ในที่สุดสมาร์ทโฟนซีรีส์เรือธงของ Samsung ที่จะมีระบบชาร์จไวที่ทัดเทียมกับเรือธงค่ายอื่นๆ สักที หลังจากก่อนหน้านี้ Galaxy S10+ 5G ได้ชาร์จไวไปแล้ว 25W แต่ก็วางจำหน่ายเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น (เพราะ 5G ยังไม่แพร่หลาย) โดยทั้งสองรุ่นไม่ว่าจะเป็น Note 10+ และ Note 10 ต่างมาพร้อมกับหม้อแปลง 25W แถมมาในกล่องแล้ว ว่าแต่จะชาร์จเต็ม 100% ไวแค่ไหน และเมื่อเทียบกับค่ายอื่นแล้วจะเป็นยังไง มาลองดูกันเลยดีกว่าครับ
พอแค่นี้ก่อนแล้วกันเนอะ.. มากกว่านี้เดี๋ยวจะตาลายอ่านกันไม่ไหว (จริงๆ คนเขียนขี้เกียจเขียนเองมากกว่ามั้ง ฮ่าๆ)
โทรศัพท์ | ความจุแบตเตอรี่ | ไฟหม้อแปลง (ที่แถมมาในกล่อง) | ชาร์จกี่นาทีเต็ม |
Galaxy Note 10+ | 4,300 mAh | 25W | 65 นาที |
Galaxy Note 10 | 3,500 mAh | 25W | 89 นาที |
Galaxy Note 9 | 4,000 mAh | 15W | ~100 นาที |
Galaxy S10+ | 4,100 mAh | 15W | ~99 นาที |
Huawei P30 Pro | 4,200 mAh | 40W | ~60 นาที |
OnePlus 7 Pro | 4,000 mAh | 30W | ~80 นาที |
OPPO Reno 10x Zoom | 4,065 mAh | 20W | ~90 นาที |
SONY Xperia 1 | 3,330 mAh | 18W | ~105 นาที |
Xiaomi Mi 9 | 3,300 mAh | 20W | ~90 นาที |
จากตารางจะเห็นได้ว่าแม้ Galaxy Note 10+ จะมีความจุแบตที่เยอะที่สุดในบรรดาโทรศัพท์ที่นำมาเปรียบเทียบ และความเร็วในการชาร์จไม่ได้เยอะที่สุด ทว่ากลับทำเวลาในการชาร์จ 0% – 100% ไวกว่าชาวบ้านที่ 65 นาที* (จะแพ้เพียงแต่ P30 Pro เท่านั้นที่ให้ความไวในการชาร์จมามากถึง 40W เรียกได้ว่ามากกว่ากันเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว) แต่ทั้งนี้หากใครอยากได้ความเร็วที่ไวแบบทะลุนรก Note 10+ สามารถรองรับการชาร์จไวได้มากสุดถึง 45W เลยนะ แต่ในกล่องจะแถมมาให้แค่ 25W เท่านั้น อยากได้ต้องหาซื้อเพิ่มเองนะครับ
ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องความไวในการชาร์จแล้ว เรามาพูดถึงความไวในการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charging) กันบ้างดีกว่า ซึ่งรอบนี้ Galaxy Note 10+ และ Note 10 ก็มีความไวในการชาร์จแบบไร้สายมากถึง 15W และ 12W ตามลำดับ ไวพอๆ กับ Note 9 แบบมีสายเลย พัฒนาการก้าวกระโดดมากๆ
โดยทั้งคู่ หากชาร์จแบบไร้สายเป็นเวลา 30 นาที จะได้ความจุแบตเท่ากันที่ 34% ส่วนแบบมีสาย Note 10+ จะทำความจุได้ทั้งหมด 65% ขณะที่ Note 10 ตัวธรรมดาจะได้ไป 50% ด้วยกันครับ ซึ่งทาง Samsung เคลมว่าสามารถใช้งานได้ทั้งวัน
อย่างไรก็ดี ปกติแล้วเทคโนโลยีการชาร์จไวเนี่ย มันจะไวแบบเต็มสปีดเฉพาะตอนแรกๆ เท่านั้น หลายค่ายเลือกที่จะใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น โดยเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเข้าแบตเป็นจำนวนหนึ่งแล้ว ระบบจะทำการลดสปีดลง ทั้งหมดนี้ก็เพราะป้องกันไม่ให้โทรศัพท์เกิดความร้อนจนเกินไปนั่นเองครับ ดังนั้นหากเราจะดูว่าตัวไหนชาร์จไวกว่ากัน การเลือกดูจาก 0% – 30% ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจะนำมาพิจารณาด้วยอีกตัวหนึ่งครับ
07/08/2019 08:07 PM
07/08/2019 08:02 PM
07/08/2019 09:56 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย