มือถือ 4 กล้องหลังอย่าง OPPO Reno2 และ Reno2 F ได้เปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเริ่มวางจำหน่ายไปได้ไม่กี่วันนี้เอง ซึ่งมือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ มีราคาที่ห่างกันถึง 6,000 บาท เลยทีเดียว โดย Reno 2 เป็นมือถือตัวท็อปเน้นกล้องคมชัดความละเอียดสูง ในราคา 17,900 บาท ส่วน Reno 2F เป็นรุ่นต่อยอดสายเซลฟี่ของ F series ราคา 11,900 บาท
สำหรับดีไซน์ของทั้งคู่ถ้าดูเผินๆ จะค่อนข้างคล้ายกัน เพราะมีตัวเครื่องและขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6.5 นิ้ว มีความละเอียด FHD+ แต่ตัวเครื่องของ Reno 2F จะใหญ่กว่านิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ) เนื่องจากมีขอบจอโดยรอบหนากว่า และทั้ง 2 รุ่น ใช้ระบบสแกนนิ้วมือบนหน้าจอเหมือนกัน
Reno 2F / Reno 2
รูปแบบการวางปุ่ม และพอร์ทอื่นๆ จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกันหมด
จะมีส่วนต่างอยู่ที่กล้องหน้าซึ่งเป็นกล้องที่ซ่อนเอาไว้บนขอบเครื่องด้านบนทั้งคู่ แต่ว่ากล้องหน้าของ Reno 2 จะเป็นกล้องแบบ Sharkfin Popup Camera เด้งขึ้นมาแบบเฉียงๆส่วนกล้องของ Reno 2F เป็นแบบ Popup ปกติเด้งขึ้นมาพร้อมกับไฟ OLED หลากสี เลือกตั้งค่าได้
Reno 2F / Reno 2
กล้องหลัง 4 ตัว โดยทั้งคู่จะเรียงกล้องเป็นแนวตั้งอยู่ตรงกลางเครื่องด้านบน แต่จะต่างกันตรงที่ Reno 2 มีจุดนูนหรือ O-Dot ที่แข็งแกร่งสุดๆ อยู่ด้านล่างกล้อง ส่วน Reno 2F มีอยู่ด้านบนของกล้อง ซึ่งมันช่วยให้เลนส์กล้องไม่โดนพื้นเวลาวางเครื่องนั่นเอง ส่วนที่บอกว่าแข็งแกร่งนั้นไม่ได้โม้ อย่าเอาไปวางซ้อนกับเครื่องอื่นนะครับ ขูดจอเป็นรอยได้เลยทีเดียว
Reno 2F / Reno 2
สเปค | OPPO Reno 2 | OPPO Reno 2F |
หน้าจอ | AMOLED ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว | AMOLED ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080) ขนาด 6.5 นิ้ว |
CPU | Snapdragon 730G | Helio P70 |
GPU | Adreno 618 | Mali-G72 MP3 |
RAM | 8GB | 8GB |
ความจุ | 256GB (UFS 2.1) | 128GB (UFS 2.1) |
กล้องหลัง | 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.4) + 13MP (f/2.2) + 2MP (f/2.4) | 48MP (f/1.7) + 8MP (f/2.2) + 2MP (f/2.4) + 2MP (f/2.4) |
กล้องหน้า | 16MP | 16MP |
การเชื่อมต่อ | WLAN Function: 2.4/5GHz 802.11 a/b/g/n/ac, BT 5.0, USB-C | WLAN Function: 2.4/5GHz 802.11 a/b/g/n/ac, BT 4.2, USB-C |
เซ็นเซอร์ | Gyro, Light, Proximity, G-Sensor/Acceleration Sensor, Compass | Gyro, Light, Proximity, G-Sensor/Acceleration Sensor, Compass |
แบตเตอรี่ | 4000 mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0 | 4000 mAh รองรับ VOOC Flash Charge 3.0 |
สเปคของทั้งคู่ค่อนข้างจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดทั้งชิปของ Reno 2 ที่ใช้ Snapdragon 730G ซึ่งแรงกว่า Helio P70 พอสมควร, ให้ RAM มาเท่ากันที่ 8GB ส่วนความจุ Reno 2 ให้มามากกว่าที่ 256GB ต่อ 128GB นอกจากนี้หน้าจอของ Reno2 ยังสู้แดดได้ดีกว่าเพราะเป็นหน้าจอแบบ Sunlight AMOLED ซึ่งสามารถเร่งแสงได้สูงสุดถึง 700 nits เลยทีเดียว
สำหรับคนที่เคยใช้งานมือถือ OPPO มาก่อนก็น่าจะคุ้นเคยกับหน้าตาของ UI กันมาอยู่แล้ว ส่วนใครที่ไม่เคยใช้มาก่อน ก็แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย เพราะมันจะคล้ายๆ กับ UI มือถือจีนรุ่นอื่นๆ คือไม่มี App Drawer มาให้ แต่จะรวมแอปต่างๆ เอาไว้บนหน้าจอเลย แต่ถ้าใครเคยชินกับแบบ pure android ก็สามารถไปเลือกเปิดใช้ได้นะ ในการตั้งค่า
หนึ่งในฟีเจอร์เด่นใช้สะดวกของ ColorOS 6.1 คือ Smart Side Bar เป็นแถบด้านข้างจอสำหรับปัดออกมาเพื่อเปิดเหล่าแอปที่เราใช้บ่อยๆ โดยเราสามารถเลือกปรับแต่งแอปเหล่านั้นได้เอง เลือกจับภาพหน้าจอ หรือบันทึกวิดีโอไปเลยก็มี
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วย AnTuTu พบว่า Reno 2 ทำคะแนนไปได้ถึง 214,203 ส่วน Reno F ทำไปได้147,589 คะแนน
Reno2 / Reno2 F
ทดสอบความเร็วของหน่วยความจำในการอ่าน-เขียนข้อมูล พบว่าสูสีกัน เพราะเป็นแบบ UFS 2.1 ทั้งคู่นั่นเอง
Reno2 / Reno2 F
ทดสอบการเล่นเกมยอดฮิตจาก Reno 2F ที่ใช้ชิป Helio P70 พบว่าทั้ง ROV และ PUBG สามารถปรับเป็นระดับ HD และเฟรมเรทสูงได้ แต่ในเกม PUBG อาจจะมีบางจังหวะที่กระตุกบ้าง แต่ไม่เยอะ ถ้าใครกลัวว่าจะทำให้ดวลแพ้ ก็ปรับกราฟฟิคลงมาซักหน่อยนึงก้ได้…เพื่อความชัวร์
Reno2 F เล่น PUBG ปรับกราฟฟิค HD และเลือกเฟรมเรทสูงได้
สำหรับเกม ROV พบว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะเปิดกราฟฟิคได้สุดทุกอย่าง แถมเฟรมเรทก็ยังนิ่งอีกต่างหาก
ROV ปรับกราฟฟิคสุดได้ทุกอย่างเลยจ้า
ส่วนรุ่นพี่ OPPO Reno 2 ก็ไม่ต้องลุ้นเลย เพราะชิป Snapdragon 730G แรงพอที่จะเล่นเกมทั้ง 2 ได้ แบบสบายๆ แม้จะปรับกราฟฟิคสูงสุดก็ตาม แต่เนื่องจากชิป Snapdragon 730G เป็นชิปที่พึ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ทำให้การปรับกราฟฟิคบางเกมยังไม่รองรับ อย่างเช่นกราฟฟิคคลื่นน้ำ หรือหญ้าไหว ในเกม ROV (รอการอัพเดทครั้งใหม่แล้วน่าจะเปิดได้)
Reno2 ไม่มีให้เลือกตั้งค่าภาพ HD
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีกล้องหลังเท่ากัน 4 ตัว แต่สเปคของเซ็นเซอร์แต่ละจะแตกต่างกันพอสมควร โดย Reno 2 ใช้เซ็นเซอร์หลัก IMX586 ความละเอียด 48MP + เลนส์ซูม 13MP + เลนส์ Wide 8MP + เลนส์จับความลึก 2MP แถมยังมีระบบซูมแบบ Hybrid ไม่เสียความละเอียดได้อีก 5 เท่า และยังซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุดถึง 20 เท่า อีกต่างหาก เรียกว่าออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพที่เน้นความคทชัดในหลายๆ ระยะ ตั้งแต่ใกล้สุดๆ แบบมาโคร ไปจนถึงระยะซูม
โหมดถ่ายภาพในที่มืด Ultra Dark ของ Reno 2 ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย จากการถ่ายโหมดปกติมืดหม่นๆ พอเปิดโหมด Ultra Dark ปุ๊บ ก็สว่างไสวขึ้นมาทันตา แต่จะใช้เวลาในการประเมินผลนานอยู่เหมือนกัน รูปละราวๆ 5 – 6 วินาที เรียกว่าแม้จะแสงน้อยจนแทบมองอะไรไม่เห็นก็ยังดึงลูฟี่ และองค์หญิงชิราโฮชิมาได้เฉยเลย
01/11/2019 04:41 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย