รวม 15 ไฮไลท์ฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Galaxy S21, Galaxy S21+ และ Galaxy S21 Ultra - Android

Get it on Google Play

รวม 15 ไฮไลท์ฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Galaxy S21, Galaxy S21+ และ Galaxy S21 Ultra - Android

ต้องบอกว่างานเปิดตัว Galaxy UNPACKED 2021 รอบนี้นอกจาก Samsung จะทำเซอร์ไพรส์ขนเอา Galaxy S21, S21+ และ ​S21 Ultra มาไวกว่าปกติถึง 1 เดือน พวกเขายังได้ขนสเปคและฟีเจอร์เด็ดๆ อัดเข้ามาไว้ในมือถือเล็กๆ ทั้ง 3 รุ่นแบบชนิดที่ว่าผมดูไลฟ์ไปก็อ้าปากค้างไป…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ผมพามาดู 15 ไฮไลท์ฟีเจอร์เด็ดๆ ของสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นนี้กันครับ พอดีว่าไม่อยากว้าวอยู่คนเดียว […]

ต้องบอกว่างานเปิดตัว Galaxy UNPACKED 2021 รอบนี้นอกจาก Samsung จะทำเซอร์ไพรส์ขนเอา Galaxy S21, S21+ และ ​S21 Ultra มาไวกว่าปกติถึง 1 เดือน พวกเขายังได้ขนสเปคและฟีเจอร์เด็ดๆ อัดเข้ามาไว้ในมือถือเล็กๆ ทั้ง 3 รุ่นแบบชนิดที่ว่าผมดูไลฟ์ไปก็อ้าปากค้างไป…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ผมพามาดู 15 ไฮไลท์ฟีเจอร์เด็ดๆ ของสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นนี้กันครับ พอดีว่าไม่อยากว้าวอยู่คนเดียว ฮ่าๆ

1. Adaptive Refresh Rate 10 – 120Hz

ขอเริ่มจากเรื่องหน้าจอแสดงผลกันก่อนเลยดีกว่า โดยทั้ง Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra ต่างมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Adaptive Refresh Rate ซึ่งความเทพของฟีเจอร์ตัวนี้ก็คือ มันจะปรับค่ารีเฟรชเรทของมือถือเราให้อัตโนมัติตามคอนเทนต์ที่เรากำลังเปิดอยู่ ณ ตอนนั้นเลย พูดง่ายๆ หากเรากำลังเล่นเกมอยู่ ระบบก็จะเซ็ตรีเฟรชเรทที่ 120Hz แบบเต็มๆ เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ลื่นไหลและดีที่สุด แต่ถ้าอ่านบทความหรือเปิดจอทิ้งไว้เฉยๆ ระบบก็จะลดรีเฟรชเรทเหลือแค่ 24Hz ไปจนถึง 10Hz เลยทีเดียว

  • Galaxy S21 และ S21+ ปรับได้ตั้งแต่ 48 – 120Hz
  • Galaxy S21 Ultra ปรับได้ตั้งแต่ 10 – 120Hz

2. เปิดหน้าจอความละเอียด QHD+ พร้อมรีเฟรชเรท 120Hz พร้อมกัน

จอลื่นอย่างเดียวไม่พอ ความละเอียดต้องคมชัดด้วย ในรอบนี้ Galaxy S21 Ultra รุ่นท็อปสุดในซีรีส์ ก็สามารถเปิดอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และการแสดงผลแบบ Quad HD+ ได้พร้อมกัน จากเดิมที่รุ่นก่อนๆ จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งว่าจะเอาจอคมหรือจอลื่น แต่ต้องเตือนก่อนนะว่าเปิดพร้อมกันแบบนี้ แบตอาจจะใช้งานได้น้อยลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

3. หน้าจอเร่งแสงสว่างสูงสุด 1300 – 1500 nits

Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra ต่างสามารถปรับความสว่างหน้าจอ (Screen Brightness) ได้มากกว่า Galaxy S รุ่นก่อนๆ อยู่มากพอสมควร โดยในปีนี้ มือถือซีรีส์สุดเทพสามารถดันความสว่างได้มากถึง 1300 nits ในรุ่น S21 และ S21+ ส่วนตัวท็อป S21 Ultra ก็จัดเต็มสุดๆ ดันได้สูงถึง 1500 nits เลยทีเดียว มากกว่า iPhone 12 Pro Max ที่ Max เต็มที่แค่ 1200 nits เท่านั้น

4. ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus สุดแกร่ง

ซอฟต์แวร์ดีแล้ว ฮาร์ดแวร์ก็ต้องดีด้วย โดยส่วนนี้ทั้ง Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมากับกระจกนิรภัยตัวท็อปของ Corning อย่าง Gorilla Glass Victus ที่มีความแข็งแกรงกว่ากระจกนิรภัยทั่วไปถึง 4 เท่า ทนต่อแรงขีดข่วนกว่าเดิม และที่สำคัญทาง Corning ยังเคลมว่า หากมือถือรุ่นไหนมากับ Gorilla Glass Victus ล่ะก็ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะตก เพราะพวกเขาบอกว่ากระจกรุ่นนี้ตกจากที่สูง 2 เมตร ก็ไม่แตก!

5. ชิปตัวใหม่ Exynos 2100 เร็วแรงกว่าเดิม ประหยัดแบตขึ้น 20%

ทั้ง Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra ต่างถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Exynos 2100 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร ในส่วนนี้ทาง Samsung เคลมว่า ประสิทธิภาพการทำงานของ CPU, GPU และ AI จะแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลนทีเดียว อีกทั้งยังใช้พลังงานน้อยกว่าเดิมถึง 20% อีกด้วย

รอบนี้ Samsung ได้ไปจับมือกับ ARM บริษัทออกแบบ CPU ชื่อดัง ขอยืม Cortex-X1 ตัวแรงมาใช้งานเป็นแกนหลัก แถมยังได้ Cortex-A78 สุดเทพมาอีก 3 แกนและตัวประหยัดพลังงานอย่าง Cortex-A55 มาช่วยประมวลผลร่วมกันอีก 4 แกน รวมเป็น 8 แกน ซึ่งหากดูจากสเปคหน้ากระดาษแล้ว จะเห็นว่า Exynos 2100 แทบจะสูสีกับ Snapdragon 888 เลยทีเดียว (บางจุดแรงกว่าด้วยซ้ำ)

เหนือสิ่งอื่นใด จุดด้อยของชิปเรือธงตระกูล Exynos ที่เรามักจะเจอประจำในทุกๆ ปี คงหนีไม่พ้นเรื่องการใช้พลังงานที่แบบซดเป็นน้ำ ตรงนี้ Samsung ก็เคลมๆ เอาไว้ว่าจะควบคุมการใช้พลังงานดีกว่าเดิมนะ ทั้งนี้ก็ต้องมารอดูรีวิวกันต่อไปว่าจะเป็นแบบที่พวกเขาว่ามาหรือเปล่า

6. กล้องหลักความละเอียด 108MP

Galaxy S21 Ultra มาพร้อมกับกล้องความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์สุดใหญ่ 0.8 ไมครอน ระยะโฟกัส 24 มม. รูรับแสง f/1.8 รับประกันว่าภาพที่ได้จากกล้องตัวนี้ จะมีคุณภาพที่ใกล้เคียงกับของจริงมากๆ แถมถ้าดันซูมเข้าไปก็แทบจะไม่สูญเสียรายละเอียดใดๆ เลย นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่นแบบ OIS มาให้ด้วย

แม้ว่ากล้องหลักของ Galaxy S21 และ S21+ จะให้มาเพียง 12 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่บอกเลยว่าคุณภาพยังคงอยู่ระดับแถวหน้าๆ ของวงการกล้องมือถือเช่นเคย รองรับ Super Speed Dual Pixel AF ยกกล้องขึ้นมาปุ๊บ จับโฟกัสวัตถุทันที

7. Space Zoom 100x กลับมาแล้ว

เปิดตัวครั้งแรกกับ Galaxy S20 Ultra สำหรับ Space Zoom 100x ซูมไกลถึงอวกาศ ทว่าพอไปเรือธงรุ่นถัดไปอย่าง Galaxy Note 20 Ultra ฟีเจอร์นี้กลับหายไปซะงั้น ล่าสุดใน Galaxy S21 Ultra ฟีเจอร์นี้กลับมาอีกแล้วครับคุณผู้อ่านทุกท่าน… โดยกลับมารอบนี้ แน่นอนล่ะว่าจะต้องมีดียิ่งกว่าเดิมเป็นไหนๆ เพราะ Samsung ได้เพิ่มระบบ Zoom Lock เข้าไป เมื่อดันซูม 10x – 100x ไม่ต้องกลัวเลยว่าภาพจะเบลอ เนื่องจากระบบตัวนี้จะเข้ามาช่วยให้กล้องมีความนิ่งขึ้น ไม่สั่น ไม่เบลอ แถมยังได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิมอีก

8. วิดีโอ 4K 60fps ทุกเลนส์กล้อง

สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงๆ อันนี้มีเฮ เพราะทั้ง Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K 60fps ทุกเลนส์กล้อง รวมไปถึงกล้องหน้าก็สามารถถ่ายได้ด้วย เอาเป็นว่าไม่ว่าจะถ่ายช็อตไหน วิดีโอที่ได้ก็จะลื่นไหลและคมชัดทุกสถานการณ์เลยล่ะ

9. กันสั่น Super Steady ที่นิ่งเทียบเท่า Action Cam (1080 60fps)

ฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอกันสั่น Super Steady ถือว่าเป็นจุดเด่นของมือถือตระกูล Galaxy อยู่แล้ว มาในรอบนี้ Samsung ก็ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ของฟีเจอร์นี้ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไฟล์วิดีโอที่ถ่ายบน Galaxy S21, S21+ หรือ S21 Ultra แทบจะออกมาเนียนตา ลื่นไหล ไม่มีอาการเบลอและสั่นเหมือนกับใช้ Action Cam ถ่ายยังไงยังงั้น

10. ถ่ายภาพนิ่งระดับ 12-bit HDR เลือกบันทึกไฟล์แบบ 12-bit RAW ได้

ปกติแล้วการถ่ายภาพ HDR จะเป็นแค่แบบ 10 bit เท่านั้น แต่ใน Galaxy S21 Ultra นั้น ผู้ใช้สามารถเลือกถ่ายภาพแบบ 12 bit HDR ที่ ​Samsung เคลมว่าให้สีสันที่สดและคมชัดกว่าปกติ 64 เท่า และมีช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้นกว่าเดิมอีก 3 เท่าตัว นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกไฟล์เป็นแบบ RAW 12 bit มาตรฐานเกรดกล้อง DSLR ที่ช่วยให้เราสามารถแต่งภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียดอีกด้วย

11. ถ่ายภาพในที่มืดได้ชัดกว่าตาเห็นด้วย Bright Night sensor

Galaxy S21 Ultra มาพร้อมกับฟีเจอร์ Bright Night เวอร์ชั่นตีบวก ที่นำเอาการทำงานของ Night Mode, ซอฟต์แวร์ช่วยลด Noise และเทคโนโลยี Nano-binning 12MP เข้ามาด้วยกัน ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือสภาพแสงที่แม้แต่ตาของมนุษย์ก็มองไม่เห็น สามารถทำให้มีแสงมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ แถมสีของวัตถุที่ได้ยังออกมาได้แทบจะเทียบเคียงกับของจริงได้เลย ไม่มีการเร่งแสงจนสีเพี้ยน

12. เซ็นเซอร์ Laser AF จับระยะวัตถุเพื่อเปลี่ยนเลนส์ให้ได้ระยะเหมาะสมอัตโนมัติ

อีกทั้ง Galaxy S21 Ultra ยังมีเซ็นเซอร์ Laser AF ที่นอกจากจะช่วยให้การโฟกัสวัตถุทำได้แม่นยำและไวขึ้นกว่าเดิมแล้ว เซ็นเซอร์ตัวนี้ยังเข้ามาช่วยให้มือถือเปลี่ยนเลนส์ที่ใช้งานได้ตามความเหมาะสมอัตโนมัติอีกด้วย ไม่ต้องกดเปลี่ยนมือเองให้ยุ่งยาก

13. Director’s View โชว์ภาพจากกล้องทุกตัวให้เลือกว่าจะถ่ายด้วยกล้องตัวไหน

ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กับ Galaxy S21 series ในครั้งนี้ก็คือ Director’s View ที่จะเข้ามาแสดงภาพตัวอย่างจากหลายเลนส์ก่อนถ่ายจริง เพื่อให้ผู้ใช้งานประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้เลนส์ไหนถ่ายดี กล้องซูมหรือมุมกว้าง ฯลฯ สะดวกสบาย ไม่ต้องกดไปดูเองให้เสียเวลา ดูจากภาพพรีวิวเอาง่ายกว่า

14. รองรับ WiFi 6E

Galaxy S21 Ultra นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับการใช้งาน WiFi 6E ที่จะเข้ามาทำให้ Bandwidth กว้างเดิม ส่งผลให้สามารถท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า เรียกว่าจะใช้เน็ตตัวเองก็ไวด้วย 5G หรือจะใช้ WiFi ก็ไวกว่าใครเพื่อนด้วย WiFi 6E นั่นเอง

15. รองรับ S Pen

ปิดท้ายกันด้วยฟีเจอร์ปากกา S-Pen สุดเทพกันเลยดีกว่า โดย Galaxy S21 Ultra จะมากับความสามารถในการใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen จุดเด่นของมือถือ Galaxy Note นั่นเอง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับซีรีส์ Galaxy S แค่บอกเลยว่าฟีเจอร์ต่างๆ ใส่มาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นการรองรับแรงกดที่มากถึง 4096 ระดับ ไหนจะฟีเจอร์สุดพิเศษอย่าง Air Action ที่จะช่วยให้เรากดชัตเตอร์ถ่ายรูป เปลี่ยนเพลง หรือเปลี่ยนสไลด์เองได้โดยที่ไม่ต้องกดหน้าจอมือถือ

และทั้งหมดนี้ก็คือ 15 ไฮไลท์ฟีเจอร์เด็ดๆ ของ Galaxy S21 series ที่ส่วนตัวผมได้รวบรวมมาให้อ่านกันแบบง่ายๆ นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมีบางอย่างที่ตกหล่นไป เอาเป็นว่าหากผู้อ่านคิดว่าฟีเจอร์ไหนเด็ด ควรค่าแก่การพูดถึงในบทความนี้ด้วย ก็แสดงความคิดเห็นได้ที่ด้านล่างเลยนะครับ

เปรียบเทียบ Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra สเปคเหมือน-ต่างกันตรงไหน ซื้อรุ่นไหนคุ้มกว่ากัน

15/01/2021 02:20 AM