Review | รีวิว ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU เกมมิ่งโน้ตบุ๊คสเปค AMD Ryzen 7 4800HS รุ่นแรกของไทย - Android

Get it on Google Play

Review | รีวิว ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU เกมมิ่งโน้ตบุ๊คสเปค AMD Ryzen 7 4800HS รุ่นแรกของไทย - Android

หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน… ในที่สุดทีมงานก็ได้จับตัวเครื่องจริงมารีวิวสักทีกับ ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU ที่ใช้สเปคเป็น AMD Ryzen 7 4800HS สถาปัตยกรรมขนาด 7nm ที่มีจำนวนคอร์ถึง 8 Core/16 Thread แรงสุดๆ โดยเจ้าเกมมิ่งโน้ตบุ๊คตัวนี้จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 เม.ย. 63 นี้ เป็นต้นไป ในราคา 39,990 บาท ส่วนรีวิวและผลการทดสอบจะเป็นไงบ้างไปดูกันเลยครับ สามารถเข้าไปดูเป็นคลิปได้ที่ช่อง คอมคร้าบ […]

หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน… ในที่สุดทีมงานก็ได้จับตัวเครื่องจริงมารีวิวสักทีกับ ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU ที่ใช้สเปคเป็น AMD Ryzen 7 4800HS สถาปัตยกรรมขนาด 7nm ที่มีจำนวนคอร์ถึง 8 Core/16 Thread แรงสุดๆ โดยเจ้าเกมมิ่งโน้ตบุ๊คตัวนี้จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 1 เม.ย. 63 นี้ เป็นต้นไป ในราคา 39,990 บาท ส่วนรีวิวและผลการทดสอบจะเป็นไงบ้างไปดูกันเลยครับ

สามารถเข้าไปดูเป็นคลิปได้ที่ช่อง คอมคร้าบ เลยนะครับ และถ้ายังไม่ได้กด Subscribe ก็ฝากกดกันด้วยนะครับ

สเปคเบื้องต้น ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU

  • CPU : AMD Ryzen 7 4800HS
  • GPU : NVIDIA GeForce GTX 1660Ti Max-Q
  • Ram : 16GB DDR4 bus 3200
  • Storage : SSD m.2 PCIe 512GB
  • Display : ขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS 144Hz Adaptive Sync
  • Network : Wi-Fi 6 802.11ax / Bluetooth 5.0
  • Weight : 2.1 kg
  • Warranty : 2 ปีแบบ Global (1 ปีแรกเป็นแบบ Perfect Warranty)

ดีไซน์ตัวเครื่อง

สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องขึ้นชื่อว่าเป็น ROG Zephyrus แน่นอนว่างานประกอบและวัสดุย่อมไม่ธรรมดาดูแล้ว ด้วยบอดี้วัสดุเป็นโลหะสีดำตลอดทั้งตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกดุดัน เคร่งขรึมตามสไตล์เกมมิ่งโน้ตบุ๊คมาดเข้ม การเก็บขอบเก็บมุมก็สามารถทำได้ดีเนียนกริ๊บ ดูแล้วเป็นโน้ตบุ๊คที่งานดีไซน์ดูราคาแพงเหมือนกัน

ฝาหลังตัวเครื่องก็จะเป็นลวดลายเส้นแนวทแยง พร้อมกับลายปัดเสี้ยนสลับไปมา ส่วนโลโก้ ROG จะอยู่ที่ด้านฝั่งขวาตามปกติ ไม่มีไฟ ซึ่งตัวฝาหลังจะตัดกรอบด้านล่างไปทรง V-Sharp เว้นไว้แสดงไฟสถานะของตัวเครื่อง

แกนฝาพับตัวเครื่องจะเป็นแบบสองแกนซ้ายขวา ทดลองเปิดปิดก็ทำงานได้ดีแข็งแรง สามารถกางหน้าจอได้ประมาณ 130 องศา ส่วนช่องระบายความร้อนตัวเครื่องจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 จุดคือ ด้านหลัง 2 จุด และด้านขวาอีก 1 จุด

ทางด้านหน้าตัวเครื่องจะเห็นได้ว่าบอดี้มีการเซาะร่องตรงกลางไว้อยู่ไว้สำหรับเปิด-ปิดพับฝาเครื่องมือเดียวได้สะดวก ซึ่งบาลานซ์ตัวเครื่องทำได้ดีมากๆ เช่นกันครับ

เลเอาท์การวางคีย์บอร์ดจะเป็นแบบปุ่มตามมาตรฐานปกติ มีไฟ Backlid สีขาวปรับได้ 3 ระดับ ไม่มี Numpad การพิมพ์หรือกดปุ่มสัมผัสอาจจะไม่ได้นุ่มมือเท่าไรนัก จะติดแข็งๆ นิดหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าโอเคใช้งานไม่ได้ติดขัดอะไร ตัวขนาดปุ่มต่างๆ ก็ให้มาขนาดค่อนข้างใหญ่ รับรองว่าไม่มีลั่นกดผิดปุ่มแน่นอน นอกจากนี้ตัวแป้นคีย์บอร์ดยังปุ่ม เพิ่มเสียง-ลดเสียง-ปิดไมค์-เปิดโปรแกรม Armoury Crate แยกออกมาให้ด้านบนอีกด้วย

โดยรวมแล้วเรื่องการดีไซน์ ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU รุ่นนี้แทบจะเหมือนกับตัวเก่าที่เป็น GA502DU แบบเป๊ะๆ เลย คือเปลี่ยนแค่โลโก้รุ่นเก่าจะมีไฟสีแดง รุ่นใหม่จะไม่มีไฟเท่านั้น แต่ส่วนตัวก็ถือว่าดีไซน์นี้ก็ยังสวยร่วมสมัยไม่ได้ดูเชยหรือดูเก่าเลย

พอร์ตเชื่อมต่อ

สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดของ ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU จะถูกอัปเกรดขึ้นกว่าเดิมโดยทางขวามือตัวเครื่องจะมี USB 3.2 Type A จำนวน 2 พอร์ต และ Kensington lock ส่วนทางด้านซ้ายตัวเครื่องซ้ายก็จะมี รูเสียบสายชาร์จ, Lan, HDMI 2.0b, USB 3.2 Type A, USB Type C ที่รองรับทั้ง PD + DP และรูเสียบหูฟัง Headset 3.5 mm อีกหนึ่งช่อง เรียกได้ว่าให้มาครบทุกความต้องการเลยทีเดียวครับ

  • PD = Power Delivery คือ สามารถชาร์จเข้าเครื่องผ่านหัวชาร์จ PD ขนาด 65W ขึ้นไป
  • DP = Display Port คือ สามารถต่อจอแยกได้ผ่านสาย USB Type C

ทดสอบการใช้งาน

แน่นอนด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบมาเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊คความแรงย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน พร้อมซีพียู AMD Ryzen 7 4800HS ที่ถ้าเพื่อนๆ จำกันได้ก่อนหน้านี้มีคะแนนหลุดมาจากหลายสำนักว่าซีพียูรุ่นนี้มันแรงมากๆ เทียบเท่ากับซีพียูบน Desktop PC เลยทีเดียว เพราะด้วยขนาดสถาปัตยกรรมที่เล็กเพียง 7nm ทำให้สามารถจำนวนคอร์ เพิ่มความแรง หรืออะไรต่างๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง

ก่อนอื่นดูมาดูสเปคซีพียูและการ์ดจอกันแบบละเอียดสักหน่อย เริ่มจากซีพียู AMD Ryzen 7 4800HS โดยตัว H แน่นอนย่อมมากจาก High Performace และ S ย่อมาจาก Special ขนาด 7nm ความเร็ว 2.9-4.2 GHz มีจำนวนคอร์ 8 Core/16 Thread และมี L3 Cache ขนาดใหญ่ถึง 12MB ส่วนการ์ดจอเลือกใช้ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti Max-Q ที่มีขนาด 6GB GDDR6 แน่นอนย่อมสามารถเล่นได้ลื่นๆ ทุกเกมบนความละเอียด Full HD ส่วน Ram ให้มา 16GB (8+8) DDR4 bus 3200 สุดแรง

**หมายเหตุ ตัวโปรแกรยังไม่รู้จัก Ryzen 7 4800HS เลยแสดงผลเป็น 4800H แทน

ทดสอบความเร็วของ SSD m.2 PCIe บนเครื่องได้ค่า Read อยู่ที่ 1754.13 MB/s และ Write อยู่ที่ 968.94 MB/s ถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ไม่ได้เร็วมาก ที่น่าสนใจคือใช้ SSD m.2 เป็นของยี่ห้อ Intel อีกด้วย

ถัดมาทดสอบซีพียูด้วยโปรแกรม Cinebench R20 กันบ้าง เปรียบเทียบ Ryzen 7 4800HS กับรุ่นอื่นๆ สรุปแล้วได้ดังนี้ (บอกเลยว่าแรงของจริง)

  • Ryzen 7 4800HS ได้ 3864 คะแนน
  • Ryzen 7 3750H ได้ 1492 คะแนน (R7 4800HS แรงกว่า ~159% )
  • i7-9750H ได้ 2512 คะแนน (R7 4800HS แรงกว่า ~54%)
  • i9-9980HK ได้ 3643 คะแนน (R7 4800HS แรงกว่า ~6% )

คราวนี้มาดูผลทดสอบในการเล่นเกมกันบ้าง โดยทีมงานเปิด Turbo Mode บนโปรแกรม Armory Crate การตั้งค่าแต่ละเกมใช้ความละเอียดหน้าจอเป็น Full HD ปรับกราฟิกพื้นฐานสุดทุกอย่าง ผลเป็นดังนี้

  • PUBG :  เฉลี่ย 80FPS / ต่ำสุด 59FPS / สูงสุด 100FPS
  • DOTA 2 : เฉลี่ย 90FPS / ต่ำสุด 51FPS / สูงสุด 146FPS
  • GTA V : เฉลี่ย 118FPS / ต่ำสุด 84FPS / สูงสุด 165FPS
  • COD Warzone : เฉลี่ย 85FPS / ต่ำสุด 70FPS / สูงสุด 110FPS

โดยการแสดงของจอ 144Hz Adaptive Sync เวลาเล่นเกม สามารถใช้งานได้อย่างน่าประทับใจ ทดลองสะบัดเมาส์รัวๆ ภาพก็แทบจะไม่มีอาการฉีกขาดให้เห็นเลย ส่วนเรื่องลำโพงอันก็รู้สึกได้เลยว่าเป็นลำโพงคุณภาพสูง มีเสียงเบสนุ่มลึกกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป เพราะมีเทคโนโลยี Smart Amp ให้เสียงคุณภาพระดับ Hires-Audio นั่นเอง

หลังจากทดสอบเล่นเกมหนักๆ ไปแล้วมาดูที่อุณหภูมิตัวเครื่อง สังเกตว่าบน HWMonitor จะมองไม่เห็นซีพียู Ryzen 7 4800HS ต้องรออัปเดตเวอร์ชันใหม่อีกที ส่วนอุณหภูมิการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti Max-Q สูงสุดอยู่ที่ 85 องศา ด้วยกันครับถือว่าปกติธรรมดา

ส่วนอุณหภูมิซีพียู ทีมงานจะดูจากตัวโปรแกรม Armory Crate ที่ติดมากับเครื่อง ซึ่งได้อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 95 องศาเมื่อเบิร์นเทสแบบบังคับให้ใช้ซีพียู 100% แต่หากใช้งานเล่นเกมทั่วไปจะวิ่งอยู่ที่ราวๆ 80-85 องศาครับ

สำหรับการใช้งานแบตเตอรี่ทีมงานทดสอบด้วยการเปิดดู YouTube ปรับแสงหน้าจอราว 30% เป็นเวลา 20 นาที โดยตัวโปรแกรมระบุว่าสามารถใช้งานได้นานสูงสุดเกือบ 4 ชั่วโมงด้วยกัน ซึ่งส่วนตัวมองว่าแอบใช้งานได้น้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ในสมัยนี้

อะแดปเตอร์ตัวเครื่องที่ให้มาในกล่องขนาดค่อนข้างใหญ่ตามสไตล์เกมมิ่งโน้ตบุ๊คทั่วไป โดยจ่ายไฟสูงสุดอยู่ที่ 180W ด้วยกัน

ปิดท้ายด้วยการทดสอบหน้าจอ โดยใช้ตัว Spyder X Pro ในการทดสอบคาลิเบรทสี ผลคือเจ้า ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU มีขอบเขตสีหน้าจออยู่ที่ 63% sRGB ครับ

การแกะอัปเกรด

การแกะฝาเคสด้านใต้ตัวเครื่องเพื่อทำการอัปเกรดอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับรุ่นนี้ถือว่าทำได้ง่ายกว่าหลายๆ รุ่นอยู่พอสมควร เพียงแค่ใช้ไขควง 4 แฉกอันเดียวก็พอ ไม่ต้องใช้บัตรแข็ง เพราะตัวน็อตมุมขวาล่างสุด หากเราไขออกมาตัวฝาเครื่องจะยกขึ้นให้เลย โดยไม่จำเป็นต้องใช้บัตรแข็งรูด(ดูได้จากรูปด้านล่าง) แต่ตอนแกะฝาออกต้องค่อยๆ ทำนิดหนึ่งระวังเกลียวล็อคหัก

ภายในตัวเครื่องจะเห็นเมนบอร์ดสีแดงสุดจี๊ด พร้อมกับพัดลมระบายความร้อน 2 ตัว ฮีทไปป์ 4 เส้น  การอัปเกรดสามารถใส่ SSD m.2 PCIe ได้อีก 1 ช่อง ส่วน Ram จะเป็นแบบฝังบอร์ดมาแล้ว 8GB ถอดเปลี่ยนได้เองอีก 1 ช่องด้วยกัน และตัวเครื่องไม่สามารถใส่ SSD หรือ HDD 2.5 เพิ่มได้

สรุป

ในภาพรวมแล้วสำหรับ ASUS ROG Zephyrus G15 GA502IU ที่เปิดมาประเดิมตัวแรกของไทยถือว่าประทับมาก โดยเฉพาะเรื่องของซีพียูที่เป็น AMD Ryzen 7 4800HS ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดมากๆ ความแรงเทียบรุ่นเก่าแรงเกิน 100% ซึ่งเชื่อเลยว่าสิ่งนี้จะทำให้ใครหลายคนต้องหันกลับมามองโน้ตบุ๊คที่ใช้ซีพียู AMD เสียใหม่หมด

รวมถึงการใช้งานควบคู่กับการ์ดจอค่ายเขียวอย่าง NVIDIA GTX 1660Ti Max-Q

02/04/2020 04:23 PM