ถึงคิวของน้องใหม่ล่าสุดของทางมหาวิทยาลัยเรือธงแล้วสำหรับ OnePlus 7 Pro ที่รอบนี้ได้ขนสเปคและฟีเจอร์เด็ดๆ มาท้าชนกับมือถือรุ่น flagship ขาประจำของตลาดอย่าง Samsung หรือ Huawei ทั้งชิป Snapdragon 855, หน่วยความจำ UFS 3.0, กล้องหลัง 3 ตัว, หน้าจอโค้งไร้ติ่งไร้ขอบ, กล้องเซลฟี่แบบ pop-up และที่สำคัญแบตขนาดใหญ่ 4,000 mAh ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการเล่นทั้งวันทั้งคืน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จไวอย่าง Warp Charge 3oW
ก่อนรีวิวจะทำอย่างอื่นก่อนไม่ได้นอกจากแกะกล่อง (ถ้าไม่แกะก็คงไม่มีโทรศัพท์มารีวิว..) และเครื่องที่เราได้รับมารีวิวครั้งนี้เป็นตัวความจุ 12GB/256GB สี Nebula Blue สุดพรีเมียมกันเลยทีเดียว ซึ่งในกล้องอันนี้แอบผิดหวังนิดนึงที่ทาง OnePlus ไม่ได้แถมตัวแปลง Type C เป็นรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ ต้องซื้อแยกเอง นอกจากนี้ก็เป็นของแถมมาตรฐานทั่วไปอย่างเคสพลาสติกใส, หม้อแปลง และสายชาร์จ (ต้องแถมอยู่แล้วอันนี้) ในส่วนของหูฟัง ทางบริษัทเองก็ไม่เคยแถมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สำหรับคนที่ไม่มีหูฟัง ก็คงต้องหาซื้อแยกกันเอาเองนะครับ
รอบนี้ OnePlus ได้ทำการเปลี่ยนดีไซน์ไปค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยจากโทรศัพท์ซีรีส์ก่อนๆ ของค่ายตัวเองอย่าง OnePlus 6 หรือ OnePlus 6T เพราะมาพร้อมกับหน้าจอโค้งที่ไม่มีติ่งและไม่มีขอบมากวนใจแบบแต่ก่อน ไหนจะรองรับ HDR 10+ อีก เรียกได้ว่าเพิ่มอรรถรสในการดูหนังขึ้นอีกเพียบ
โดยพระเอกหลักที่ OnePlus พยายามจะใช้เป็นตัวชูโรงอยู่ตลอดเลยในซีรีส์นี้ก็คือหน้าจอ AMOLED ที่ทางบริษัททุ่มงบการวิจัยไปกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจากประสบการณ์ที่ใช้มาต้องบอกเลยว่าทุกบาททุกสตางค์ที่ OnePlus เสียไปนั้นคุ้มค่า หน้าจอนั้นสีสดงดงาม Refresh Rate ของจอก็อยู่ที่ 90Hz เลื่อนไถแล้วรู้สึกสบายตามากๆ (พอเอาไปเทียบกับ OnePlus 6 แล้วเห็นภาพอย่างชัดเจนเลย) เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีค่ารีเฟรชเรทที่สูงที่สุดแล้วล่ะ (ถ้าไม่นับรวมฝั่งของเกมมิ่งโฟนทั้งหลายแหล่) โดยความเทพของหน้าจอครั้งนี้ก็ได้รับการรับรองจากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง DisplayMate ด้วยคะแนน A+ ในเรื่องของการสู้แสงก็ถือว่าหายห่วงเลยล่ะ เปิดสุดสู้แสงแดดเวลานี้ได้สบายๆ
ส่วนขนาดตัวเครื่องนั้นก็มีขนาดที่ใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S10+ และ Huawei P30 Pro ทว่า OnePlus 7 Pro นั้นจะมีความกว้างและความยาวมากกว่านิดหน่อย ความรู้สึกในการถือจับนั้นถือว่ากำลังอยู่ในขนาดที่พอดีมือเลยทีเดียว แต่ตรงนี้ขอบ่นนิดหน่อย ด้วยความที่มันเป็นจอโค้ง ทำให้เกิดการทัชลั่นตรงบริเวณขอบจอเหมือนกัน แต่หลังจากอัพแพทช์ใหม่ ปัญหานี้ก็หายไปแล้ว
ในส่วนของตำแหน่งการวางของปุ่มกดต่างๆ ก็อยู่ในระดับที่พอดีนิ้วพอสมควร กดเพิ่มเสียงลดเสียงอะไรได้ค่อนข้างสะดวก ที่สำคัญจุดนี้ถือว่าเป็นจุดที่สาวกหลายๆ คนน่าจะถูกใจก็คือ alert slider ที่สามารถให้เราปรับว่าจะให้โทรศัพท์อยู่ในโหมดสั่น ปิดเสียง หรือว่าเปิดเสียงได้โดยที่เราไม่ต้องปลดล็อกหน้า แค่เลื่อนไปเลื่อนมาเท่านั้น
แต่ก็ต้องบอกก่อนเลยนะว่า OnePlus 7 Pro นั้นเป็นหนึ่งในเรือธงไม่กี่รุ่นที่มีน้ำหนักตัวเครื่องที่จัดว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างหนักพอสมควรเลย ในส่วนนี้น่าจะมาจากกลไกของกล้อง pop-up แต่เอาเข้าจริง พอถือจริงๆ ใช้งานไปสักพักก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่หนักมากอะไรขนาดนั้นนะ งานนนี้ OnePlus จัดการเรื่องการบาลานซ์น้ำหนักมาได้ดีจริงๆ โดยน้ำหนักรวมของตัวเครื่องอยู่ที่ 206 กรัมด้วยกัน
มาในส่วนของการใช้งานกันบ้าง OnePlus 7 Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Oxygen OS ซึ่งระบบปฏิบัติการที่ว่านี่ได้รับฉายาว่าเป็น Pure Android ที่มีความสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม ข้อดีของมันก็คือเวลามีการอัพเดทเวอร์ชั่น Android อะไร OnePlus มักจะเป็นรุ่นแรกๆ เสมอที่ได้รับการอัพเดท เรียกว่าทีม Oxygen OS นั้นทำงานกันค่อนข้างเร็ว อีกทั้งความลื่นนี่ก็ไม่เป็นที่สองรองใครเหมือนกัน อาการแลคหรือหน่วงแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย
ส่วน RAM ที่ให้มาในเครื่องรีวิวบอกเลยว่าเหลือกินเหลือใช้มากๆ ตั้ง 12GB เยอะกว่าโน๊ตบุ๊คส่วนใหญ่อีก.. แต่ว่า OnePlus 7 Pro ก็มีหลายโมเดลอยู่นะ ทั้งตัว RAM 6GB/8GB ไปจนถึง 12GB ซึ่งเอาเข้าจริงตัวเล็กสุดอย่าง 6GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว ไม่ต้องกังวล ในเรื่องของการใช้งานทั่วไป (Facebook, Twitter, Instagram, Line) ถือว่าทำออกมาได้ดีมากเลยแหละ เปิดแอปค้างไว้หลายๆ แอปก็ยังไม่แสดงอาการงอแงออกมาให้เห็น ไม่มีแอบปิดไปก่อน
นอกจากนี้ก็จะมีฟีเจอร์พื้นฐานอย่างลากนิ้ว 3 นิ้วแล้วจะเป็นการแคปหน้าจอ หรือว่าเคาะหน้าจอ 2 ทีเพื่อปลุกโทรศัพท์ขึ้นมา
นอกจากนี้ OnePlus 7 Pro ยังรอบรับการดู Netflix แบบ HD ได้อีกด้วย
จะให้พูดยังไงดีล่ะตรงส่วนนี้ เพราะเจ้า OnePlus 7 Pro นั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวล่าสุดอย่าง Snapdragon 855 ไหนจะ RAM ที่อัดมาซะเยอะ แถมรีเฟรชเรทหน้าจอที่ให้มาถึง 90Hz อีก จะมีอะไรให้บ่นอีกเนี่ย? อีกทั้งผลทดสอบ AnTuTu ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี 345899 คะแนน ซึ่งถือเป็นมาตรฐานของชิป Snapdragon 855
ในส่วนของ UFS 3.0 นั้นเขียนแรงอ่านเร็วจริงจัง จากการทดสอบจากแอป AndroBench ก็พบว่ามีความเร็วการอ่านมากถึงประมาณ 1400 MB ต่อวินาที
ส่วนการเล่นเกมแบบเต็มๆ นั้นไปดูที่คลิปการทดสอบนี้ได้เลยครับ อาจจะเห็นภาพมากกว่ามานั่งอธิบายเป็นตัวหนังสือ เพราะลองเล่นยาวๆ หลายเกมติดกัน และเปิดโหมด Fnatic ให้ดูด้วย
น่าจะเป็นอีกจุดนึงที่ต้องติ เพราะ OnePlus 7 Pro นั้นไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้ สำหรับใครที่สนใจอยากใช้ต้องไปซื้อแยกนั้นต้องขอทดสอบด้วยนะ ด้วยเพราะว่าตัวแปลงที่ขายทั่วไปตามร้านขายอุปกรณ gadget ต่างๆ เนี่ย บางอันบางยี่ห้อพอใช้แล้วเหมือนเสียงมันให้มาไม่เต็มเหนี่ยวนะ ทางที่ดีคือซื้อหูฟัง bluetooth, หูฟัง Type C หรือว่าตัวแปลงจากทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ OnePlus หรือจะผ่านตัวแทนจำหน่ายจะดีกว่านะครับ ในส่วนของการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ก็เป็นมาตรฐานเรือธงทั่วไปอย่าง Bluetooth 5G และ WiFi 2.4GHz และ 5GHz
ในส่วนความปลอดภัยของตัวสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอของ OnePlus 7 Pro ก็ออกมาได้มาตรฐานอยู่ ทว่าตอนสแกนต้องเอานิ้วแตะค้างนิดนึงนะ (ประมาณ 0.5 วินาที) ถ้าแบบแตะแปปๆ มันไม่อ่านไม่ทันนะ ซึ่งตอนรีวิวก็พบกับบั๊กอันหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอเหมือนกัน ก็คือลงทะเบียนไปนิ้วโป้งข้างขวาแค่นิ้วเดียว แต่นิ้วโป้งข้างซ้ายกลับสแกนปลดล็อกหน้าจอได้เฉยเลย.. แต่หลังจากมีการ restart เครื่องแล้ว อาการนี้ก็หายไป และหลังจากนั้นก็พบว่าไม่สามารถใช้นิ้วอีกข้างสแกนได้แล้ว น่าจะเป็นบั๊กเล็กๆ น้อยๆ ของระบบ
แต่การสแกนมันก็ไวอย่างที่ OnePlus คุยกันไว้ในงานเปิดตัวจริงๆ แตะนิดเดียวหน้าจอปลดล็อกได้เลย ส่วนเรื่องติดฟิล์มแบบไหนได้ ใช้ฟิล์มกระจกแล้วปลดล็อคได้ไหมอันนี้ขอติดไว้ก่อน เพราะยังไม่ได้ลองกับฟิล์มรุ่นไหนเลย รีวิวใช้ฟิล์มดั้งเดิมจากที่แถมมาในกล่อง ส่วน Face Unlock อยากจะบอกว่ามันปลดล็อกไวมากชนิดที่สังเกตไม่ทันเลยว่ากล้องมันเด้งขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่เฝ้ารอคอยกันมานาน ลำโพงสเตอริโอก็ได้ถูกใส่มาไว้อยู่ในโทรศัพท์ของ OnePlus แล้ว เรียกได้ว่าเข้ามาเพิ่มประสบการณ์การฟังเพลงได้ดีมากเลยทีเดียว เสียง มิติ และเบสทั้งหมดต่างมีพัฒนาการขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เลือกเปิด Dolby Atmos จากลำโพงตัวเครื่องได้
น่าจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์หลักของ OnePlus 7 Pro เลยก็ว่าได้สำหรับในเรื่องของการถ่ายภาพ หลังจากที่กล้องมักจะเป็นจุดด้อยของ OnePlus มาโดยตลอด มาวันนี้ทางบริษัทได้ปรับปรุงและพัฒนากล้องของตัวเองมาอยู่ในระดับเดียวกับคู่แข่งได้แล้ว ด้วยคะแนนที่ได้รับการยืนยันจากเว็บไซต์จัดอันดับในเรื่องของการถ่ายภาพชื่อดังอย่าง DxOMark โดยกวาดคะแนนไปมากถึง 112 คะแนน รั้งอยู่ที่ 3 ของตารางเลย (จริงๆ คือที่ 2 แหละ เพราะอันดับ 1 กับอันดับ 2 คะแนนเท่ากัน)
ในส่วนของกล้องหน้า รอบนี้มาแบบ pop-up นะ ซึ่งจากการทดสอบของ OnePlus แล้วสามารถใช้งานได้มากกว่า 3 แสนครั้งแหนะ เรียกได้ว่าหากเปิดใช้งานกล้องเซลฟี่ทุกวันวันละ 100 ครั้ง กล้องหน้าตัวนี้จะอยู่ได้นานถึง 3,000 วันหรือประมาณ 8 ปีกว่าๆ เลยทีเดียวแหละ แถมล่าสุดก็มีการทดสอบความแข็งแกร่งออกมาของกล้อง pop-up ผลสรุปคือหลังจากที่โดนทรมานอยู่นาน ทั้งปาทั้งเขวี้ยง กล้องหน้าก็ยังไม่พังสักที!
ลูกเล่นในแอปกล้องของ OnePlus 7 Pro นั้นฟีเจอร์หลักๆ ก็มีมาครบ ไม่ว่าจะเป็น Portrait, Time-lapse, Pro Mode, Slow motion, Nightscape และ Panorama แต่ก็ยังมีจุดน่าเสียดายอยู่ที่โหมด Portrait และ Nightscape นั้นจะใช้ได้เฉพาะกับเซ็นเซอร์ตัวหลัก 48MP เท่านั้น แต่ในส่วนนี้ก็ได้ยินแว่วๆ มาว่าทาง OnePlus ก็กำลังจะพิจารณาอัพแพทช์ใหม่เพื่อให้เซ็นเซอร์ตัวอื่นๆ สามารถถ่ายโหมดเหล่านั้นได้อยู่เหมือนกัน
ภาพตัวอย่างจาก OnePlus 7 Pro
01/07/2019 09:00 AM
01/07/2019 07:01 AM
01/07/2019 04:12 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย