ในยุคที่บรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนต่างพากันตัดช่องหูฟัง 3.5 มม.ออกไป หูฟังไร้สายจึงเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการฟังเพลงของใครหลาย ๆ คน แทนที่หูฟังมีสายแบบเดิม ๆ โดยเฉพาะหูฟังไร้สายแบบ true wireless ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เพราะมันทั้งสะดวกสบายและคล่องตัว โดยหูฟังที่จะนำมารีวิวในวันนี้ก็คือ HONOR CHOICE True Wireless Earbuds ที่แม้จะมีราคาถูกมาก ๆ แค่ 849 บาท แต่การใช้งานรวม ๆ ทำออกมาได้ดีมาก
อุปกรณ์ภายในกล่องให้มาครบตามมาตรฐานทั่วไป
หูฟังตัวนี้มีหน้าตาที่ค่อนข้างจะพิมพ์นิยม เป็นหูฟังแบบ in-ear ที่มีก้านยื่นออกมา ซึ่งตรงจุดนี้ผมชอบมากเลยนะ เพราะก้านของมันทำให้หยิบจับและถอดเข้าออกได้ถนัด รู้สึกชอบกว่าหูฟังที่มีทรงเป็นก้อน ๆ ตัน ๆ ที่หยิบได้ลำบาก
ที่ตัวหูฟังจะมีรูอยู่สองรู อยู่ที่บริเวณด้านข้างและด้านล่างของหูฟังแต่ละข้าง โดยทั้งสองรูนี้คือ ไมโครโฟนสำหรับสนทนาและไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
งานประกอบและวัสดุสมราคา
เคสของมันจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบมน บริเวณหัว-ท้ายและหน้า-หลังของตัวเคสจะมีหน้าตัดที่แบน ทำให้เราสามารถวางเคสบนโต๊ะหรือพื้นเรียบ ๆ ได้โดยที่มันไม่โยกเยก
ผมเป็นคนมือเล็ก แต่เคสของมันเมื่ออยู่บนมือผมก็ยังดูเล็กอยู่ดี
ตรงกลางของเคสจะมีไฟ LED อยู่หนึ่งดวง สำหรับบอกสถานะต่าง ๆ ในขณะที่ช่องสำหรับชาร์จแบตจะอยู่ที่ด้านล่าง ซึ่งจะเป็นพอร์ตแบบ USB Type-C ส่วนฝาปิดก็ดูแข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง แม่เหล็กดูดแน่นกำลังดี แต่ด้วยความที่ว่ามันเป็นพลาสติกผิวมัน ทำให้ต้องระวังเรื่องริ้วรอยกันหน่อยนะ เพราะมันเป็นรอยง่ายมาก ๆ เลย
พอร์ตแบบ USB Type-C ตามสมัยนิยม
HONOR อ้างว่า หูฟังตัวนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ราว ๆ 6 ชั่วโมง และหากใช้งานร่วมกับเคส (ชาร์จแบตจากเคส) ก็จะสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมง แบ่งเป็นการใช้แบตจากตัวหูฟัง 6 ชั่วโมงแรก + ชาร์จแบตจากเคสจนเต็มได้ 3 รอบ 6 + (6 + 6 + 6) = 24 ชั่วโมง
แบตอึดจริงอะไรจริง ใช้ได้นานสุด ๆ
ซึ่งจากการทดลองแล้วก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ลองใช้งานต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง แบตก็ยังเหลือ ๆ แถมผมใช้งานได้หลายวันโดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จที่ตัวเคสเลย จนจำไม่ได้เลยว่าชาร์จไปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ (ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่า ใช้มาประมาณ 2 สัปดาห์ ผมชาร์จแบตไปแค่ครั้งเดียว ไม่นับครั้งแรกตอนแกะกล่องนะ)
มาพูดเรื่องเสียงกันบ้าง ตามสเปคของ HONOR CHOICE True Wireless ระบุว่า มันพร้อมกับไดรเวอร์ขนาด 7 มม. เสียงกลางกับเสียงแหลมอาจจะไม่ได้ถึงกับใสและทอดยาวมากนัก แต่สามารถฟังได้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกล้าหรือเสียดหูเท่าไหร่ แต่เสียงเครื่องดนตรีกับเสียงร้องมันอัดรวมกันมาเป็นก้อนเดียวเลย ตรงจุดนี้เป็นอะไรที่ไม่ถูกใจที่สุดของหูฟังตัวนี้เลยก็ว่าได้ รวมถึงเวทีเสียงเองก็ค่อนข้างแคบ ซึ่งก็เป็นไปตามข้อจำกัดด้านสเปคของตัวหูฟังที่มีไดรเวอร์ขนาดเล็ก แต่ถ้าเทียบกับราคาผมก็ยังรู้สึกว่า มันทำได้ดีกว่าที่คิดไว้นะ
รองรับการถอดรหัสสูงสุดแค่ AAC เอาไฟล์ FLAC มาเล่นก็ไม่มีประโยชน์
มาต่อเรื่องเบสกันบ้าง …ในตอนแรกผมคิดว่า เจ้าหูฟังตัวนี้มันไม่มีเบสเลยแฮะ แต่พอลองเปลี่ยนจุกหูฟังเป็นขนาด L ก็ค่อยโอเคขึ้นมาหน่อย เบสเริ่มมา แต่ก็จะบวม ๆ กลบเครื่องดนดรีชิ้นอื่นหน่อยนึงครับ เบสไม่กระชับสักเท่าไหร่ ฟังเอาสนุกไม่ได้จ้องจับผิดก็โอเคอยู่
ในด้านของการถอดรหัสเสียงที่ HONOR CHOICE True Wireless รองรับได้สูงสุดคือ AAC (Advanced Audio Coding) ซึ่งจะสามารถแปลงสัญญาณความละเอียดได้สูงสุดที่ 250 kbps หรือก็คือ ไฟล์ประเภท MP3 ทั่วไป รวมถึงการฟังเพลงผ่านแอปตรีมเพลงยอดนิยมอย่าง Spotify, Apple Music หรือ YouTube Music ก็อยู่ที่ความละเอียดราว ๆ นี้เช่นกันครับ
หูฟังตัวนี้มีไมโครโฟน 4 ตัวสำหรับตัดเสียงรบกวน โดยแบ่งเป็นข้างละ 2 ตัว ทดสอบดูแล้วก็พบว่า มันทำผลลัพธ์ออกมาได้น่าพอใจทีเดียวครับ แต่ข้อสังเกตก็คือ ระบบตัดเสียงรบกวนนี้จะรองรับเฉพาะการสนทนา ไม่รองรับการฟังเพลง แต่ด้วยความที่มันฟังหูฟังแบบ in-ear ที่จุกหูฟังแนบสนิทไปกับรูหู มันก็ยังพอช่วยกันเสียงจากภายนอกได้บ้างครับ
หูฟังแต่ละข้างจะมีไมโครโฟนอยู่ 2 ตัว
ความเสถียรในการเชื่อมต่อของ HONOR CHOICE True Wireless ถือเป็นอีกจุดนึงที่ผมประทับใจ เพราะหูฟังตัวนี้เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 สามารถเชื่อมต่อได้นิ่งกริ๊บ ไม่เคยออกอาการสะดุดเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้งาน แม้แต่ในสถานที่ที่คนเยอะ ๆ อย่างรถไฟฟ้าก็ไม่มีปัญหา แถมลองเดินไปไกล ๆ หรือเดินข้ามชั้น สัญญาณมันก็ไม่ยักจะหลุด แจ่มจริง ๆ แต่ตัวอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อก็ต้องรองรับ Bluetooth 5.0 เหมือนกันด้วยนะ
ตามสเปคของเจ้า HONOR CHOICE True Wireless ตัวนี้ระบุว่า มันมีความหน่วงแฝงอยู่ที่ 130 มิลลิวินาที และใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ Simultaneous Transmission ที่จะส่งสัญญาณจากอุปกรณ์ไปยังหูฟังทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน
ดูหนังแทบไม่รู้สึกถึงความดีเลย์ แต่เล่นเกมอาจมีขัดใจบ้างนิดนึง
ทดสอบโดยลองดูหนังและเล่นเกม ซึ่งก็พบว่า มันใช้ดูหนังได้อยู่นะ ถ้าไม่ได้ถึงขนาดที่ว่า ไปจ้องจับผิดปากของตัวละคร แต่ถ้าเอาไปเล่นเกมจะรู้สึกได้ถึงความดีเลย์ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมประเภทที่ต้องกดปุ่มให้ถูกจังหวะโดยอาศัยการฟังเสียง หรือเกมที่การกระทำของตัวละครสัมพันธ์กับเสียงและส่งผลต่อการเล่น เป็นต้น
อีกจุดนึงที่ผมประทับใจกับหูฟังตัวนี้คือ การเชื่อมต่อที่ง่ายมาก ๆ โดยมันสามารถเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ ตามนี้เลย
เชื่อมต่อง่าย เพียง 3 ขั้นตอนในครั้งแรก
หลักจากที่เชื่อมต่อครั้งแรกตามปรกติแล้ว ตัวหูฟังจะจดจำอุปกรณ์ของเราเอาไว้ ทีนี้พอครั้งต่อ ๆ ไป แค่เราเปิดฝาเคส มันก็จะเชื่อมต่อเองโดยอัตโนมัติทันที สะดวกจริงอะไรจริง ซึ่งตรงนี้ก็ไขข้อข้องใจของผมในตอนแรกว่า ทำไมตัวเคสของมันไม่มีปุ่มอะไรเลย ที่แท้ก็เพราะปุ่มมันไม่มีความจำเป็นนี่เอง
นอกจากตัวเคสของมันจะเรียบ ๆ โล้น ๆ ไม่มีปุ่มอะไรแล้ว ตัวหูฟังของมันเองก็ไม่มีปุ่มอะไรเลยเช่นกัน ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ มันควบคุมด้วยระบบสัมผัสนั่นเองครับ ซึ่ง HONOR CHOICE True Wireless สามารถควบคุมได้ตามนี้เลย
จะเห็นได้ว่า มันจะมีฟังก์ชั่นการควบคุมหลัก ๆ ครบทั้งหมด และเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน จะขาดไปก็เพียงแค่ฟังก์ชั่นควบคุมการปรับระดับเสียงเท่านั้น (ถ้ามีด้วยนี่จะเยี่ยมเลย)
รองรับฟังก์ชั่นควบคุมพื้นฐานครบทั้งหมด จะขาดก็แต่การปรับระดับเสียง
ข้อดี
ข้อสังเกต
หลังจากที่ผมได้อยู่กินกับ HONOR CHOICE True Wireless มาเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ กลายเป็นว่า ผมแทบจะไม่หยิบหูฟังตัวอื่น ๆ ที่มีอยู่มาใช้เลย แน่นอนว่า เรื่องเสียงมันอาจจะสู้หูฟังแบบมีสายและหูฟังแพง ๆ ไม่ได้ก็จริง แต่เรื่องความสะดวกและความใส่สบายนั้นกินขาด ซึ่งมันกลายเป็นจุดที่ทำให้ผมอยากจะหยิบมันขึ้นมาใช้ และอยากที่จะพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย เพราะมันทั้งคล่องตัว อีกทั้งยังเล็กกะทัดรัด ไม่มีสายเกะกะ เจ้าหูฟังตัวนี้มันจึงได้ใจผมไปเต็ม ๆ ในเรื่องนี้เลยล่ะ แถมราคาของมันก็ถูกสุด ๆ แค่ 849 บาท ถ้าใครกำลังมองหาหูฟัง true wireless ในงบไม่เกินพัน ผมว่า เจ้านี่เป็นตัวเลือกที่คุ้มมากจริง ๆ
ดูเพิ่มเติม : HONOR
18/08/2020 12:23 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย