะครับ ซึ่งย่านราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นราคาหลักพัน ไปจนถึงตัวท็อปสเปคพรีเมียมเลย
มาถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ อาจจะมีคำถามว่า แล้วพวกสายรัดข้อมืออัจฉริยะ สมาร์ทแบนด์ หรือฟิตเนสแบนด์ อย่าง Mi Band / HUAWEI Band / OPPO Band ล่ะ สามารถใช้วัดค่าออกซิเจนในเลือดได้ด้วยหรือเปล่า คำตอบก็คือบางรุ่นทำได้ บางรุ่นก็ทำไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ ผมก็รวบรวมรายชื่อมาให้เหมือนเช่นเคย
การทำงานของเซ็นเซอร์ SpO2 ในสมาร์ทวอทช์หรือสมาร์ทแบนด์จะใช้หลักการสะท้อนของแสง ตรงนี้หากเพื่อน ๆ พลิกนาฬิกามาดู จะเห็นว่าข้างใต้จะมีแสงสีแดงหรือสีเขียวกระพริบออกมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้แหละที่ตัวเซ็นเซอร์จะปล่อยคลื่นอินฟราเรดที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาปล่อย โดยตัวแสงที่เป็นสี ๆ นั้นจะทะลุผ่านเฉพาะเม็ดเลือดที่มีค่าออกซิเจนในเลือดมาก ส่วนคลื่นอินฟราเรดที่เรามองไม่เห็นจะทะลุผ่านเฉพาะเม็ดเลือดแดงที่มีค่าออกซิเจนน้อย
ในส่วนนี้ ทางสมาร์ทวอทช์ สมาร์ทแบนด์ หรืออุปกรณ์ Wearable ที่เราสวมใส่ที่มีเซ็นเซอร์ SpO2 จะดูปริมาณแสงสีแดงจากที่สะท้อนกลับมาสู่ตัวเซ็นเซอร์นั่นเอง โดยอุปกรณ์วัดระดับออกซิเจนทั่วไปที่ใช้กันในโรงพยาบาล (ที่ใส่กับปลายนิ้ว) ก็อาศัยหลักสะท้อนแสงในการตรวจวัดค่าออกซิเจนในเลือดเหมือนกัน
แต่ถ้าถามว่าเซ็นเซอร์ SpO2 นั้นมีความแม่นยำแค่ไหน เทียบกับอุปกรณ์ที่หน่วยงานทางการแพทย์ใช้หรือเปล่า อันนี้ก็ขอตอบแบบสั้น ๆ ว่า “ไม่” นะครับ โดยเซ็นเซอร์ SpO2 บนสมาร์ทวอทช์หรือสมาร์ทแบนด์รุ่นต่าง ๆ สามารถใช้ตรวจวัดค่าออกซิเจนได้แค่แบบเบื้องต้นเท่านั้น หมายความว่า การอ่านของมันจะไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งคุณภาพของเซ็นเซอร์ก็ยังขึ้นอยู่กับราคาค่าตัวของอุปกรณ์นั้น ๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเซ็นเซอร์ SpO2 บนสมาร์ทวอทช์หรือสมาร์ทแบนด์รุ่นต่าง ๆ จะไม่ได้มีความแม่นยำ 100% เหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้กันในโรงพยาบาล แต่อย่างน้อย ๆ ฟีเจอร์วัดค่าออกซิเจนในเลือดที่อุปกรณ์เหล่านั้นมอบให้ก็น่าจะเข้ามาเป็นเซฟทีคัทให้กับใครหลาย ๆ คน ช่วยเตือนก่อนจะเกิดภัยร้ายขึ้น ให้ถึงมือแพทย์ได้ไวที่สุด
ส่วนวิธีที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ค่าออกซิเจนในเลือดของเราตกไปอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าปกติที่ยั่งยืน และสามารถทำได้ทุกวันแบบไม่ลำบากต่อการใช้ชีวิตมากนัก ก็คือ การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ยิมจะปิด แต่เราก็ยังสามารถออกกำลังกายแบบบอดี้เวทได้ที่บ้าน หรือแม้กระทั่งการลุกมาขยับตัว แขน ขา บ้างนาน ๆ ทีก็ถือว่าดีกว่านั่งอยู่เฉย ๆ หน้าคอมเรียนหนังสือออนไลน์หรือทำงานทั้งวัน
นอกจากนี้ สมาร์ทโฟน Galaxy S และ Note รุ่นเก่า ๆ ก็สามารถนำมาวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้เหมือนกับพวกเหล่าสมาร์ทวอทช์หรือสมาร์ทแบนด์ที่ผมแนะนำไปข้างต้น โดยรายชื่อมือถือที่รองรับก็มีดังนี้
หรือถ้ารุ่นไหนของเพื่อน ๆ ที่ใช้อยู่ สามารถใช้วัดค่าออกซิเจนได้ แต่ผมไม่ได้ใส่ชื่อลงไปในบทความนี้ ก็สามารถทักมาบอกได้ตลอดนะครับ จะคอยอัปเดตตลอดหากมีรุ่นใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา ^ ^
30/04/2021 08:32 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย