ปี 2562 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องฟอกอากาศในบ้านเราดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายๆ คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาฝุ่นละอองกันมากขึ้น แถมยังมีข้อมูลว่าฝุ่นระดับ PM 2.5 นั้นอันตรายต่อร่างกายแค่ไหน ทำให้เหล่าเครื่องฟอกอากาศขายดีไปตามๆ กัน แต่น่าจะต้องสะดุ้งรีบไปเช็คเครื่องฟอกที่ซื้อไว้กัน เมื่อมีการเปิดเผยว่ามีการสุ่มทดสอบเครื่องฟอกอากาศในตลาด 10 รุ่น กลับพบว่ามีถึง 5 รุ่น ที่ไม่มีประสิทธิภาพตรงตามสเปคที่ระบุเอาไว้ โดยการทดสอบและเผยแพร่ข้อมูลในครั้งนี้ทำโดย นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (กดเข้าไปติดตามเพจกันได้) ที่ได้ทำการสุ่มทดลองเครื่องฟอกอากาศ ในท้องตลาด และจากออนไลน์รวม 10 ยี่ห้อ (10 […]

ปี 2562 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องฟอกอากาศในบ้านเราดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายๆ คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาฝุ่นละอองกันมากขึ้น แถมยังมีข้อมูลว่าฝุ่นระดับ PM 2.5 นั้นอันตรายต่อร่างกายแค่ไหน ทำให้เหล่าเครื่องฟอกอากาศขายดีไปตามๆ กัน แต่น่าจะต้องสะดุ้งรีบไปเช็คเครื่องฟอกที่ซื้อไว้กัน เมื่อมีการเปิดเผยว่ามีการสุ่มทดสอบเครื่องฟอกอากาศในตลาด 10 รุ่น กลับพบว่ามีถึง 5 รุ่น ที่ไม่มีประสิทธิภาพตรงตามสเปคที่ระบุเอาไว้
โดยการทดสอบและเผยแพร่ข้อมูลในครั้งนี้ทำโดย นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (กดเข้าไปติดตามเพจกันได้) ที่ได้ทำการสุ่มทดลองเครื่องฟอกอากาศ ในท้องตลาด และจากออนไลน์รวม 10 ยี่ห้อ (10 รุ่น) โดยมีราคาถูกสุดตั้งแต่ 1,990 บาท จนถึงแพงสุดที่ 9,900 บาท การทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ
ขั้นตอนและกรรมวิธีการทดสอบ
ทางนิตยสารฉลาดซื้อได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศโดยมีการปรับปรุงจากมาตรฐาน JEM* ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศครัวเรือนประเทศญี่ปุ่น มีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์และสถานที่ในการทดสอบดังนี้
- เครื่องสร้างฝุ่น TOPAS Aerosol Generator ATM 226 ที่จะสร้างฝุ่นละอองขนาด 0.1 – 0.9 ไมครอน ออกมา โดยส่วนใหญ่จะมีขนาดอยู่ที่ 0.2 ไมครอน
- Dusttrack DRX Aerosol Monitor 8533 เป็นเครื่องที่ใช้ในการวัดความเข้มข้น PM 2.5 โดยสามารถวัดค่าได้แบบ Real-Time
- ห้องที่ใช้ทดสอบขนาด 26.46 ตารางเมตร (กว้าง 3.6 x ยาว 3 x สูง 2.45 เมตร) ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ทดสอบเอาไว้บริเวณริมห้อง สูงจากพื้น 70 ซม. และติดตั้งเครื่องวัดความเข้มข้นฝุ่นสูงจากพื้น 70 ซม. ตรงกลางห้อง
*Standards of The Japan Electrical Manufacturers’ Association (JEM Standards)
วิธีทดสอบ
ก่อนอื่นทีมงานของนิตยสารฉลาดซื้อจะทำการตรวจสอบห้องเพื่อทดสอบความพร้อม ว่าห้องได้มาตรฐานหรือไม่โดย
- เปิดเครื่องสร้างฝุ่นละอองจนได้ความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 1.0 – 5.0 mg/m3
- ทิ้งห้องไว้ 30 นาที
- ตรวจสอบการลดลงของฝุ่นละอองตามธรรมชาติ (Natural Decay) จะต้องไม่น้อยกว่า 80% ของค่าเริ่มต้น
การทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศแต่ละเครื่องจะทำโดยมีขั้นตอนดังนี้
- เปิดเครื่องสร้างฝุ่นละอองจนได้ความเข้มข้นของฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 1.0 – 5.0 mg/m3
- เปิดเครื่องฟอกอากาศตรวจสอบหาการลดลงของฝุ่นละออกขณะเปิดเครื่องฟอกอากาศ (Decay of dust concentration) เป็นเวลา 90 นาที หรือจนกว่าค่าความเข้มข้นของ PM 2.5 จะเหลือน้อยกว่า 0.20 mg/m3 หรือ 20 µg/m3
- แต่ละเครื่อง ทดสอบเป็นจำนวนเครื่องละ 2 ครั้ง เพื่อความแม่นยำ
- คำนวนหาประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ โดยจะได้มาเป็นค่า CADR หรือ อัตราการไหลของอากาศบริสุทธิ์
ผลการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ
จากผลการทดสอบสามารถแบ่งประเภทของเครื่องฟอกอากาศออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ไม่สามารถทำได้ตามสเปคที่ระบุเอาไว้ และกลุ่มที่สามารถทำได้จริง รวมถึงสามารถดูขนาดพื้นที่ห้องที่เหมาะสมได้
อธิบายกลุ่มและสีต่างๆ
- ไม่สามารถลดฝุ่นได้จริง
- ลดฝุ่นได้พื้นที่น้อยกว่า 20 m2 และไม่เป็นไปตามโฆษณา
- ลดฝุ่นได้พื้นที่ 20-30 m2 และไม่เป็นไปตามโฆษณา
- ลดฝุ่นได้พื้นที่ 20-30 m2 และทำได้ตามที่ระบุ
- ลดฝุ่นได้พื้นที่มากกว่า 30 m2 และทำได้ตามที่ระบุ
- ทำได้เทียบเท่าหรือดีกว่า
ยี่ห้อ | รุ่น | ราคา | ขนาดห้องที่รองรับตามระบุในโฆษณา | |
Claire | C2BU-1933 | 6,990 | 20 m2 | 2.32 m2 |
Blueair | Joy S | 9,990 | 16 m2 | 13.82 m2 |
Mitsuta | MAP450 | 3,990 | 30 – 40 m2 | 22.28 m2 |
Hatari | HT-AP12 | 4,888 | 32 m2 | 24.14 m2 |
Bwell | CF-8400 | 9,990 | 10 – 30 m2 | 21.42 m2 |
Hitachi | EP-A3000 | 4,990 | 22 – 33 m2 | 22.28 m2 |
Philips | AC1215/20 | 7,990 | 21 – 63 m2 | 33.66 m2 |
Mi | Air Purifier 2S | 4,098 | 21 – 37 m2 | 35.92 m2 |
Fanslink Air D | Cube | 1,990 | 20 m2 | 22.01 m2 |
Sharp | FP-J30TA-B | 3,990 | 23 m2 | 24.13 m2 |
1ขนาดพื้นที่ตามที่สินค้าระบุว่าสามารถใช้งานได้ในโฆษณา
2ขนาดพื้นที่ตามที่ทางนิตยสารฉลาดซื้อทดสอบและแนะนำว่าเหมาะสมกับการใช้งานพื้นที่ขนาดเท่าใด
3ขนาดพื้นที่ห้องสามารถคำนวนได้จากความกว้าง x ยาวของห้อง เช่น ห้องขนาด 5×4 เมตร ก็จะมีพื้นที่ 20 m2 หรือ ห้องขนาด 6×5 เมตร ก็จะมีพื้นที่ 30 m2 เป็นต้น
จากผลการทดสอบของนิตยสารฉลาดซื้อ ก็พอจะบอกได้ว่าแบรนด์ดังทั้งหลายสอบผ่านกันหมด ไม่ว่าจะ Sharp Philips Hitachi Mi โดยจะมีแบรนด์ที่ไม่คุ้นหูอย่าง Bwell หรือ Fanslink ที่ก็ทำได้ดีเช่นกัน ซึ่งตัวที่ดูจะคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นพิเศษจะเป็น 3 ตัวที่ทางเราได้ Highlight เอาไว้ให้นะครับ ส่วนแบรนด์อื่นใครซื้อไปก็ลองพิจารณาการใช้งานให้ดี พยายามเผื่อขนาดพื้นที่ใช้งานเอาไว้หน่อย ถ้าห้องมีขนาดใหญ่หรือพอดีกับสเปคก็อาจจะต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ
ส่วนใครที่อยากจะดูข้อมูลแบบละเอียดของการทดสอบดังกล่าวว่ามีการทดสอบอย่างไร มีการคำนวณหาประสิทธิภาพเครื่องอากาศยังไง และผลการทดสอบมีรายละเอียดว่ายังไงบ้าง ก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ในหน้าเว็บของนิตยสารฉลาดซื้อ ได้เลยครับ
รายละเอียดของเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นที่ทางนิตยสารฉลาดซื้อนำมาทดสอบ

1. Fanslink Air D รุ่น Cube ราคา 1,990 บาท - ขนาด 21 x 21.3 x 31.7 ซม.
- น้ำหนัก 2.89 กก.
- ฟอกอากาศด้วยไส้กรอง HEPA Filter กำจัดฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอน สิ่งปนเปื้อนในอากาศและสารก่อภูมิแพ้
| 
2. Mitsuta รุ่น MAP450ราคา 3,990 บาท - ขนาด 19 x 34 x 55.5
- น้ำหนัก 5 กก.
- ระบบกรองอากาศด้วยแผ่นกรอง 6 ขั้นตอน กรองฝุ่นขนาดใหญ่ด้วย Pre-Filter, กรองฝุ่นเล็ก 0.3 ไมครอน ด้วย True HEPA-Filter, ดูดซับสารเคมีและกลิ่นด้วย Activated Carbon Filter, ดูดซับสารเคมีและสารอินทรีย์ระเหยง่ายด้วย Zeo Lite Filter, กรองสารอินทรีย์ระเหยง่ายด้วย Cold Catalyst Filter, ลดฝุ่นขนาดเล็กและแบคทีเรียในอากาศด้วย Ionizer
|

3. Sharp รุ่น FP-J30TA-B ราคา 3,990 บาท - ขนาด 41.1 x 43.1 x 21.1
- น้ำหนัก 4 กก.
- ฟอกอากาศด้วยเทคโนโลยี Plasma Cluster Ion มีระบบกรอง 2 ขั้นตอน Pre-Filter กรองฝุ่นขนาดใหญ่, HEPA Filter กำจัดฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน
| 
4. Mi รุ่น Air Purifier 2S ราคา 4,098 บาท - ขนาด 24 x 24 x 52 ซม.
- น้ำหนัก 4.5 กก.
- ระบบกรองอากาศ 3 ขั้น Pre-Filter กรองฝุ่นทั่วไป, HEPA-Filter กรองฝุ่นเล็กอนุภาคระดับ 2.5 ไมครอน, Nano Protect HEPA Filter กรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน กรองได้เล็กสุดถึง 0.2 ไมครอน
|

5. Hatari รุ่น HT-AP12ราคา 4,888 บาท - ขนาด 39 x 53.5 x 19.3 ซม.
- น้ำหนัก 5.4 กม.
- ระบบกรองอากาศแบบพลาสมา ด้วยแผ่นกรอง 4 ขั้นตอน Pre-Filter ช่วยกรองฝุ่นผง, Bio Filter ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคด้วย Germ Guard Technology, HEPA Filter ดักจับฝุ่นละอองได้ถึง 0.3 ไมครอน, Activated Carbon Filter ช่วยขจัดกลิ่น
| 
6. Hitachi รุ่น EP-A3000ราคา 4,990 บาท - ขนาด 42.4 x 13.3 x 40 ซม.
- น้ำหนัก 4 กก.
- ระบบกรองอากาศ Proactive Filtration ด้วยแผ่นกรอง 2 ขั้นตอน กรองฝุ่นขนาดใหญ่ด้วย Pre-Filter, กรองสารก่อภูมิแพ้ EP 12 ด้วย EPA Filter
|

7. Claire รุ่น C2BU-1933ราคา 6,990 บาท - ขนาด 27.4 x 14.7 x 27.4 ซม.
- น้ำหนัก 2.7 กก.
- กรองอากาศด้วยไส้กรอง E2F มีคาร์บอนกรองกลิ่น UV ฆ่าเชื้อ กรองฝุ่นขนาดเล็กตั้งแต่ PM 2.5 ถึง PM 0.1
| 
8. Philips รุ่น AC1215/20ราคา 7,990 บาท - ขนาด 21.1 x 32.5 x 54.1 ซม.
- น้ำหนัก 5.3 กก.
- เทคโนโลยีฟอกอากาศ VitaShiled IPS ที่ไม่ปล่อยประจุไฟฟ้า กรองด้วยแผ่นกรอง 3 ขั้นตอน กรองขั้นแรกด้วย Pre-Filter จับฝุ่นขนาดใหญ่, Nano Protect Active Carbon Filter ดูดกลิ่น และสารประกอบอินทรีย์ระเหย, Nano Protect HEPA Filter กรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน และกรองอนุภาคละเอียดได้สูงสุดถึง 0.02 ไมครอน
|

9. Bwell รุ่น CF-8400ราคา 9,900 บาท - ขนาด 32.4 x 16.2 x 40.9 ซม.
- น้ำหนัก 4.2 กก.
- ระบบกรองอากาศ 6 ขั้นตอน การกรองอนุภาคฝุ่นละออง Particle Filtration, ดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ด้วย Activated Carbon Filter, ดักจับฝุ่นละออง ขนาดเล็ก 0.1 ไมครอน ด้วย HEPA Filter, ดักจับแบคทีเรีย กรองก๊าซพิษและกลิ่นด้วย Antibacterial Filter, ดูดซับก๊าซพิษในอากาศ, Charcoal Filter ดูดซับก๊าซพิษในอากาศ, Zeolite Filter ดูดซับก๊าซพิษ, Ultraviolet Germicidal Irradiation ทำลายชีวมลพิษ
| 
10. Blueair รุ่น Joy Sราคา 9,900 บาท - ขนาด 43.3 x 20 x 20 ซม.
- น้ำหนัก 2.4 กก.
- ระบบกรองอากาศเทคโนโลยี HEPA Silent ด้วยแผ่นกรอง 2 ขั้น แผ่นกรอง Particle และ Carbon ประกอบด้วยเส้ยใยไฟเบอร์พิเศษต่างกัน 3 ขนาด, ดักฝุ่นอนุภาคเล็ก 0.1 ไมครอนด้วย HEPA Filter
|
ข้อมูลเพิ่มเติม : ฉลาดซื้อ