หลังจากที่เลื่อนกำหนดวางจำหน่ายออกไปตั้งแต่ตอนเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา…ในที่สุด Samsung Galaxy Fold ก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายกันซักที โดยในบ้านเราก็เริ่มเปิดจองกันไปเรียบร้อยแล้วด้วย ในราคา 69,990 บาท ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาสูงเกินกว่าที่เราๆ จะซื้อมาใช้กัน แต่ถ้าใครอยากรู้ว่ามือถือราคาเกินครึ่งแสนรุ่นนี้มีอะไรดีสมราคาแค่ไหน วันนี้เราก็ขอมารีวิวให้ดูกันไปเลย เผื่อใครจะสนใจอยากเป็นเจ้าของซักเครื่องก็ได้นะเออ…
ก่อนอื่นมาดูที่สเปคกันก่อนนะครับว่า Galaxy Fold จะใส่อะไรมาให้บ้าง…ซึ่งแน่นอนว่าราคาค่าตัวขนาดนี้สเปคมันต้องอยู่ในระดับไฮเอนด์แน่นอนล่ะ
ในกล่องของ Galaxy Fold ก็จะมีตัวเครื่อง, หูฟังไร้สาย Galaxy Buds, สายชาร์จ, ที่ชาร์จ, อแดปเตอร์ OTG, เคสแบบ 2 ชิ้น ลายเคฟลาร์ และคู่มือ ซึ่งกล่องจากสิงคโปร์ที่เราได้แกะไปก่อนหน้านี้ก็จะเห็นว่าอุปกรณ์ภายในเป็นสีดำทั้งหมด เพราะเราเลือกซื้อสี Cosmic Black มา
แต่กล่องที่ไทยนั้นมีความอลังการกว่ากันเยอะ เพราะมาพร้อมกับ Boxset แถมสลักชื่อด้านบนมาให้ด้วย (อันนี้ซื้อกับช็อปของ Samsung นะครับ) โดยรอบนี้ตัดสินใจสั่งเอา Space Silver ที่เป็นสีเงินมาแทน
เอกสารภายในกล่องเป็นภาษาไทยมาแล้วเรียบร้อย ส่วนของแถมข้างในอย่าง Galaxy Buds, สายชาร์จ, หม้อแปลงก็เป็นสีขาวแทน ตามสี Space Silver ที่เราเลือกมา
ฝาหลังจะเป็นสีเงินเงาสวยงาม มีความเหลือบ ซึ่งสีที่สะท้อนนั้นอาจจะยังไม่เป็นสีรุ้งแบบของ Note 10 คือออกคล้ายๆ Prism White ของ S10 มากกว่า แต่เปลี่ยนจากขาวเป็นเงินแทนอะไรทำนองนั้น
ขอบด้านข้างหรือตัวเฟรมนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเงินด้วย เช่นเดียวกับสันของฝาพับ
Galaxy Fold ใช้วัสดุประกอบเครื่องเป็นโลหะและมีด้านหน้าเครื่องกับด้านหลังเครื่องที่เป็นกระจกนิรภัยแบบ Gorilla Glass 6
Galaxy Fold สามารถใช้งานได้ 2 แบบ คือพับจอใหญ่เอาไว้แล้วใช้จอเล็กด้านหน้าแทน ซึ่งเวลาที่พับจอ ตัวเครื่องก็จะหนาประมาณมือถือ 2 เครื่องวางซ้อนกัน แต่จะมีความกว้างราวๆ มือถือเครื่องเล็กๆ เครื่องนึง ทำให้จับถนัดมือดี
ตรงสันเครื่องเป็นสีเมทัลลิคมันวาวดูหรูหรา และมีโลโก้ Samsung อยู่ด้านบน
พอกางตัวเครื่องออก จอก็จะขยายมาอีกเท่านึง
ตอนกางจอ สันเครื่องจะถูกซ่อนเอาไว้
ขอบเครื่องด้านขวารวมเอาไว้หมดเลยทั้ง ปุ่มปรับเสียง, ปุ่ม Power และเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ แต่การสแกนนิ้วมือตอนแรกนั้น ต้องกดปุ่ม Power เพื่อเปิดหน้าจอก่อน แล้วถึงจะสแกนนิ้วได้ แต่ก็สามารถไปตั้งค่าให้สแกนนิ้วแล้วจอติดเลยได้เช่นกัน
เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ
Galaxy Fold เป็นมือถือจอพับที่มีทั้งหมด 2 จอ คือจอด้านหน้าสำหรับใช้ตอนที่พับเครื่องเอาไว้ มีขนาด 4.6 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ความละเอียด HD+ และครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ทำให้มันทนทานต่อการขีดข่วนได้พอสมควร
แต่สำหรับหน้าจอใหญ่ 7.3 นิ้ว ซึ่งเป็นจอแบบ Dynamic AMOLED มีความยืดหยุ่นสูงทำให้มันสามารถพับได้ แต่ก็กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้มันไม่แข็งแรงทนทานต่อการขีดข่วนเลย เพราะจากที่ดูคลิปทดสอบของ JerryRigEveryThing จอด้านในแค่โดนเล็บขูดก็เป็นรอยลึกแล้ว ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังสูงมากเวลาจะใช้งานจอใหญ่ (เราไม่ได้ทดสอบให้ดูนะจ๊ะ 555)
UI ของ Galaxy Fold ก็เป็น One UI ปกติเหมือนกับที่ใช้กับมือถือ Samsung ทั่วไป แต่จะแตกต่างกันนิดหน่อยเวลาใช้งานหน้าจอด้านนอกกับด้านใน โดยหน้าจอด้านนอกมีอัตราส่วนเหมือนมือถือปกติที่ 21:9
แต่สำหรับ UI เวลาใช้งานจอด้านในอัตราส่วนจะกลายเป็น 4.2:3 และหน้าจอด้านขวาบนจะแหว่งไปเพราะเป็น Notch เอาไว้วางกล้องเซลฟี่ ส่วน Navigation Bar ด้านล่างจะเยื้องไปทางขวา ไม่ได้อยู่ตรงกลางเหมือนมือถือปกติ
นอกจากนี้ยังสามารถปัดแถบจอด้านล่างขึ้นมาเพื่อเรียกใช้ Samsung Pay ได้เหมือนมือถือ Galaxy รุ่นอื่นๆ
คีย์บอร์ด Samsung ที่ติดมากับเครื่อง ตอนใช้หน้าจอใหญ่มีการปรับแต่งเล็กน้อย โดยเว้นช่องว่างตรงกลางเอาไว้ (เอาจริงๆ ไม่รู้จะเว้นไว้ทำไม เพราะรู้สึกพิมพ์แล้วมันไม่ต่อเนื่อง) แต่ถ้าใช้คีย์บอร์ดอื่น จะเป็นคีย์บอร์ดเต็มๆ ปกติ
คีย์บอร์ดของ Samsung ที่ติดตั้งมาให้เลย
คีย์บอร์ดที่เอามาติดตั้งเอง
Galaxy Fold สามารถแบ่งการใช้งานหน้าจอออกเป็น 3 ส่วนได้ (เมื่อกางจอ) ด้วยการปัดขอบหน้าจอทางขวาเข้ามาด้านใน ก็จะมีแถบสำหรับเปิดแอป โดยการเปิดแอปแรกจะขึ้นไปอยู่ตรงมุมขวาบนจอ ถ้าปัดขอบเพื่อเปิดแอปอีกทีนึง มันก็จะมาเปิดอยู่ตรงมุมขวาล่าง ทีนี้ก็จะเหลือหน้าจอด้านซ้ายเต็มๆ เอาไว้ให้เปิดใช้งานได้อีก 1 แอป ซึ่งเราสามารถยืดหรือหดหน้าต่างแอปเหล่านั้นได้ตามต้องการ
เปิด YouTube, Chrome และ Facebook ในหน้าจอเดียวกัน
สเปคของ Galaxy Fold จัดมาให้เต็มเหนี่ยวทั้ง Snapdragon 855, RAM 12GB และความจุแบบ UFS 3.0 เพราะฉะนั้นหายห่วงได้เลยทั้งการใช้งานทั่วไป และการเล่นเกมกราฟฟิคหนักๆ จากการทดสอบด้วย AnTuTu ก็ได้คะแนนออกมาตามนี้
ความจุ UFS 3.0 ที่สามารถอ่าน – เขียนข้อมูลได้เร็วปรู๊ดปร๊าดสุดๆ ทดสอบด้วย Androbench ออกมาได้ประมาณนี้
ทดสอบเล่นเกมสุดฮิตอย่าง ROV ก็ไม่ต้องสงสัย เพราะปรับกราฟฟิคได้สุดทุกอย่าง เวลาบวกกันเฟรมเรทก็อยู่ที่ราวๆ 58 – 60fps แต่เวลาเล่นอาจจะเสียเปรียบคนอื่นอยู่บ้าง เพราะสัดส่วนหน้าจอแบบ 4.2:3 ทำให้ไม่สามารถมองพื้นที่รอบๆ ได้ไกลเหมือนกับหน้าจอมือถือแบบ Wide screen ทั่วไป
ROV บนจอ Galaxy Fold
ROV บนจอ Galaxy Note 8
PUBG ก็ไม่มีปัญหา ปรับได้สุดทุกอย่าง เล่นได้ลื่นปรื๊ดๆ เหมือนกัน
ปรับกราฟฟิคสุดได้ทุกอย่าง ก็ยังเล่นได้ลื่นๆ
เกมใหม่อย่าง Call of Duty Mobile ก็สบายๆ ปรับเป็น Very High ได้หมด
กล้องหลักของ Galaxy Fold มีทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้อง Ultra Wide 16MP + กล้อง Wide-angle 12MP + กล้องซูม 2x 12MP มีทั้งระบบกันสั่น Dual OIS, ระบบ Tracking AF และยังบันทึกวิดีโอได้ที่ระดับ HDR10+ อีกด้วย เรื่องคุณภาพก็หายห่วงเ
20/10/2019 10:55 AM
20/10/2019 12:11 PM
20/10/2019 04:35 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย