ใครจะเชื่อว่า กรณีสงครามการค้า (Trade War) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แบน Huawei ไม่ให้ทำธุรกิจกับบริษัทในประเทศ จะส่งผลกระทบในวงกว้างขนาดนี้ เพราะนอกจากบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ แล้ว ยังส่งผลต่อ Samsung Display และ SMIC ที่ถือสัญชาติเกาหลีใต้ และจีนแท้ๆ ล่าสุดก็มีข่าวว่าเหล่าบริษัทญี่ปุ่นอย่าง Sony, Kioxia, Mitsubishi, Renesas และ Toshiba ก็โดนหางเลขด้วยเหมือนกัน โดยคาดว่าน่าจะรายได้หายไปเกือบๆ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว
หลังจากวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมาเป็นต้นไป หากบริษัทไหนที่ยังคงพึ่งพาเทคโนโลยีทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ อยู่ไม่ทางไหนก็ทางหนึ่ง มีความประสงค์ที่จะทำการค้าขายกับ Huawei บริษัทนั้นๆ จำเป็นต้องยื่นเอกสารขออนุญาตกับรัฐบาสหรัฐฯ ก่อน ไม่สามารถดีลงานได้แบบมีอิสระเหมือนแต่ก่อน มิเช่นนั้นอาจจะเสี่ยงต่อโดนการถูกห้ามไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีนั้นๆ ได้
ซึ่ง Sony เอง แม้ว่าจะเป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น แต่พวกเขาก็ยังต้องพึ่งเทคโนโลยีบางส่วนของสหรัฐฯ อยู่ดีในการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ตรงนี้อาจจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในขั้นตอนกระบวนการผลิต หรือชิ้นส่วนบางอย่างที่หากขาดเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไป จะไม่สามารถสร้างหรือผลิตขึ้นมาได้เลย
สืบเนื่องจากการที่ Huawei โดนรัฐบาลสหรัฐฯ แบน แหล่งข่าวเผยว่า Sony ได้ตัดสินใจออกนโยบายรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่ายในช่วง 3 ปีข้างหน้าลงไปถึง 470 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว ซึ่ง Huawei ถือว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญ ของ Sony เลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาสามารถขายเซ็นเซอร์กล้องให้กับ Huawei กวาดรายได้มากว่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตอนนี้มีข่าวว่า Sony ได้พิจารณาเตรียมยื่นอุทธรณ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ ขอทำธุรกิจกับ Huawei ต่อ แบบเดียวกับที่ MediaTek, Samsung Display และ SMIC ทำนั่นเอง อย่างไรก็ดี พวกเขาเตรียมแผนสำรองเอาไว้หากคำร้องขอถูกปฏิเสธ นั่นก็คือการขยายธุรกิจเซ็นเซอร์กล้องของตัวเองไปยังตลาดอื่นๆ อย่างอุตสาหกรรมรถยนต์ และเครื่องมือในภาคธุรกิจต่างๆ
นอกจากนี้ Renesas, Kioxia, Mitsubshi และ Toshiba ก็โดนหางเลขไปด้วยเหมือนกัน ไม่สามารถส่งออกชิ้นส่วนต่างๆ ให้กับ Huawei ได้ ส่งผลให้รายได้หดหายไปตามๆ กัน
ซึ่งผลกระทบของบริษัทดังกล่าวจากการรายงานของ Nikkei Asian Review ก็มีหลากหลายมากๆ ตั้งแต่ต้องหาลูกค้ารายใหม่ ไปจนถึงยุติกระบวนการผลิตชั่วคราวจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนว่าสามารถทำธุรกิจกับ Huawei ต่อได้หรือไม่ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าบริษัทของตนเข้าข่ายหรือเปล่า
โดย Omnia บริษัทเก็บสถิติสัญชาติอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อปีที่ผ่านมา Huawei ได้สั่งซื้อชิ้นส่วนต่างๆ จากบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ รวมเป็นเงินกว่า 1.1 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว
หากบริษัทไหนฝ่าฝืนไปแอบคุยกับ Huawei แบบลับๆ โดยที่ไม่ยื่นคำร้องขออนุญาตกับรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อน ก็จะถูกริบสิทธิ์ไม่ให้เข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญา หรือเทคโนโลยีต่างๆ ของสหรัฐฯ เลยทันที อีกทั้งอาจโดนค่าปรับสูงถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเสี่ยงต่อการถูกจำคุกอีกด้วย
ที่มา: Nikkei Asian Review | Gizmochina
18/09/2020 04:58 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย