Review | Timelie เกมพัซเซิลรสชาติใหม่ ควบคุมเวลาเพื่อฝ่าอุปสรรค - Android

ช่วงกลางปีอย่างนี้เราอาจจะไม่ค่อยเห็นเกมฟอร์มยักษ์วางขายออกมาเท่าไร บางเกมก็เลื่อนออกวันขายออกไปแล้ว วันนี้เลยจะหยิบเกมจากนักพัฒนา Indie มาแนะนำให้รู้จักกันครับนั่นก็คือเกมที่มีชื่อว่า Timelie ที่เป็นเกมพัซเซิลวางแผนผ่านด่านที่เพิ่งวางขายบน Steam ไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมาครับ ผมจะนำมาบอกเล่าให้ฟังว่าทำไมมันถึงน่าสนใจ และมันเติมเต็มรสชาติใหม่ให้กับเกมแนวนี้อย่างไร เกม Timelie เป็นเกมที่ทาง Droidsans ก็เคยเขียนข่าวถึงหลายครั้งนับตั้งแต่ครั้งแรกสุดที่ได้ยินชื่อ เพราะไปคว้ารางวัลประกวดหมวดเกมจาก Microsoft Imagine Cup 2016 และได้เข้าร่วมโครงการ Indie Game Accelerator ของทาง Google […]

ช่วงกลางปีอย่างนี้เราอาจจะไม่ค่อยเห็นเกมฟอร์มยักษ์วางขายออกมาเท่าไร บางเกมก็เลื่อนออกวันขายออกไปแล้ว วันนี้เลยจะหยิบเกมจากนักพัฒนา Indie มาแนะนำให้รู้จักกันครับนั่นก็คือเกมที่มีชื่อว่า Timelie ที่เป็นเกมพัซเซิลวางแผนผ่านด่านที่เพิ่งวางขายบน Steam ไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมาครับ ผมจะนำมาบอกเล่าให้ฟังว่าทำไมมันถึงน่าสนใจ และมันเติมเต็มรสชาติใหม่ให้กับเกมแนวนี้อย่างไร

เกม Timelie เป็นเกมที่ทาง Droidsans ก็เคยเขียนข่าวถึงหลายครั้งนับตั้งแต่ครั้งแรกสุดที่ได้ยินชื่อ เพราะไปคว้ารางวัลประกวดหมวดเกมจาก Microsoft Imagine Cup 2016 และได้เข้าร่วมโครงการ Indie Game Accelerator ของทาง Google มาด้วย เรียกว่าติดตามความคืบหน้าของตัวเกมมาตลอดเลยก็ว่าได้ และหลังจากผ่านมาเป็นเวลาหลายปีตอนนี้ตัวเกมก็ได้วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Steam เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับตัวเกมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากเวอร์ชันแรกสุดไปมากเลยทีเดียว

หมายเหตุ: รีวิวนี้มาจากผู้เขียนที่ซื้อเกมมาเล่นเอง

Setting ของเกม

ตัวเกมเล่าเรื่องโดยมีตัวละครหลักเป็นเด็กสาวที่ตื่นขึ้นมาในโลกปริศนา พบว่าถูกตามล่าโดยหุ่นยนต์ และค้นพบว่าตัวเองสามารถมองเห็นถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและสามารถย้อนเวลาของวัตถุได้ ทำให้สามารถหลบหนีหุ่นยนต์แและอุปสรรคต่างๆได้ ระหว่างทางก็พบกับแมวตัวหนึ่ง ที่ถูกไล่ล่าเช่นกัน และกลายเป็นสามารถร่วมมือกันในการฝ่าฟันการตรวจตาของเหล่าหุ่นยนต์ไปได้

Gameplay

ระบบของเกมจะเป็นไปในลักษณะการวางแผนล่วงหน้า โดยการเลื่อน timeline หรือเส้นเวลาด้านล่าง เหมือนกับพวก video player เพื่อหาเวลาที่ต้องการสำหรับการกระทำต่างๆ หรือดูอนาคตล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น รวมไปถึงการย้อนเวลาเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดหากเราโดนหุ่นยนต์จับได้ และการควบคุมจะสามารถสลับตัวละครระหว่างเด็กสาวกับแมวได้ ทำให้เราสามารถควบคุม 2 ตัวละครไปพร้อมๆ กันตามแต่ละจุดเวลาได้ เหมือนฝึก multi-tasking ยังไงยังงั้น

Click to view slideshow.

สำหรับเกมเพลย์พื้นฐานก็คือเท่านี้แหละครับ แต่ด้วยการออกแบบด่านทำให้เกิดความหลากหลายในการเล่นขึ้นมาก และในด่านหลังๆ เราจะเริ่มมีลูกเล่นที่แปลกขึ้น อย่างเช่นการควบคุมเจ้าแมว จะมีลูกเล่นที่ต่างออกไปเช่น สามารถลอดผ่านช่องขนาดเล็กได้ และสามารถร้องเหมียวเรียกความสนใจจากเหล่าหุ่นยนต์ได้ ทำให้การวางแผนลุ่มลึกขึ้นไปอีกระดับ

และพอถึงจุดที่เราเริ่มคุ้นชินกับระบบของเกม คุมตัวละครต่างๆ ได้ชำนาญขึ้น ตัวเกมก็พร้อมที่จะนำเสนอด่านที่เพิ่มความยากเข้ามาอีกระดับ นับว่าเป็นจุดโดดเด่นนึงของ Timelie เลยก็ได้ครับที่ดูแล้วน่าจะผ่านการออกแบบด่านให้สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้เล่นเป็นระดับขึ้นมาเรื่อยๆ หลายคนอาจจะกังวลว่าเกมพัซเซิลมันจะเริ่มจำเจเมื่อถึงจุดนึง แต่สำหรับตลอดช่วงที่ผมเล่น Timelie ผมกลับไม่รู้สึกถึงความจำเจนั้นเลย และยังมีลูกเล่นด้านเกมเพลย์ที่ผมมองว่ามันเจ๋งมากๆ ซ่อนอยู่ในช่วงท้ายของเกม ซึ่งผมจะขอละไม่พูดเอาไว้ เพราะจะเป็นการสปอยล์เกม 

อีกจุดนึงที่เพิ่มความท้ายทายและ replayability ให้กับตัวเกมก็คือระบบ Relic หรือก็คือ Achievement ของเกมนั่นเอง ซึ่งมีกระจายทั่วเป็นสิบด่าน ที่ทำให้ผู่เล่นต้องย้อนมาลองเล่นอีกรอบเพื่อหาว่าอะไรคือเงื่อนไขของด่านนั้นๆ ที่จะผ่านโดยได้ Achievement มาครอง จากประสบการณ์เล่นครั้งแรกของผม ผมได้ Relic มาแค่ 5 อันเองครับจากทั้งหมด 15 มันจะหลายด่านที่เราอาจจะใช้เวลากับมันนานเกินไป หรืออาจจะต้องปรับท่าเล่นเป็นวิธีที่ยากขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่ง Relic นั่นเอง

Graphics

คิดว่าถ้าผู้อ่านเคยจับเกมพัซเซิลบนมือถืออย่าง Monument Valley หรือเกมซีรีส์ GO ของ Square Enix มาก่อนน่าจะคุ้นเคยดีกับมุมกล้องในลักษณะ Isometric ซึ่งค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับเกมพัซเซิลทั้งหลาย Timelie เองก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากลักษณะมุมกล้องการนำเสนอแล้ว ตัว Timelie เองจัดว่ามีธีมในการออกแบบกราฟิกของเกมออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนดี คือดูเป็นไซไฟแฟนตาซีและดูลึกลับ ฉากส่วนใหญ่ในเกมถูกออกแบบมาในลักษณะเหมือนห้องทดลอง และกลไกต่างๆ อย่างเช่น ประตู ปุ่ม ก็ทำออกมาได้เด่นชัดในเชิงเกมเพลย์ แต่ดูดีในเชิงของธีมเกม

อีกหนึ่งจุดที่ผมสังเกตเห็นคือในหลายๆ ด่านจะมีการเลือกใช้ความสว่างและโทนสีแตกต่างกันออกไป ซึ่งมันสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้เล่นได้ค่อนข้างดี สามารถดึงความรู้สึกตื่นเต้น หรือว่าลึกลับออกมาได้ โดยส่วนตัวแล้วผมจะถูกใจในเรื่องของแสงและสีมากกว่าส่วนของโมเดลต่างๆ ในเกม

ตัวละคร อันนี้ต้องขอชมว่าอนิเมชั่นของตัวละครทำมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะเจ้าแมวที่มีการเคลื่อนไหวที่ชวนนึกถึงแมวจริง การคลอเคลียที่น่าเอ็นดู ส่วนตัวละครหลักเด็กสาวของเรานั้นก็มีท่าทางที่ค่อนข้างเยอะ และทำมาได้เนี้ยบระดับนึง อย่างช่วงต้นเกมอาจจะมีคนสังเกตว่ามี cutscene ที่เด็กสาววิ่งอยู่แล้วมีจังหวะสะดุดพื้นด้วย อันนี้ก็นับเป็นรายละเอียดที่ต้องขอชื่นชมทีมพัฒนา ถ้าจะตินิดนึงก็คงเป็นเรื่อง Facial Expression ของเด็กสาว ที่เข้าใจว่าไม่ได้ออกแบบเอาไว้

Music

เพิ่งปล่อย Playlist มาให้ฟังฟรีวันนี้เลย

แม้ว่า Timelie จะเป็นเกมที่ถูกสร้างโดยนักพัฒนา Indie แต่เรื่องเพลงก็ไม่ใช่จุดอ่อนครับ กลับกันผมมองว่าเพลงประกอบของ Timelie นั้นทำได้ดีมากด้วยซ้ำไป ผมจะแยกออกเป็น 2 กลุ่มคือเพลงประกอบ (Soundtrack) และเสียงเอฟเฟกต์ (Sound Effect) ในมุมของเพลงประกอบนั้น ผมชอบมากเลยแหละ มันลงตัวกับธีมของเกม ธีมของงานกราฟิก และมันตอบโจทย์ในการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้เล่นได้ คือมันทำหน้าที่ของมันได้ครบถ้วน พูดตามตรงคือเหนือความคาดหมายสำหรับเกมอินดี้ในราคานี้

ส่วนเสียงเอฟเฟกต์นั้น อาจจะต้องบอกก่อนว่าตัวเกมเองก็ไม่ได้มีจุดที่ใช้เสียงเอฟเฟกต์เยอะขนาดนั้น มันไม่ใช่เกมแนวแอคชั่นที่จะต้องหวือหวา แต่มันเป็นเกมพัซเซิลที่เอฟเฟกต์มีไว้เพื่อประกอบกลไกต่างๆ และสร้างการรับรู้ให้กับผู้เล่นว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งก็ทำงานของมันได้ดี แต่จะมีจุดนึงที่ผมรู้สึกมันน่าจะปรับปรุงได้อีกคือเสียงประกอบของการขยับของเสื้อผ้า แม้ว่าจะโผล่มาไม่กี่วินาที แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่าจะปรับได้อีกนิดนึงให้มันลื่นหูขึ้น … อ้อ แต่เสียงแมวน่ารักมาก ชอบ ฮ่าๆ

นอกจากเพลงประกอบและเสียงเอฟเฟกต์แล้ว ยังมีเพลงประกอบ End Credit อีกด้วย ซึ่งมีทั้งเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาไทย นับว่าลงทุนกับเพลงไปไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับสเกลทีมพัฒนาระดับนี้ และเหมือนอย่างที่ผมบอกไปข้างต้น คือเพลงของ Timelie มันจะเกินความคาดหมายของคนเล่นที่ซื้อเกมในราคานี้ไปมาก นับเป็นอีกจุดแข็งที่มองข้ามไม่ได้ของเกมๆ นี้ครับ

Story

เนื้อเรื่องของเกมนั้น ต้องบอกไว้ก่อนว่าเกมไม่ได้ตั้งใจเล่าเรื่องให้ออกมาชัดเจนนัก แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งไปจนแปลความอะไรไม่ได้ ตัวเกมมีการย่อยความคืบหน้าออกเป็นตอน (Chapter) ทั้งหมด 5 ตอน และในช่วงท้ายของแต่ละตอนนั้นเราจะได้พบกับฉากที่เต็มไปด้วยภาพสัญลักษณ์ต่างๆ ทั้งที่เห็นแล้วเข้าใจ และไม่เข้าใจ ซึ่งให้ผมมองก็เข้าใจว่าผู้พัฒนาจงใจวางสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้เปิดทางให้ผู้เล่นปะติดปะต่อและวิเคราะห์ความหมายกันเอง ซึ่งนับจากต้นเกมจนจบเกม ก็มีสัญลักษณ์หลายสิบทีเดียวที่โผล่ขึ้นมาให้คนเล่นได้พบ และเมื่อเล่นมาถึงฉากจบของเกมก็จะมี cut scene สุดท้ายที่เราจะได้เห็นคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ก็ไม่แน่ใจว่าช่วยให้เข้าใจความเป็นไปของเนื้อเรื่องมากขึ้น หรือยิ่งขยายความเป็นไปได้ในการตีความออกไปอีกกันแน่

มุมนึงผมก็มองว่า Timelie เองเป็นเกมที่สามารถเล่นได้สนุกโดยไม่ต้องเข้าเนื้อเรื่องมันก็ได้ แต่อีกมุมก็อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ผู้พัฒนาใส่ข้อความซ่อนเอาไว้คืออะไร และหวังว่าจะได้เปิดประเด็นถกกันกับผู้เล่นคนอื่นๆ ที่เล่นจบกันไปแล้วเหมือนกัน น่าจะเกิดทฤษฎีเนื้อเรื่องจากแฟนเกมขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียวแหละ

 

Round-up

ผมมองว่า Timelie เป็นเกมเปิดตัวที่ทำผลงานได้ค่อนข้างดีสำหรับทีมพัฒนา Urnique Studio ในเชิงของคุณภาพเกมแล้วผมมองว่าเป็นเกมที่ควรค่าแก่การพูดถึงในวงสนทนาเกมอินดี้เลยแหละ และยิ่งในจังหวะเวลาปีนี้ที่กระแสเกมอินดี้เหมือนจะเบาลงไปบ้าง อาจจะกลายเป็นโอกาสอันดีที่ Timelie จะได้เปิดเผยตัวเองต่อผู้เล่นที่หลากหลายที่รอคอยเกมอินดี้ใหม่ๆ มาทดลองเล่นกัน หรือใครที่ปกติอาจจะไม่ได้จับเกมอินดี้ แต่อยู่ในช่วงรอคอยเกมฟอร์มยักษ์ออกอยู่ ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะมาทดลองเล่นครับ ตัวเกมผมเล่นจบได้ในเวลาประมาณ 7 ชั่วโมง จัดว่าไม่สั้นไป แต่ก็ไม่ยาวเกินไป ผมเชิญชวนให้ทุกคนที่หาเกมเล่นอยู่ไปเล่นกันครับ

ปัจจุบัน Timelie วางขายอยู่บน Steam มีราคาโซนไทยอยู่ที่ 329 บาท แต่เนื่องจากเป็นสัปดาห์เปิดตัวเลยมีส่วนลด 10% ลดมาอยู่ที่ 296.10 บาทครับ ลดถึง 28 พ.ค. นี้ ปัจจุบันยังมีเฉพาะสำหรับ Windows เท่านั้นครับ แต่เท่าที่ทราบมาทีมพัฒนาเองก็อยากจะพอร์ทลง OS อื่น, สมาร์ทโฟน และเครื่องคอนโซลเช่นกัน แต่ก็คงขึ้นอยู่กับทุนทีมพัฒนาว่าจะสามารถทำได้แค่ไหน

Timelie (14,39 €, Steam) →