Review | รีวิว Xiaomi Mi 10T Pro 5G หลังผ่านไป 1 เดือน - Android

Get it on Google Play

Review | รีวิว Xiaomi Mi 10T Pro 5G หลังผ่านไป 1 เดือน - Android

ใครที่กำลังมองหามือถือ 5G ที่มีสเปคแรงๆ แบบใช้งานได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเล่นเน็ต, เล่นโซเชียล, ดูหนัง FHD, หรือจะเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ด้วยหน้าจอลื่นๆ รีเฟรชเรทสูง แถมยังมากับกล้องหลังงามๆ และแบตสุดอึด แต่ราคาจับต้องได้ไม่ยาก บอกเลยว่าไม่น่ามีรุ่นไหนที่สู้ Xiaomi Mi 10T Proได้แล้ว เพราะเรียกว่าให้มาแบบครบเครื่องสุดๆ ในราคาเริ่มต้นแค่ 13,990 บาท จนงงว่าไม่รู้ว่าเอากำไรมาจากไหน…โดยการรีวิวครั้งนี้เป็นประสบการณ์การใช้งานจริงเป็นเวลา 1 เดือน จากคนที่ไม่เคยเป็นเจ้าของมือถือแบรนด์ Xiaomi มาก่อนเลยครับ ของในกล่อง ภายในกล่องของ […]

ใครที่กำลังมองหามือถือ 5G ที่มีสเปคแรงๆ แบบใช้งานได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเล่นเน็ต, เล่นโซเชียล, ดูหนัง FHD, หรือจะเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ด้วยหน้าจอลื่นๆ รีเฟรชเรทสูง แถมยังมากับกล้องหลังงามๆ และแบตสุดอึด แต่ราคาจับต้องได้ไม่ยาก บอกเลยว่าไม่น่ามีรุ่นไหนที่สู้ Xiaomi Mi 10T Proได้แล้ว เพราะเรียกว่าให้มาแบบครบเครื่องสุดๆ ในราคาเริ่มต้นแค่ 13,990 บาท จนงงว่าไม่รู้ว่าเอากำไรมาจากไหน…โดยการรีวิวครั้งนี้เป็นประสบการณ์การใช้งานจริงเป็นเวลา 1 เดือน จากคนที่ไม่เคยเป็นเจ้าของมือถือแบรนด์ Xiaomi มาก่อนเลยครับ

ของในกล่อง

ภายในกล่องของ Mi 10T Pro ก็จัดมาให้แบบครบๆ โดยไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้ว มีทั้งเคสใส, ที่ชาร์จไว 33W, สาย USB-C > USB-A, ตัวแปลงสำหรับหูฟังมีสาย USB-C > รูแจ๊ค 3.5 มม., เข็มจิ้มซิม และฟิล์มกันรอยหน้าจอที่ติดมาให้ตั้งแต่ออกจากกล่องเลย…จะคุ้มไปไหน

 

ดีไซน์

Mi 10T Pro ใช้หน้าจอแบบแบนราบ เจาะรูตรงมุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่ โดยขอบจอทั้ง 4 ด้านมีขนาดที่พอดีๆ ไม่บางเกินไปจนอุ้งมือไปโดนให้ทัชลั่น แต่ก็ไม่หนาจนดูน่าเกลียด แถมยังครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 อีกด้วย

และเนื่องจากหน้าจอเป็นแบบ LCD จึงไม่สามารถสามารถใช้เซ็นเซอร์สแกนนิ้วแบบใต้จอได้ ก็เลยต้องเอาเซ็นเซอร์ดังกล่าวมารวมกับปุ่ม Power ที่ขอบเครื่องด้านขวาแทน ซึ่งเอาจริงๆ ก็ใช้ถนัดดีเหมือนกัน จากปกติที่ผมใช้มือถือสแกนนิ้วบนหน้าจอเป็นเครื่องหลักมาก่อน

เฟรมเครื่องเป็นโลหะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเครื่อง มีการประกอบที่แน่นหนาไม่ดูก๊องแก๊ง

ฝาหลังเป็นกระจกแบบ Gorilla Glass 5 เหมือนกับหน้าจอ มีผิวสัมผัสออกด้านๆ แต่ก็ยังเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายมากๆ อยู่ดี

โมดูลกล้องหลังนูนออกมาจากฝาหลังค่อนข้างเยอะอยู่ แต่ก็แก้ได้ด้วยการใส่เคสใสที่แถมมา เพราะจะมีขอบที่สูงขึ้นมาพอดีกับโมดูลกล้อง

โมดูลกล้องยื่นออกมาค่อนข้างเยอะ

พูดถึงการถือใช้งานจริง อาจจะค่อนข้างหนักสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ส่วนนึงก็เพราะแบตเตอรี่ที่อัดมาให้ถึง 5000mAh นั่นเอง ทำให้ Mi 10T Pro มีน้ำหนักมากถึง 218 กรัม และตัวเครื่องยังค่อนข้างหนาถึง 9.33 มม. อีกต่างหาก

 

หน้าจอ LCD รีเฟรชเรท 144Hz

Mi 10T Pro มีหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และมีรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz แต่จะติดอยู่ตรงที่ใช้พาเนลหน้าจอแบบ LCD ซึ่งหลายๆ คนที่คุ้นเคยกับมือถือจอ OLED อาจจะกลัวว่า Mi 10T Pro จะมีปัญหาการแสดงผลสีไม่สดใส หรืออาจจะใช้งานกลางแจ้งสู้แดดไม่ได้หรือเปล่า?

แต่จากการใช้งานจริงพบว่าสีสันที่ปรากฎบนหน้าจอไม่ได้ซีดอย่างที่คิดเลย (รองรับ HDR10 ด้วย) แถมเอาไปใช้กลางแจ้งก็สู้แดดตอนบ่ายได้แบบสบายๆ คือถ้าไม่เอาไปเทียบกับมือถือจอ OLED ก็แทบจะไม่รู้ว่ามันเป็นจอ LCD (นี่คือความเห็นของผมที่ใช้มือถือ ROG Phone 2 หน้าจอ OLED เป็นเครื่องหลักนะครับ)

ใช้กลางแจ้งก็ไม่มีปัญหา

นอกจากนี้ยังรองรับรีเฟรชเรทสูงสุดที่ 144Hz อีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ชัดมากเวลาไถหน้าจอเล่นเน็ตขึ้น-ลง หรือเล่นเกมที่รองรับค่ารีเฟรชเรทสูง แต่แน่นอนว่าก็ต้องแลกมาด้วยการกินแบตเตอรี่ที่มากขึ้นนั่นเองครับ โดยหากเราต้องการประหยัดแบตก็แค่ปรับค่ารีเฟรชลงมาได้ มีให้เลือก 60Hz / 90Hz / 144Hz …ยังไม่หมด หน้าจอของมือถือรุ่นนี้ยังมากับเทคโนโลยี MEMC (Motion Estimation, Motion Compensation) ที่จะช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ บนหน้าจอดูลื่นไหลตามรีเฟรชเรทของหน้าจอ ถึงแม้ว่าคอนเทนต์ที่เราดูจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับจอรีเฟรชเรทสูงก็ตาม

 

รองรับมาตรฐาน Widevine L1 และรองรับการแสดงผล HDR10

ใครที่อยากได้มือถือจอสวยๆ เอาไว้ดูหนังดูซีรีส์ภาพคมๆ สีสวยๆ ก็สบายใจได้เลยเพราะ Mi 10T Pro รองรับมาตรฐาน Widevine L1 สามารถดูคอนเทนต์จาก Netflix แบบ HD ได้ รวมถึงรองรับการแสดงผลแบบ HDR10 อีกต่างหาก

 

กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 108MP

Mi 10T Pro มากับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 108MP + กล้อง Ultra Wide มุมมอง 123° ความละเอียด 13MP + กล้องมาโครความละเอียด 5MP ซึ่งจากการทดสอบถ่ายภาพนิ่งบอกเลยว่าอยู่ในระดับดี ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายในที่แสงปกติ หรือที่แสงน้อยซึ่งมีการจัดการกับ Noise ได้ดีเลยทีเดียว ส่วนการโฟกัสต่างๆ ก็รวดเร็วฉับไวด้วยอานิสงส์จากชิป Snapdragon 865 นั่นเอง

แต่ถึงแม้ว่ากล้องหลักจะอัดมาให้ถึง 108MP แต่การถ่ายรูปปกติจะใช้เทคโนโลยี Pixel Binning ที่จะรวมเม็ดพิกเซล 4 เม็ดให้เป็นเม็ดใหญ่เม็ดเดียว ทำให้ภาพที่ออกมามีความละเอียดอยู่ที่ 27MP

แต่จริงๆ เราก็สามารถเลือกโหมดถ่ายเต็มความละเอียด 108MP ได้ด้วยนะครับ ซึ่งจากที่ทดลองแล้วพบว่าภาพที่ออกมาก็ไม่ได้สวยมากกว่าการถ่ายแบบปกติเท่าไหร่ แถมยังจัดการกับ Noise ได้ไม่ดีเท่าภาพขนาดปกติอีกด้วย แต่จะมีข้อดีตรงที่ถ่างนิ้วซูมภาพดูได้มากขึ้นโดยยังคงมีรายละเอียดที่พอใช้ได้อยู่

Crop จากภาพถ่ายเต็มความละเอียด 108MP

การถ่ายแบบ Portrait หน้าชัดหลังเบลอก็อยู่ในระดับทั่วไป คือเนียนในระดับนึง แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่การตัดขอบบริเวณเส้นผมหรือช่องแหว่งเว้าเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังตัดได้ไม่ค่อยเนียนนัก

ส่วนการซูมของ Mi 10T Pro มีให้เลือกตั้งแต่ 0.6x (Ultra wide) / 2x / 5x / 10x / 30x ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นการซูมแบบดิจิตอลนะครับ เนื่องจากมือถือรุ่นนี้ไม่ได้มีเลนส์ซูม Optical มาให้นั่นเอง แต่จะอาศัยการ Crop ภาพ แล้วใช้ซอฟท์แวร์ช่วยเกลี่ยรายละเอียดให้เนียนขึ้น

21/12/2020 05:02 AM