เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วสำหรับอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนสเปคสุดเทพอย่าง Huawei Mate 40 Series ที่รอบนี้ขนมาถึง 4 รุ่นด้วยกัน ตั้งแต่รุ่นธรรมดา, Pro, Pro+ ไปจนถึง Porsche Design ว่าแต่มือถือรุ่นนี้จะมีสเปคฟีเจอร์ หรือไฮไลท์อะไรเด็ดๆ ที่มันว้าวๆ น่าใช้งานกันบ้าง มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ
Huawei Mate 40 ทั้ง 4 รุ่น มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ค่ารีเฟรชเรท 90Hz และค่า Touch Sampling Rate อยู่ที่ 240Hz ให้สัมผัสตอบสนองที่ลื่นไหล เลื่อนไถฟีดหน้าเว็บ ไม่มีกระตุก หรือแล็คให้รำคาญตาแต่อย่างใด โดยหน้าจอของสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้จะมาเป็นแบบจอโค้งสไตล์น้ำตก (Waterfall) ให้ความรู้สึกว่าจอใหญ่กว้าง ไม่มีที่สิ้นสุด
มาเจาะลึกกันในเรื่องสเปคหน้าจอของแต่ละรุ่นกันเลยดีกว่า เริ่มจากรุ่นเล็กสุด Huawei Mate 40 โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมากับหน้าจอ OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ค่ารีเฟรชเรท 90Hz หน้าจอโค้ง 68 องศา มี Touch Sampling 240Hz
ส่วน Huawei Mate 40 Pro, Pro+ และ Porsche Design Mate 40 RS จะมีขนาดจอที่เท่ากันที่ 6.76 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ค่ารีเฟรชเรท 90Hz, Touch Sampling 240Hz และมีขอบที่โค้งเกือบๆ 90 องศาเลยทีเดียว
ซึ่งในส่วนนี้ทาง Huawei เผยว่า พวกเขาสามารถใส่ค่ารีเฟรชเรท 120Hz มาไว้ใน Huawei Mate 40 Series แบบสบายๆ ไม่มีปัญหา แต่ก็เลือกที่จะใส่ไปแค่ 90Hz เท่านั้น เนื่องจากมองว่าจอ 90Hz นั้นประหยัดพลังงานมากกว่านั่นเอง
ปีก่อน Huawei Mate 30 Series ได้ตัดปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงทิ้งไป จะเพิ่มหรือลดเสียงแต่ละที จะต้องใช้ปุ่ม Virtual Button ที่จะต้องแตะๆ ไปที่หน้าจอเอา บางทีก็ติด บางทีก็ไม่ติด ซึ่งตรงนี้เหมือน Huawei จะรับรู้ถึงปัญหาดังกล่าว จึงตัดสินใจกลับมาใส่ปุ่มเพิ่มลดเสียงแบบ Physical กลับมาเหมือนเดิม
ทว่าปุ่มเพิ่มลดเสียงแบบ Virtual ก็ยังอยู่ที่ด้านซ้ายของจอเหมือนเดิมนะ เท่ากับว่าตอนนี้บนสมาร์ทโฟน Huawei Mate 40 Series ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้เลยว่าจะปรับเพิ่มลดเสียงฝั่งไหนของหน้าจอ จะซ้ายหรือขวาก็ได้หมด ตามที่ถนัดเลย
Huawei Mate 40 Series ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Kirin 9000 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 5 นาโนเมตร โดย Huawei เคลมว่า Kirin 9000 เป็นชิป 5G ขนาด 5 นาโนเมตรรุ่นแรกของโลก มากับตัวรับสัญญาณมากถึง 1.5 หมื่นล้านตัว ค่า Clock Speed สูงสุด 3.13 GHz มี GPU ทั้งหมด 24 แกน รับรองว่าเอาไปเล่นเกมแล้วไม่มีอาการกระตุกแน่นอน
Huawei Mate 40 ทั้ง 4 รุ่น มากับลำโพงคู่แบบสเตอริโอ ให้เสียงรอบทิศทาง มีมิติ ไม่แบน ไม่อู้ นอกจากนี้ทาง Huawei ยังเพิ่มเบสมาให้อีก 150% โดยในส่วนนี้ ไม่ว่าจะฟังเพลง ดูหนัง หรือว่าคุยโทรศัพท์ เบสที่ออกจากสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้แน่นมากๆ แน่ๆ ซึ่งถือเป็นการกลับมาของลำโพงสเตอริโอในสมาร์ทโฟนเรือธงของ Huawei หลังจากก่อนหน้านี้เคยมี แล้วก็ตัดออกไป
ภายในชิป Kirin 9000 (5nm) นั้นมีหน่วยประมวลผล NPU และตัวมือถือเองก็มากับเซ็นเซอร์ Gesture ทำให้สมาร์ทโฟนซีรีส์นี้สามารถใช้งานแบบ Hand-Free ได้ กล่าวง่ายๆ คือ เราสามารถฟลิบไปฟลิบมา ปัดซ้ายขวาเพื่อควบคุมโทรศัพท์ได้แบบง่ายๆ ตอนที่เรามือเปื้อน หรือกำลังทำธุระอื่นๆ อยู่
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ขณะที่กำลังกินพิซซ่าอยู่มือเปื้อนๆ แต่มีข้อความ หรือมีคนโทรเข้ามา ไม่อยากแตะหน้าจอมือถือให้สกปรก เราก็สามารถใช้งาน Huawei Mate 40 Series แบบ Hand-Free ได้ จะเพิ่มลดเสียง หรือทำอะไรต่างๆ ก็ได้หมด มีการตั้งค่า และวิธีสอนใช้งานอยู่ในเครื่อง
มากับฟีเจอร์ XD Fusion HDR ที่จะเข้ามาช่วยให้วิดีโอที่ถ่ายจาก Huawei Mate 40 Series นั้น มีฟีลและกลิ่นอายแบบหนังภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แถมไม่ว่าจะย้อนแสงแค่ไหน รายละเอียดของวิดีโอก็ให้มาแบบเต็มๆ ด้วย (เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นอื่นๆ)
มาพร้อมกับฟีเจอร์ Tracking Shot ที่จะใช้ AI เข้ามาช่วยโฟกัสวัตถุให้อยู่ตรงกลางของเฟรมตลอดเวลา แม้ว่าเราจะไม่ได้เลื่อนหรือแพนกล้องก็ตาม
สเปคกล้องของ Huawei Mate 40 Series จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตามนี้
Huawei Mate 40 | Huawei Mate 40 Pro | Huawei Mate 40 Pro+ | Porsche Design Mate 40 RS | |
จำนวนกล้อง | 3 ตัว | 5 ตัว | ||
กล้องหลัก | 50MP f/1.9 | 50MP f/1.9, OIS | ||
กล้อง Ultra-Wide | 16MP f/2.2 | 20MP f/1.8 | 20MP f/2.4 | |
กล้อง Telephoto | 8MP f/2.4, OIS รองรับ AF | 12MP f/3.4, OIS รองรับ AF | 12MP f/2.4, OIS, Optical 3x | |
กล้อง SuperZoom | ไม่มี | 8MP f/4.4, OIS, Optical 10x | ||
กล้อง 3D Depth Sensing | ไม่มี | มี |
Huawei Mate 40 Series รองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 สามารถใช้งานออกกำลังกายเหงื่อออกเยอะๆ หรือว่าตากฝนได้แบบสบายๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าสมาร์ทโฟนสุดที่รักของเราจะพัง (ยกเว้น Mate 40 ที่รองรับแค่ IP53)
มากับระบบชาร์จไว SuperCharge ความเร็ว 66W ชาร์จจาก 0% – 100% ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง รวมถึงรองรับระบบชาร์จไวแบบไร้สาย 50W อีกด้วย ทว่า…ตรงนี้ต้องบอกว่า Mate 40 รุ่นธรรมดาจะรองรับชาร์จไวแค่ 40W และไม่รองรับชาร์จไร้สายนะครับ
โดยระบบชาร์จไว 66W ของ Huawei ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีชาร์จแบบมีสายที่ไวที่สุดในวงการสมาร์ทโฟนตอนนี้เลยก็ว่าได้ เรียกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งเรือธงส่วนมาก ระบบของ Huawei ถือว่าไวกว่าหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
และทั้งหมดนี้ก็เป็นฟีเจอร์และไฮไลท์เด็ดๆ ของ Huawei Mate 40 Series ที่ทางทีมงานได้รวบรวมมานะคร้าบบบ
22/10/2020 03:20 PM
22/10/2020 11:36 AM
22/10/2020 09:32 AM
22/10/2020 06:43 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย