Review | รีวิว Huawei nova 4 ใหม่ กับหน้าจอ Punch Display จัดเต็มกล้องหน้า 25 ล้าน และ 3 กล้องหลังพร้อมเลนส์ Ultra Wide - Android

รอคอยกันมายาวนาน ว่าจะมีเทคโนโลยีไหนมาลบล้างติ่งหน้าจอที่รำคาญสายตาไปได้ และตอนนี้หนึ่งในไอเดียนั้นก็คือหน้าจอแบบ Punch Display หรือหน้าจอที่เจาะรูกล้องแทรกไปเลย โดยรุ่นแรกที่ประเดิมเปิดตัวและวางขายก่อนใครก็คือ Huawei Nova 4 ที่ทาง droidsans ได้เครื่องมารีวิวเป็นที่เรียบร้อย นอกจากหน้าจอแล้ว nova 4 รุ่นนี้ยังมีจุดเด่นที่ใช้ชิประดับเรือธง กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล และ 3 กล้องหลัง Triple Camera  ตัวเครื่อง Nova 4 ดีไซน์ และงานประกอบ […]

รอคอยกันมายาวนาน ว่าจะมีเทคโนโลยีไหนมาลบล้างติ่งหน้าจอที่รำคาญสายตาไปได้ และตอนนี้หนึ่งในไอเดียนั้นก็คือหน้าจอแบบ Punch Display หรือหน้าจอที่เจาะรูกล้องแทรกไปเลย โดยรุ่นแรกที่ประเดิมเปิดตัวและวางขายก่อนใครก็คือ Huawei Nova 4 ที่ทาง droidsans ได้เครื่องมารีวิวเป็นที่เรียบร้อย นอกจากหน้าจอแล้ว nova 4 รุ่นนี้ยังมีจุดเด่นที่ใช้ชิประดับเรือธง กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล และ 3 กล้องหลัง Triple Camera 

ตัวเครื่อง Nova 4 ดีไซน์ และงานประกอบ

สำหรับเครื่อง Nova 4 ที่ทาง droidsans ได้มารีวิวนั้นเป็นสีฟ้า Crush Blue ซึ่งมองแวบแรกมันก็แอบนึกถึง P20 Pro อยู่เหมือนกัน แต่ทาง Huawei เค้าก็บอกว่าคนละสี นึกไปนึกมาก็เออ ตัวนั้นมันเขียวกว่านี้ และก็ม่วงกว่านี้ด้วย ซึ่งสี Crush Blue นั้นจะเป็นสีฟ้าๆ ไล่เฉดไปม่วงที่จะเห็นชัดๆ เฉพาะด้านล่าง แต่ถ้าพลิกเครื่องเล่นแสงดีๆ นี่ บางมุมจะเห็นฝาหลังกลายเป็นสีม่วงทั้งหมดเลยก็มี

ตัวเฟรมแข็งปั้ก เคาะๆ ดูแล้วก็เจ็บนิ้วไปเลย ส่วนนี้เป็นโลหะ ตั้งชาร์จไว้ใรห้องนอนตื่นเข้ามาเย็นเฉียบเลยทีเดียว ฝาหลังขอบโค้งรับกับฝ่ามือทั้ง 2 ด้าน

ด้านบนนั้นมีช่องหูฟัง 3.5 มม ให้ใช้งานเหมือนเดิม ไม่ตัดออกไปแต่อย่างใด ส่วนที่เห็นไกลๆ เหมือนรูเข็มนั่นคือไมค์ตัดเสียง และได้ตรงกลางที่หน้าตาเหมือนกับ IR Blaster หรือพอร์ทอินฟราเรดนั้น แท้จริงแล้วมันคือ Proximity sensor ที่เอาไว้วัดระยะแล้วดับหน้าจอเวลาใช้งานโทรศัพท์ครับ ใครไปหาแอปรีโมทหรือไปโหลดมากะจะใช้งาน อันนี้บอกเลยว่าใช้ไม่ได้นะ

พลิกมาอีกด้านคือแถบซ้ายของตัวเครื่องนั้นก็เป็นช่องสำหรับใส่ถาดซิม ซึ่งรุ่นนี้ใส่ได้แค่ 2 ซิมเท่านั้น ไม่มีช่องให้เติมหน่วยความจำหรือ micro SD

บางคนอาจจะถามว่าเค้าใช้ NM Card เหมือน Mate 20 หรือเปล่า อันนี้ก็บอกเลยว่าไม่รับจ้า มีมาให้ 128GB ก็มีให้เท่านั้น

หมุนมาถึงด้านล่าง จากซ้ายไปขวาคือไมโครโฟน ตามมาด้วยพอร์ท USB C และลำโพง จากที่ลองฟังเสียงดังมีเบสใช้ได้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย

อีกฝั่งนึงเป็นปุ่มพาวเวอร์และปรับเสียง ตำแหน่งปุ่มก็กำลังพอดี ไม่ว่าจะถือมือซ้าย (หรือขวา) ส่วนปุ่มจากที่ลองขยับดูก็ไม่โยกไม่หลวม แน่นกำลังดี

 

สเปคภายใน UI และการใช้งาน

Huawei Nova 4 นั้นแกะกล่องมาก็เป็น EMUI 9.0.1 มาพร้อมกับ Android 9 Pie ตั้งแต่แรก ในด้านของประสบการณ์การใช้งานนั้นทาง Huawei ยังไม่ได้ปรับอะไรจากเดิมมากเท่าไหร่ในเรื่องของหน้าตา

แต่ระบบจัดการที่ทำงานอยู่ด้านหลัง รวมถึงประสิทธิภาพในด้านกราฟิคอย่าง GPU Turbo นั้นก็ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในรุ่นนี้ที่ใช้ชิป Kirin 970 นับเป็นชิปในซี่รี่ส์เรือธงที่ใช้กับ P20 / P20 Pro แถมยังอักสเปคกับความจะมาเต็มที่ RAM 8GB / ROM 128GB

หน้าจอสามารถเลือกใช้งานได้ 2 รูปแบบ จะเป็นแบบปกติแอปลงเพิ่มก็เรียงไปเป็นหน้าๆ หรือถ้ายังชอบสไตล์ของ Android ที่มี App drawer แบบลงแอปเยอะๆ แล้วไม่รก ก็เลือกเปิดใช้งานได้ในการตั้งค่า

ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เป็นของเล่นของ EMUI ก็ยังมีอยู่ ทั้งเรื่องของแอปคู่แฝด ที่เราสามารถโคลนแอปพวก Social อย่าง Facebook, Messenger, LINE, Whatsapp ได้ มี AppAssistant ที่มาสนับสนุนเรื่องของการตั้งค่า เร่งกราฟิคและผิดแจ้งเตือนระหว่างเล่นเกม

และยังสามารถปรับโทนสีของหน้าจอได้ หากสีสด หรือชอบโทนสีขาวๆ หรือเหลืองๆ ส่วนใครที่รำคาญสายตา ถึงแม้จะเป็นจอแบบ Punch Display แล้วก็ยังรู้สึกว่ากล้องมันเกะกะหน้าจอ ก็มีตัวเลือกในการเปิดแถบถมดำไปเลยก็ได้

เรื่องของ UI และการใช้งานทั่วไปนั้นยังไม่เจอปัญหาอะไรแปลกๆ นะครับ โดยรวมลื่นไหลดี ชิป Kirin 970 นั้นดูเหมือนจะปรับจูนให้ทำงานร่วมกับ Android 9 ได้ดีแล้ว เพราะตอนนี้ก็ไล่อัพเดทให้กับแทบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น P20 / P20 Pro และ Mate 10 Pro

การปลดล็อคหน้าจอเลือกใช้งานได้ ว่าถนัดสแกนใบหน้า หรือสแกนลายนิ้วมือ ส่วนตัวผมชอบเปิดเอาไว้ทั้ง 2 อัน เน้นความสบาย

 

การเชื่อมต่อเครือข่าย 4G / WiFi

Nova 4 รองรับการใช้งาน 2 ซิม สามารถเปิด Dual 4G / Dual VoLTE และมี VoWiFi รองรับ เรียกว่าครบทุกกระบวนท่า ส่วนการเชื่อมต่อกับ WiFi นั้นก็เกาะได้ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz ครับ

 

ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

เรื่องที่หลายคนสงสัยและถามกันเข้ามามากก็คือหน้าจอ Punch Display นั้น เวลาเล่นเกมมันเป็นยังไง มีอาการบังปุ่มต่างๆ ในเกมหรือเปล่า…

ตอบได้แบบไม่ต้องคิด เพราะลองมาแล้วนั่นเองฮ่าๆ มันบังแน่นอนครับ แต่ตำแหน่งของมันนั้นถือว่าไม่ค่อยมีปัญหาในหลายๆ เกม หรือถ้าบังก็ยังกดได้ เพราะรูกล้องมันไม่ได้ใหญ่มาก และตัวเซนเซอร์จอสัมผัสรอบๆ กล้องก็ยังทำงานอยู่

ซึ่งในการทดสอบก็สามารถเปิด PUBG ที่กราฟิค HDR HD ได้สบายๆ เปิด Framerate แบบ Ultra ได้ด้วย

ส่วน ROV ก็เปิดสุดได้เหมือนกัน แต่ในโหมดเฟรมเรทสูงนั้นถ้าไม่เปิด AppAssistant หรือเกมโหมด เฟรมเรทจะอยู่ที่ราวๆ 50fps และวิ่งอยู่ประมาณนี้แทบทั้งเกมครับ มีร่วงๆ หล่นๆ บ้าง แต่เฉลี่ยก็ไม่ต่ำกว่า 40fps

แต่ถ้าเปิด AppAssistant ให้เร่งประสิทธิภาพ เกมก็วิ่งเต็มที่ 60fps เนียนๆ และแกว่งไม่มาก น่าจะเป็นผลของตัว GPU Turbo

สำหรับใครที่ชอบเล่น Fortnite ทดสอบแล้ว Huawei Nova 4 รองรับ โหลดมาเล่นได้สบายๆ ลื่นๆ เลยด้วย แต่ผมยังเล่นไม่เก่ง เข้าไปทีไรก็ตายรัวๆ ฮ่าๆ

ส่วนผลการทดสอบคะแนนในแอปอย่าง Antutu นั้นก็ได้ผลออกมาที่ 191826 คะแนน ส่วนหน่วยความจำนั้นมาเป็น UFS ซะด้วย อ่านเขียนรวดเร็วทันใจ

เซนเซอร์สำหรับการเล่น AR และ VR มาครบ มีทั้ง Accelerometer, Magnetometer และ Gyro