พักนี้มีบริการ Online Streaming มาให้เลือกเยอะมากๆ ทั้ง Netflix, iFlix, HBO GO หรือล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ก็มี Amazon Prime Video มาเปิดตัวอีกหนึ่งเจ้า…ว่าแต่จะคุ้มไหมกับค่าบริการรายเดือน 199 บาท มีหนังหรือซีรีส์อะไรให้ดูบ้าง หารได้กี่คน ฯลฯ มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ
Amazon Prime Video จะมีค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 199 บาท ขณะที่วิธีสมัครก็แสนง่ายๆ เพียงแค่เข้าแอป จากนั้นสมัครบัญชี Amazon เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว แต่ตรงนี้ต้องเข้าไป activate บัญชี Amazon Prime Video ในแอปอีกทีนะ ซึ่งส่วนนี้จะมีบริการ Free Trial เป็นเวลา 7 วัน ให้ทดลองใช้งานดู ให้ตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบ จะไปต่อไหม หรือว่าพอแค่นี้
Amazon Prime Video สามารถสร้าง Profile ต่อ 1 บัญชี ได้สูงสุด 6 คน และดูพร้อมกันได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ หรือจะพูดง่ายๆ คือ เปิดดูหนังหรือซีรีส์ใน Amazon Prime Video พร้อมกันได้ 3 จอ มากกว่านี้ไม่ได้
ส่วนตัวผมชอบหน้าตา User Interface ของแอป Amazon Prime Video มาก แม้ว่าหากมองเผินๆ จะเหมือนกับ UI ของ Netflix และ HBO GO แต่ถ้าสังเกตดีๆ UI ของ Amazon Prime Video จะดูเรียบง่ายๆ ออกไปเรียบหรูด้วยซ้ำ และแน่นอนว่า Amazon Prime Video ก็มีหัวข้อ “Watch Next TV and movies” สำหรับคอนเทนต์ที่เราดูเอาไว้ แต่ยังไม่จบเหมือนแพลตฟอร์มอื่นๆ นั่นเอง (อารมณ์ประมาณ Continue Watching ของ Netflix)
ซึ่งด้านบน Amazon Prime Video จะแบ่งหัวข้อเอาไว้ชัดเจน ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ณ ตอนนั้นว่าอยากดูคอนเทนต์แบบไหน ไม่ว่าจะหน้า Home, TV Shows, Movies หรือ Kids คอนเทนต์สำหรับเด็กน้อยนั่นเอง
หรือถ้ากดไปที่ Find บริเวณมุมซ้ายล่าง ก็จะเจอกับแนวหนังและซีรีส์เต็มไปหมด อยากดูหนังแอคชั่น, ตลก, รอมคอม ฯลฯ มีหมดทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีหัวข้อ Amazon Originals สำหรับดูหนังที่ Amazon ลงทุนเงินสร้างเองอีกด้วย
นอกจากนี้ Amazon Prime Video ยังมีฟังก์ชั่นค้นหาคอนเทนต์หนัง หรือซีรีส์ด้วยเสียงอีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถดัดแปลงเป็นเครื่องมือฝึกสำเนียงการออกเสียงภาษาอังกฤษได้ด้วยนะ อ้อ เกือบลืม ฟีเจอร์ Search ยังค้นหาแบบใส่ชื่อนักแสดงเข้าไปด้วยนะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมชอบ Rami Malek แค่พิมพ์ชื่อเข้าไป ก็เรียบร้อยแล้ว
โดยใน Amazon Prime Video จะมีรายละเอียดบอกชัดเจนว่าหนังเรื่องนี้ได้คะแนน IMDb เท่าไหร่ (ดีงามมาก), หนังมีความยาวกี่นาที, แนวไหน, ปีไหน และมีเสียงไหน ซับไตเติ้ลภาษาไหนบ้าง เรียกว่ากดเข้ามาแล้วจบตั้งแต่ยังไม่ทันได้ดูเลย ไม่ต้องไปเข้า Google หาว่าหนังเรื่องนี้ได้คะแนนเท่าไหร่ให้ยุ่งยาก
และแน่นอนว่าผู้ใช้งาน Amazon Prime Video สามารถดาวน์โหลดเก็บหนัง หรือซีรีส์ที่เราชอบ สำหรับเก็บเอาไว้ดูภายหลังได้
หนัง และซีรีส์เด็ดๆ ของ Amazon Prime Video ไม่ได้มีแค่ The Office (US) หรือ The Boys แต่อย่างใดนะ จริงๆ ยังมีอีกเพียบ แต่ส่วนมากจะเป็นซีรีส์ Amazon Originals ซะแทบทั้งนั้น ซึ่งตอนนี้บอกเลยผมยังแนะนำอะไรมากไม่ได้ เพราะแทบจะยังไม่ได้ลองดูเรื่องไหนเลย
ส่วนใครอยากรู้ว่าใน Amazon Prime Video มีหนัง หรือซีรีส์เรื่องไหนบ้าง ก็พิมพ์ทิ้งถามผมไว้ได้นะ เดี๋ยวผมลองค้นหาให้ มีไม่มี เดี๋ยวคอมเมนต์ตอบอีกที แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ ก็คือ ลองสมัครแบบ Free Trial 7 วัน ดูก่อนครับ ค้นหาได้ตามใจชอบเลย 7 วัน
ความละเอียดของคอนเทนต์ที่หาดูได้บน Amazon Prime Video ตอนนี้จะรองรับที่ความละเอียดสูงสุด 1920 x 1080p หรือ Full HD เท่านั้นนะครับ ยังไม่ใช่ 4K เหมือนแพ็กเกจสูงสุดของ Netflix แต่ Amazon Prime Video รองรับการแสดงผลแบบ HDR นะ
ส่วนวิธียกเลิก Amazon Prime Video อันนี้ก็ไม่ยาก เพียงเข้าไปที่ Manage account ในหน้า Settings ของแอป จากนั้นก็กดไปที่ End Membership หรือยุติการเป็นสมาชิกนั่นเอง
ส่วนตัวถ้าหมด Free Trial ของ Amazon Prime Video เมื่อไหร่ ผมจ่ายต่อแน่นอนเดือนละ 199 บาทแบบไม่ลังเลเลย ในส่วนนี้หากหา Party หารกับเพื่อน 3 คน (รวมเราด้วย) ก็ตกเพียงเดือนละ 60 บาทนิดๆ เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ถือว่าถูกกว่าราคาตั๋วหนังในปัจจุบันเกือบๆ 3 เท่าเลยทีเดียว แถมหนัง และซีรีส์ Amazon Prime Video ยังมีแบบค่อนข้างหลากหลายอีกด้วย โดยเฉพาะ Amazon Originals ที่เชื่อเลยว่า สิ้นปีนี้ก็น่าจะยังดูไม่ครบ เพราะมันเยอะมากๆ ดังนั้น…ผมเชียร์ แต่ถ้าเพื่อนๆ ลองแล้วไม่เวิร์ค ก็อย่าลืมไปกดยกเลิกนะ เดี๋ยวโดนตัดเงินไปฟรีๆ
Amazon Prime Video (Free+, Google Play) →
Amazon Prime Video (Free+, App Store) →
30/07/2020 09:38 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย