ที่สุดของเกมมิ่งโน้ตบุ๊คจอ 14″ ณ เวลานี้ คงต้องยกให้ ASUS ROG Zephyrus G14 ที่นอกจากไซส์จะเล็กพกพาง่ายแล้ว ยังมาพร้อมกับสเปคที่จัดเต็มใช้ AMD Ryzen 4000 Series ขนาดสถาปัตยกรรม 7nm ใหม่ล่าสุด ผสานกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX/RTX แรงๆ และจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครคือมาพร้อมกับ AniMe Matix ไฟฝาหลัง LED ปรับแต่งได้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 39,990 บาทเท่านั้น
สำหรับดีไซน์ของ ASUS ROG Zephyrus G14 ถือว่าสดใหม่ ฉีกแบบเดิมที่เป็นสไตล์แนว ROG มาก่อนหน้านี้เยอะพอสมควร โดยรุ่นที่ทีมงานได้มารีวิวนั้นจะเป็นรหัส GA401IU-HE094T ที่มีไฟ AniMe Matrix อยู่ที่ฝาหลังด้วย ซึ่งบอกเลยว่ามันเท่โดดเด่นเอามากๆ และสามารถตั้งค่าได้ว่าจะเขียนอะไรทั้งภาษาไทยและอังกฤษ รวมถึงมีลูกเล่นต่างๆ อีกเพียบ
วัสดุบอดี้ตัวเครื่องจะเป็นแมกนีเซียมอะลูมิเนียมอัลลอยแข็งแรงทนทาน สี Moonlight White สวยงามสะอาด ไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย พร้อมกับการตัดขอบตัวเครื่องด้วย CNC คุณภาพสูง ทำให้งานประกอบตัวเครื่องเนี้ยบไร้ที่ติ แข็งแรง แน่นหนา ทนทานแน่นอน
หน้าจอตัวเครื่องนี้จะให้มาขนาด 14 นิ้วพอดิบพอดี ขอบจอบาง 3 ด้าน ผิวกรอบจอเป็นสีดำตัดกับสีบอดี้ตัวเครื่อง ซึ่งส่วนตัวแอบเสียดายนิดหนึ่งตรงที่ตัวเครื่องไม่มีกล้อง Webcam มาให้ (แต่มีไมโครโฟนมาให้นะ)
ถัดมาดูคีย์บอร์ดตัวเครื่องโดยจะมาพร้อมกับไซส์มาตรฐานปกติ ไม่มี Numpad ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องย้ายออกมาจากคีย์บอร์ดชัดเจน และมีปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง ปิดไมค์ และเปิดโปรแกรม Armoury Crate แยกออกมาต่างหากทางด้านมุมบนซ้าย ส่วนทัชแพดก็อยู่ตรงกลางเครื่องพอดี พร้อมกับมีลำโพงอยู่ด้านบนคีย์บอร์ดอีก 2 ตัวด้วยกัน (ตัวเครื่อง G14 มีลำโพงทั้งหมด 4 ตัว ล่าง 2 บน 2)
จุดเด่นในการดีไซน์ของเจ้า ASUS ROG Zephyrus G14 อีกอย่างคือมาพร้อมกับ ErgoLift ที่ตัวฝาหลังมียางรองช่วยยกแป้นพิมพ์ขึ้นทำมุมให้สูงขึ้น เพื่อช่วยให้การพิมพ์หรือเล่นเกมได้ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ ไม่เมื่อยข้อมือนั่นเอง โดยรวมแล้วในงานดีไซน์ของเจ้าเครื่องนี้ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้ใครเลยจริงๆ
ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดของ ASUS ROG Zephyrus G14 จะถูกอัปเกรดขึ้นกว่าเดิมโดยทางขวามือตัวเครื่องจะมี USB 3.2 Type A จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type C และ Kensington lock ส่วนทางด้านซ้ายตัวเครื่องซ้ายก็จะมี รูเสียบสายชาร์จ, Lan, HDMI, USB 3.2 Type C ที่รองรับทั้ง PD + DP และรูเสียบหูฟัง Headset 3.5 mm อีกหนึ่งช่อง เรียกได้ว่าให้มาค่อนข้างครบเหมือนกัน
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายตัวเครื่องจะให้มาเป็นมาตรฐานใหม่ทั้งหมดคือได้ทั้ง Wi-Fi 6 802.11 ax (2×2) และ Bluetooth 5.0 ด้วยกัน
สเปค ASUS ROG Zephyrus G14 ที่ทีมงานได้มาทดสอบถือว่าค่อนข้างแรงใช้ได้เลย โดยจะมาพร้อมกับ AMD Ryzen 7 4800HS แบบ 8 Core/16 Thread ความเร็ว 2.9 – 4.2 GHz, TDP 35w, L3 Cache 12MB ขนาดสถาปัตยกรรม 7nm และใช้การ์ดจอแยกเป็น NVIDIA GeForce GTX 1660Ti Max-Q แน่นอนว่าสามารถเล่นเกมบนความละเอียด Full HD ได้สบายๆ ทุกเกม รวมถึงมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 120Hz Adaptive sync ทำให้การแสดงผลภาพไม่มีฉีกขาดเวลาเฟรมเรทวิ่งเกินร้อย
คราวนี้ผลทดสอบในการเล่นเกมกันบ้าง โดยทีมงานทดสอบโดยการเปิด Turbo Mode บนโปรแกรม Armory Crate ปรับความละเอียดหน้าจอ Full HD และปรับกราฟิกพื้นฐานสุดทุกอย่าง ผลเป็นดังนี้
**เกม GTA V อัปแพทซ์ใหม่ทำให้ได้ FPS น้อยลงกว่าเดิม
หลังจากทดสอบเล่นเกมหนักๆ ไปพูดกันตามตรงคือบอดี้ตัวเครื่องค่อนข้างร้อน เพราะใช้วัสดุเป็นโลหะ ทำให้ความร้อนภายในตัวเครื่องระบายออกมาผ่านบอดี้ด้วย โดยโปรแกรม HWMonitor ที่ทีมงานใช้ทดสอบจะไม่เห็นว่า AMD Ryzen 7 4800HS (ต้องรออัปเดตเวอร์ชันใหม่อีกที) ซึ่งอุณหภูมิการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660Ti Max-Q สูงสุดอยู่ที่ 87 องศา
ส่วนอุณหภูมิซีพียู AMD Ryzen 7 4800HS ทีมงานจะดูจากโปรแกรม Armoury Crate โดยจากที่ทีมงานเท่าที่ดูมาเห็นสูงสุด 93 องศา ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป
ถัดมาจะเป็นผลทดสอบ PCMark 10 ได้คะแนนรวมทั้งหมด 5421 แต้ม ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงใช้ได้เลย เอาไปทำงานตัดต่อหนักๆ แต่งภาพขนาดใหญ่เยอะๆ ได้สบายๆ
สำหรับผลการทดสอบขอบเขตสีหน้าจอเครื่องนี้ผ่านตัว Spyder จะอยู่ที่ 97% sRGB ซึ่งจอตัวเครื่องก็ผ่าน Pantone Validated มาแล้วด้วย
ด้านผลทดสอบแบตเตอรี่เจ้าเครื่องนี้ถือว่าถึกมาก โดยทีมงานทดสอบด้วยการเปิดแสงหน้าจอ 30% ต่อ Wi-Fi ดู YouTube ผลปรากฏว่าใช้ได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง 29 นาทีด้วยกัน พกพาไปใช้งานข้างนอกได้ อีกทั้งยังชาร์จไฟผ่านทาง USB PD ได้ด้วย
ปิดท้ายด้วยผลทดสอบ SSD m.2 PCIe เครื่องนี้ โดยให้มาเป็นขนาด 512GB ใช้ได้จริง 458GB มีค่าการ Read อยู่ที่ 1876 MB/s และ Write อยู่ที่ 1052 MB/s ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่โอเคเหมือนกัน
ในส่วนของการอัปเกรดตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus G14 ส่วนตัวถือว่าทำได้ค่อนข้างง่ายไม่ยากเท่าไร เพียงแต่ว่าน็อตตัวเครื่องจะเยอะไปหน่อยต้องจำดีๆ ว่าตัวไหนอยู่ตรงไหน โดยอุปกรณ์ที่ใช้จะมีไขควง 4 แฉกกับอันบัตรแข็งๆ อีก 1 ใบ ซึ่งตัวเครื่องออกแบบมาค่อนข้างดีคือน็อตตัวล่างขวาสุดเมื่อเราคลายออกจะช่วยยกฝาตัวเครื่องขึ้นมาด้วย ทำให้เราแกะฝาหลังออกง่ายขึ้นนั่นเอง
(รูปด้านซ้ายสุดจะเห็นว่าหากเราไขน็อตออก ตัวน็อตจะช่วยยกฝาเครื่องขึ้นมาด้วย)
เมนบอร์ดภายในตัวเครื่องจะเป็นสีแดง ประกอบกับไปด้วยพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 6 เส้น ช่องระบายความร้อน 4 ช่อง (หลัง 2 ช่อง และด้านข้างอย่างละ 1) แบตใหญ่ยาววางเต็มเครื่อง ทำให้การวางบาลานซ์ตัวเครื่องค่อนข้างดี ส่วนการอัปเกรดตัวเครื่องจะมี Ram 1 Slot และมี SSD m.2 อีก 1 ช่องด้วยกัน ซึ่งหากจะอัปเกรดก็คือต้องถอดอันเก่าออกก่อน
(รูปซ้าย คือ ช่องระบายฝุ่นกับช่องฟินระบายความร้อน)
จุดเด่นอีกอย่างคือตัวช่องระบายความร้อนด้านหลังตัวเครื่องทั้งสองฝั่งจะมีช่อง Anti-Dust Tunnel หรือช่องระบายฝุ่น จะช่วยทำให้ภายในภายพัดลมไม่มีฝุ่นสะสมอยู่นั่นเอง ส่วนขนาดแบตเตอรี่ตัวเครื่องให้มาขนาด 4940 mAh หรือ 76Wh ขนาดใหญ่ทำให้ใช้งานได้หลัก 10 ชั่วโมง+ นั่นเอง
จากการที่ใช้งานมาต้องยอมรับเลยว่า ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊คไซส์จอ 14 นิ้วที่แรงไม่แพ้ใครจริงๆ ทั้งด้วยซีพียู AMD Ryzen 4000 รหัส HS และการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce GTX/RTX ทำให้สามารถเล่นเกมได้ลื่นๆ ทุกเกมบนโลกนี้ บนความละเอียด Full HD สบายๆ
รวมถึงจุดเด่นที่แตกต่างจากโน้ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน คือไฟฝาหลังไฟ AniMe Matrix สุดเท่ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้หลากหลาย ทั้งใส่ตัวอักษรภาษาไทย-อังกฤษ, เอฟเฟคโลโก้ ROG-ดาวตก, ใส่รูป(ต้องเป็นรูป PNG ที่เป็นเม็ดพิกเซลรายละเ
12/06/2020 07:38 AM
12/06/2020 02:41 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย