ช่วงนี้หูฟังไร้สายประเภท True Wireless กำลังได้รับความนิยมแบบสุด ๆ ไปเลย เพราะมีออกมาเต็มตลาดไปหมดตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งวันนี้เราก็มีหูฟังราคางาม ๆ แต่ฟังก์ชันครบครันอย่าง Omthing Airfree จากแพลตฟอร์ม Xiaomi Youpin มารีวิวให้ดูกันครับ ว่ามันจะน่าสนใจแค่ไหน เพราะราคาของมันเรียกว่าน่าคบหาสุด ๆ อยู่ที่ราว ๆ 600 กว่าบาทเท่านั้นเอง
ก่อนอื่นเรามาดูกันนะครับว่าหูฟังไร้สาย Omthing Airfree ราคาแค่ไม่กี่ร้อยบาทตัวนี้ จะมีสเปคยังไงบ้าง
ขนาดไดรเวอร์ | 7 มม. |
ย่านความถี่ | 2 Hz-20,000 Hz |
ฟอร์แมตเสียงที่ซัพพอร์ต | SBC AAC |
Active Noise Cancelation (ระบบตัดเสียงรบกวน) | |
Ambient Sound Mode (ระบบเร่งเสียงภายนอก) | |
แบตเตอรี่ | ฟังได้สูงสุด 4 ชั่วโมง/ชาร์จ 1 ครั้ง |
ระบบชาร์จไฟ | USB-C ชาร์จ 1.5 ชม. เต็ม |
Bluetooth | 5 |
ระยะ | 10 เมตร |
น้ำหนัก | 43 กรัม |
ด้วยราคาที่น่าจับจองสำหรับหูฟัง TWS ที่ฟังก์ชันเยอะขนาดนี้ มีหรือที่ Droidsans จะพลาด โดยในส่วนของกล่องบรรจุนั้นก็ค่อนข้างมาตรฐานเลย ภายในเปิดมามีตัวหูฟัง 2 ข้างนอนชาร์จอยู่ในเคสชาร์จขนาด 550 mAh พร้อมสายชาร์จ USB-C แบบสั้น และจุกยาง in-ear 3 ขนาดให้ได้เลือกใช้กัน
ทั้งตัวหูฟัง และกล่องมีวัสดุเป็นพลาสติกผิวด้าน จับแล้วไม่ติดเป็นรอยนิ้วมือเลย แถมน้ำหนักก็เบามากอีกด้วย แต่มีข้อสังเกตตรงที่ส่วนฝาของ Omthing นั้นเบาจนรู้สึกว่าไม่แข็งแรงเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามส่วนแม่เหล็กที่ยึดฝาค่อนข้างแรงพอสมควรเลย ทำให้การเปิดปิดหูฟังรู้สึกแน่นปลอดภัยมากครับ
ส่วนของตัวหูฟังนั้นเป็นดีไซน์แบบ in-ear สอดหูพร้อมก้านสั้น ๆ ออกมาเล็กน้อย หูฟังมีท่อเสียงยื่นออกมาทำให้สรีระเหมาะกับหู ใส่แล้วแน่นปลอดภัยมากสะบัดหัวได้ไม่หลุดแน่นอนครับ จากการทดสอบใส่ออกกำลังกายหรือ วิ่งก็ไม่มีปัญหา ใส่สบายได้เป็นเวลานานไม่เมื่อยหูเลย นอกจากนี้ตัวหูฟังยังมีมาตรฐาน IPX4 กันน้ำและเหงื่อได้หายห่วงเลยครับ
วิธีเชื่อมต่อของ Omthing Airfree นั้นก็ไม่ยากเลยครับ เพียงแค่เปิดฝาแล้วแล้วแตะหูฟังทั้ง 2 ข้างพร้อม ๆ กันประมาณ 7 วินาที จนไฟกระพริบเพื่อเข้าสู่ Pairing Mode จากนั้นก็สามารถทำการเชื่อมต่อกับมือถือได้เลย หลังจากการเชื่อมต่อครั้งแรกเสร็จแล้ว การใช้งานครั้งต่อ ๆ ไปเราก็แค่เปิดฝาแล้วเอาหูฟังออกมาใช้ได้เลยทันทีเพราะมันจะเชื่อมต่อให้เองแล้ว แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยตรงที่ว่าบางครั้งตัวมือถือจะเชื่อมต่อกับหูฟังเพียงข้างเดียวเท่านั้น แต่ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงแค่เอาหูฟังใส่กลับเข้ากล่องแล้วเอาออกมาใหม่
ใน่ส่วนของการควบคุมตัวหูฟังสามารถควบคุมได้ผ่านแถบสัมผัสที่อยู่ด้านข้างของตัวหูฟังทั้ง 2 ฝั่ง แต่น่าเสียดายที่สามารถใช้การควบคุมเพลงได้แค่ เล่น/หยุด เท่านั้น ส่วนการใช้งานสนทนาสามารถใช้แถบสัมผัสข้าง ๆ เพื่อรับสาย และวางสายได้ (ผ่านการโทรผ่านแอปโทรศัพท์เท่านั้น ถ้ามีสายเข้าจาก LINE หรือ Messenger กดรับสายไม่ได้นะครับ) ในส่วนของไมค์สำหรับคุยนั้นก็สามารถใช้งานได้ปกติเสียงคุยชัดดังพอสมควรเลย
Omthing Airfree นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 ทีมงาน Droidsans ก็ได้ทำการทดสอบผ่าน Spotify บนเครื่อง Galaxy S20 Ultra เสียงที่ได้นั้นมีความเสถียรไม่มีปัญหาเลย การดูวิดีโอผ่าน Netflix หรือ YouTube ก็ทำได้ราบรื่น เสียงตรงกับภาพ แทบจะไม่สังเกตว่าดีเลย์เลย แต่การเล่นเกมเข้าจังหวะอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะเสียงน่าจะดีเลย์ออกไปราว ๆ 0.3 วินาที
Omthing เคลมไว้ว่าหูฟังสามารถฟังได้ต่อเนื่องถึง 4 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และชาร์จต่อเพิ่มจากเคสได้อีกถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว จากประสบการณ์ในการใช้งานมาแล้ว สำหรับคนที่ฟังราว ๆ 2 ชั่วโมงต่อวันสามารถอยู่ได้สบาย ๆ ตั้งแต่ต้นยันท้ายสัปดาห์โดยไม่ต้องชาร์จเคสเลยครับ
มาถึงส่วนที่ทุกคนน่าจะสงสัยกันว่าหูฟัง TWS ราคาเพียงแค่นี้เสียงจะเป็นยังไงกันนะ ก็บอกตรงนี้ได้เลยว่าหูฟังเบสดังดี ๆ ตัวหนึ่งนั่นเองครับ เพราะจากที่ลองฟังมาแล้ว ตัว Omthing Airfree นั้นถูกจูนเสียงออกใน Curve ที่ใคร ๆ ฟังก็รู้ได้เลยว่าเบสดังมาก สังเกตไหมว่าผมใช้คำว่า”ดัง” เพราะถึงแม้ว่าเสียงเบสจะมาเยอะ แต่เสียดายที่มันดังมากกว่าความรู้สึกแบบกระแทกหู ตัวเบสค่อนข้างขาดอิมแพค ทำให้บางครั้งเสียงเบสรู้สึกแห้ง ๆ ไปบ้าง แถมเสียงเบสที่มานั้น จะเป็นเสียงย่านต่ำมาก ๆ อย่างพวกเสียง สังเคราะห์ย่านต่ำ และกระเดื่องกลอง ที่มาแบบจัง ๆ ตรงหน้า เก็บตัวช้า แต่เสียงจำพวก Mid-bass และ Subbass นั้นไม่ค่อยเด่นเท่าที่ควรเท่าไหร่นัก แต่ถ้าใครที่ชอบฟังเพลงเบสดัง ๆ โยกหัวมันส์ ๆ ก็อาจจะหลงรักเลยล่ะครับ
ความน่าเสียดายของ Omthing Airfree นั่นก็คือเสียงกลางที่ชัดมีรายละเอียดมากกว่าที่คาดไว้มาก เราสามารถแยกเสียงดนตรีได้เป็นชิ้น ๆ เลยทีเดียว แต่ว่ามีข้อสังเกตที่ใหญ่มากคือย้อนกลับไปเรื่องเสียง Bass เพราะเสียงเบสที่ดังและค่อนข้างบวมนั้น กลบรายละเอียดดี ๆ ของเสียงกลางออกซะหมดเลย ทำให้การฟังเพลงแนว Lo-fi หรือ R&B ที่มีเสียงสังเคราะห์ย่านต่ำเยอะ ๆ จะกลบเสียงย่านกลางออกหมดเลยครับ ถือว่าน่าเสียดายมาก แต่สำหรับใครที่ชอบฟัง Hip-hop หรือเพลง Pop มันส์ ๆ จะก็มาถูกทางเลยครับ
รายระเอียดของเสียงสูงใน Omthing Airfree นั้นอาจจะขาดน้ำนวลไปซักนิดเพราะเสียงเบสที่อัดเข้าหน้าตลอดเวลา โดยเสียงสูงส่วนมากนั้นจะมาอยู่หลัง ๆ ทำหน้าที่สนับสนุนมากกว่า อาจจะมีเสียดหูบ้างหากฟังเพลงที่ส่วนประกอบเสียงปนกันเยอะ ๆ อย่างเพลง EDM ก็จะทำให้เสียงสูงหายไปบ้างเป็นบางครั้ง แต่ถ้าฟังเพลงแนว Acoustic ที่ไม่ได้มีเสียงเบสหนัก ๆ มากลบล่ะก็ ฟังได้ไม่มีปัญหาเลยครับ
ในเรื่องของเวทีเสียงนั้นก็ทำออกมาได้ไม่เบาเลยดีเดียว ด้วยการแยกชิ้นดนตรีที่ทำออกมาได้ดีในระดับนึง แต่มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่เสียงเบสมักดัง และออกมาอยู่ตรงหน้าเสมอทำให้ความรู้สึกกว้างของเสียงนั้นเสียไปทุกครั้งที่มีเสียง Bass ออกมานั่นเองครับ
สรุปภาพรวมหูฟัง Omthing Airfree นั้นถือว่าเป็นหูฟังราคาเป็นมิตร ที่น่าจับจองมาลองใช้งานมาก ด้วยวัสดุที่ทนทานน้ำหนักเบา ทำให้ Omthing Airfree เหมาะแก่การใช้งานทั่วไปทั้งออกกำลังกาย และการใช้ฟังเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินได้ อาจมีข้อสังเกตอยู่ที่เสียง Bass ที่หนักมากเอาจนรู้สึกเหมือนอยู่ในบาร์เลย อาจทำให้คนที่ไม่ชอบความตึ้บจากเสียง Bass รู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่…แต่สำหรับชาว Bass head ที่ชื่นชอบการฟังเพลง Pop และ Hip-hop แบบมันส์ ๆ ละก็ ต้องลองซื้อมาใช้ดูครับ
30/08/2020 07:42 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย