Review | รีวิว Samsung Galaxy Note 10 | Note 10+ หลังใช้งานมาเดือนกว่า มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง - Android

Get it on Google Play

Review | รีวิว Samsung Galaxy Note 10 | Note 10+ หลังใช้งานมาเดือนกว่า มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง - Android

มาถึงคิวของสมาร์ทโฟนเรือธงที่ใครหลายๆ คนเฝ้ารอรีวิวอยู่นานแสนนานอย่าง Galaxy Note 10 ที่รอบนี้เปิดตัวมาถึงสองรุ่นด้วยกันไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่ Note 10+ และรุ่นธรรมดา Note 10 โดยครั้งนี้อัดสเปคมาแบบจัดเต็ม และความสามารถของ S-Pen ที่สามารถเปลี่ยนจากปากกาเขียนจอปกติ ให้กลายเป็นไม้กายสิทธิ์แบบในหนัง Harry Potter เลย ซึ่งตัวผมเองก็ใช้มาสักพักใหญ่ๆ ร่วมเดือนแล้ว จะมารีวิวการใช้งานให้ทราบกันครับ สเปค GALAXY NOTE 10+ และ GALAXY NOTE 10  […]

มาถึงคิวของสมาร์ทโฟนเรือธงที่ใครหลายๆ คนเฝ้ารอรีวิวอยู่นานแสนนานอย่าง Galaxy Note 10 ที่รอบนี้เปิดตัวมาถึงสองรุ่นด้วยกันไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่ Note 10+ และรุ่นธรรมดา Note 10 โดยครั้งนี้อัดสเปคมาแบบจัดเต็ม และความสามารถของ S-Pen ที่สามารถเปลี่ยนจากปากกาเขียนจอปกติ ให้กลายเป็นไม้กายสิทธิ์แบบในหนัง Harry Potter เลย ซึ่งตัวผมเองก็ใช้มาสักพักใหญ่ๆ ร่วมเดือนแล้ว จะมารีวิวการใช้งานให้ทราบกันครับ

สเปค GALAXY NOTE 10+ และ GALAXY NOTE 10 

Galaxy Note 10+Galaxy Note 10
 
หน้าจอDynamic AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+Dynamic AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+
CPU Exynos 9825Exynos 9825
GPUMali-G76Mali-G76
RAM 12GB8GB
ความจุ256GB UFS 3.0 รองรับ MicroSD256GB UFS 3.0
กล้องหลัง เลนส์ tele 2X 12 MP (f/2.4), OISเลนส์ Wide 12MP (f/1.5, f/2.4), OIS

เลนส์ Ultra Wide 16MP (f/2.2)

Depth Vision

เลนส์ tele 2X 12 MP (f/2.4), OISเลนส์ Wide 12MP (f/1.5, f/2.4), OIS

เลนส์ Ultra Wide 16MP (f/2.2

กล้องหน้า10MP (f/2.2) + Night Vision10MP (f/2.2) + Night Vision
ระบบเสียง ลำโพงสเตอรีโอ, Dolby Atmos, ไม่มีรูหูฟังลำโพงสเตอรีโอ, Dolby Atmos, ไม่มีรูหูฟัง
เซนเซอร์fingerprint (บนหน้าจอ), accelerometer, barometer, compass, brightness sensor, proximity detection, gyroscopefingerprint (บนหน้าจอ), accelerometer, barometer, compass, brightness sensor, proximity detection, gyroscope
การเชื่อมต่อWi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0
แบตเตอรี่4,300 mAh รองรับชาร์จไว 45W3,500 mAh รองรับชาร์จไว 25W
ระบบปฏิบัติการAndroid 9 Pie ครอบทับด้วย OneUIAndroid 9 Pie ครอบทับด้วย OneUI
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นIP68IP68

ดีไซน์ตัวเครื่อง

สัมผัสแรกที่ได้จับถือเจ้า Galaxy Note 10 คือ ขนาดเครื่องพอดีมือมากๆ ถือว่าแปลกใหม่พอสมควร เพราะปกติแล้วสมาร์ทโฟนซีรีส์ Galaxy Note มักจะมีขนาดที่ใหญ่พอๆ กับแท็บเล็ต แต่ตัวนี้เทียบๆ ดูแล้ว ขนาดพอๆ กับ Galaxy S10 เลย มาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ จอโค้ง หน้าจอ Infinity-O ไว้สำหรับใส่กล้องเซลฟี่ ส่วน Galaxy Note 10+ ใช้หน้าจอแบบเดียวกัน จะต่างกันก็ตรงความละเอียดหน้าจอและขนาดที่ให้มาเป็น QHD+ และ 6.8 นิ้วตามลำดับ


ขนาดของ Note 10 จะค่อนข้างพอดีจับถือง่ายกว่า Note 10+ สำหรับคนที่มือไม่ได้ใหญ่มาก

ด้านบนเป็นที่อยู่ของไมค์ตัดเสียงสนทนา, ช่องเสียบซิมที่ครั้งนี้ไม่สามารถใส่เมมเพิ่มได้ (แต่ในตัว Note 10+ เพิ่มได้) ส่วนรูเล็กๆ ข้างช่องเสียบซิมคือรูสำหรับช่วยกระจายเสียงจากลำโพงสนทนานะ เพราะลำโพงสนทนาที่ขนาดเล็กมากๆจนต้องเพิ่มรูนี้เข้าไปให้เสียงออกได้มากขึ้

รูเล็กๆ ด้านบนเครื่อง Galaxy Note 10 และ Note 10+ ไม่ใช่ลำโพง.. แล้วมันคืออะไร?

มาดูกันที่ด้านล่างของเครื่องกันบ้าง จะมีไมค์สำหรับสนทนา, ช่องเสียบ USB Type-C, ลำโพง และช่องใส่ปากกา S-Pen ว่าแต่สังเกตหรือเปล่าว่ามีอะไรหายไป.. คำตอบก็คือรูเสียบหูฟังมาตรฐาน 3.5 มม. นั่นเอง Samsung ตัดสินใจถอดรูหูฟังออกโดยให้เหตุผลว่าต้องการทำให้ Galaxy Note 10 ทั้งสองรุ่นมีขนาดบางลงนั่นเอง ถือเป็นเรือธงรุ่นแรกของพวกเขาเลยล่ะที่ไม่ได้มาพร้อมกับฟีเจอร์นี้ แต่ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะในกล่องก็มีหูฟัง Type-C แถมมาเหมือนกัน

ไร้รูเสียบหูฟัง 3.5 มม. แต่มีแถมหูฟังหัว Type C  มาให้ในกล่องเลยนะ

รอบนี้ Samsung ย้ายเอาปุ่มต่างๆ มาไว้ที่บริเวณด้านซ้ายทั้งหมด ประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่ม Bixby ที่ตอนแรกหลายคนเข้าใจว่าเป็นปุ่ม Power แต่พอมาใช้งานจริงๆ แล้ว พยายามกดค้างจะปิดเครื่อง แต่เจ้า Bixby กลับเด้งขึ้นมาซะงั้น ทว่าอันนี้อย่าเพิ่งหงุดหงิดกันไปนะ สามารถไปปรับได้ตรง Advanced Features > Side Key > แล้วไปเปลี่ยนจาก Wake Bixby เป็น Power off menu แทน 


ส่วนด้านขวา โล่งยังกับถนนกรุงเทพ ฯ ในช่วงเทศกาลหยุดยาวเลย.. ~


ส่วนด้านหลังเป็นที่อยู่ของกล้องหลัง 3 ตัวและไฟแฟลช LED ซึ่งคราวนี้ไม่มีตัวสแกนลายนิ้วมือมาให้แบบใน Note 9 หรือ S9 แล้วนะ ย้ายไว้ซ่อนไว้ใต้หน้าจอแทน ส่วนใน Note 10+ จะมีเซนเซอร์ Depth Vision สำหรับไว้วัดความตื้นลึกของรูปเพิ่มเข้ามา


กล้องหลัง Galaxy Note 10+ (สีเงิน) จะมี Depth Vision เพิ่มเข้ามา ส่วน Note 10 (สีชมพู) จะไม่มี

ด้วยความที่หน้าจอเป็นแบบ Dynamic AMOLED ที่ได้รับการรันตีคุณภาพเกรด A+ จากเว็บไซต์ DisplayMate บวกกับความสว่างที่ให้มามากถึง 1,200 Nits ทำให้ Note 10 นั้นสามารถใช้งานกลางแจ้งในที่แสงแดดจ้าๆ ได้แบบสบายๆ เลย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Blue Light Filter เอาไว้สำหรับตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อม่านตาของเราอีกด้วย สำหรับไว้เล่นตอนก่อนนอนหรือที่มืดๆ มีประโยชน์มากเลยนะ เพราะรู้สึกว่าพอเปิดใช้งานแล้ว หลับง่ายขึ้นและสนิทกว่าเดิมจริงๆ

ตั้งค่าป้องกันการพลาดแตะข้างเครื่องได้

และถึงแม้ว่าหน้าจอจะเป็น Edge Display แต่ตั้งแต่ใช้เวลาเกือบๆ เดือนนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่าแทบจะไม่เคยทัชลั่นเลยนะเวลาจับถือ น่าจะมาจากการเปิดฟีเจอร์ Accidental Touch Protection หรือฟีเจอร์กันทัชลั่นไว้ด้วยนี่แหละ จากประสบการณ์ที่เคยใช้โทรศัพท์จอโค้งมาหลายๆ เครื่อง Note 10 | Note 10+ ถือว่าทำผลงานออกมาได้น่าประจำใจมากๆ 

ซอฟต์แวร์และการใช้งาน 

ซ่อนปุ่ม Navigation ได้ แล้วควบคุมด้วยท่าทางการปัดหน้าจอแทน

Galaxy Note 10 | Note 10+ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย One UI อีกที ซึ่งหน้าตาถือว่าสวยงามมากๆ เลยล่ะ ส่วนตัวผมยกให้เป็น UI ของ Android ที่ดูแล้วสบายตาที่สุดเลย ไม่นับ Pure Android ของ Pixel และ Oxygen OS ของ OnePlus นะ การจัดวางฟอนต์ต่างๆ ถือว่าทำออกมาดี ไม่รกตา

เลือกเลยว่าสะดวกควบคุมแบบไหน

แถบ Navigation Bar ด้านล่าง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบเลย สำหรับคนที่ชอบปุ่ม soft touch แบบแต่ก่อน หรือสำหรับคนที่ไม่อยากให้มีอะไรมาเกะกะหน้าจอ ก็เลือกแบบ Full Screen Gesture ได้เลย

การใช้งาน Multi Task เปิดแอปทิ้งไว้หลายๆ แอป (ส่วนตัวนิสัยเป็นคนไม่ค่อยชอบเคลียร์แอปด้วย เพราะขี้เกียจ) ก็ทำออกมาได้โอเคเลย ไม่เจอกับอาการกระตุกหรือแลคแต่อย่างใด ไถ Facebook, Instagram, Reddit, Google Chrome หรือตอบแชท Messenger ก็ไม่มีปัญหา หายห่วง ทั้งนี้น่าจะมาจากความสามารถของ UFS 3.0 ด้วยส่วนหนึ่ง และ RAM ที่ให้มาถึง 8GB – 12GB เรียกได้ว่าเหลือเฟือมากๆ สำหรับสมาร์ทโฟน

ไฮไลท์สำคัญของ Galaxy Note 10 ที่ผมว้าวมากๆ ตอนเปิดตัวก็คือฟีเจอร์ Screen Recorder ที่ติดตั้งให้มาในเครื่องเลย ไม่ต้องไปหาแอปโหลดเพิ่ม เอามาทำเป็นคลิปสอนทำอะไรต่างๆ หรือจะอัดหน้าจอแคสเกมก็ยังได้เลย แถมสามารถอัดหน้าจอไป เปิดกล้องไปได้ด้วยนะ เลือกได้ด้วยว่าอยากให้หน้าเรามีขนาดเท่าไหน เล็กหรือใหญ่ ซึ่งไฟล์ที่ได้ออกมาก็ชัดเจนดี ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากมายอะไร

ความสามารถ S-Pen

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น รอบนี้ S-Pen ไม่ใช่ปากกาเขียนหน้าจอธรรมดาๆ แล้ว ถือโอกาสกลายร่างเป็นไม้กายสิทธิ์แบบในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์เลย ยกตัวอย่างเช่นการใช้งานในแอปกล้องถ่ายรูป

  • กด 1 ครั้ง = ชัตเตอร์กล้อง
  • กด 2 ครั้ง = สลับกล้องหน้าและกล้องหลัง
  • กดปุ่มพร้อมกับตวัดขึ้น = สลับกล้องหน้าและกล้องหลัง
  • กดปุ่มพร้อมกับตวัดลง = สลับกล้องหน้าและกล้องหลัง
  • กดปุ่มพร้อมกับตวัดซ้ายขวา = เปลี่ยนโหมดกล้อง
  • กดปุ่มแล้วหมุนปากกาตามเข็มนาฬิกา = ซูมเข้า
  • กดปุ่มแล้วหมุนปากกาทวนเข็มนาฬิกา = ซูมออก

ไม่ได้ใช้ได้แค่เฉพาะแอปกล้องนะ สามารถทำได้กับแอปฟังเพลงแบบ Spotify ได้อีกด้วย

แถมรอบนี้ S-Pen สามารถแปลงลายมือเป็น Text ได้แล้วนะ เบิ้องต้นภาษาที่แปลงได้ จะขึ้นอยู่กับภาษาเริ่มต้นของเครื่อง ถ้าเลือกเป็นภาษาอังกฤษ ก็จะใช้ได้แต่ภาษาอังกฤษ เท่านั้นนะครับ

อันนี้ผมชอบมากๆ เพียงแค่ดึงปากกา S-Pen ออก ตั้งแต่ตอนยังไม่ปลดล็อค ก็สามารถจดๆ อะไรต่างๆ ไปได้แล้ว แถมรอบนี้มีสีปากกาให้เลือกหลายสีเลยด้วย เป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานบ่อยที่สุดแล้วล่ะตั้งแต่ใช้ Galaxy Note 10 มา คิดอะไรได้ก็เขียนเลย สะดวกมาก 

กล้องถ่ายภาพ 

อย่างที่รู้กันว่ากล้องหลังของ Galaxy Note 10 นั้นขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 สมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปได้ดีที่สุดในปัจจุบัน กวาดคะแนนไปทั้งหมด 117 คะแนน แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Huawei P30 Pro และ Galaxy S10 5G ไปอย่างฉิวเฉียด 1 คะแนน.. 

สำหรับสเปคกล้องของ Galaxy Note 10+ ประกอบไปด้วย

  • เซนเซอร์หลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงปรับได้ 2 ระดับ f/1.5 และ f/2.4 มีระบบกันสั่น OIS
  • เซนเซอร์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.1 มีระบบกันสั่น OIS 
  • เซนเซอร์ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา 
  • เซนเซอร์ Depth Vision หรือ ToF ความละเอียด VGA 

โดยรวมๆ แล้วกล้องของ Galaxy Note 10 และ Note 10+ ใช้เป็นชุดเดียวกันทั้งหมดเลยนะ จะต่างกันแค่ Note 10 ไม่มี Depth Vision นั่นเอง ซึ่งการถ่ายภาพปกติ ไม่ได้นำเซนเซอร์ดังกล่าวมาใช้งานอยู่แล้ว เลยขอรวบรวมภาพของทั้งสองไปเลยแล้วกันเนอะ ฟีเจอร์ต่างๆ ก็มี 

ภาพตัวอย่าง

03/10/2019 08:19 AM