realme X7 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงสเปคแรงที่เพิ่งจะเปิดตัวในบ้านเราไปเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมกับหน้าจอ sAMOLED ความละเอียด FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, ใช้ชิประดับไฮเอนด์ Dimensity 1000+, แถมกล้องหลังยังจัดมาให้เน้นๆ 4 ตัว, ความละเอียดสูงสุด 64 MP และ RAM 8GB โดยสเปคที่จัดมาสมราคาค่าตัว 16,990 บาทเลยล่ะ ส่วนการใช้งานจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยครับ
ถือว่า realme ให้อุปกรณ์พื้นฐานมาในกล้องอย่างครบครันเลยทีเดียว เมื่อเปิดกล่อง realme X7 Pro 5G ออกมาก็จะพบกับกล่องขนาดเล็กสำหรับใส่เคสกับคู่มือการใช้งาน, คู่มือข้อมูลสำคัญ (พร้อมใบประกัน) ถัดมาก็จะเป็นตัวเครื่อง ซึ่งหน้าจอได้มีการติดฟิล์มป้องกันหน้าจอมาให้แล้วครับ (ป้องกันได้ในระดับนึง) ส่วนที่เหลือจะเป็นปลั๊กชาร์จรองรับ 10V/6.5A, สายชาร์จ USB Type-C, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด และที่ขาดหายไปก็คือหูฟัง ซึ่งก็ต้องไปหาซื้อกันมาเองทั้งแบบ USB-C และ 3.5 มม. ครับ เพราะรุ่นนี้ได้ทำการตัดรู 3.5 มม. ทิ้งไปแล้วครับ แต่ก็ยังดีที่มีการแถมตัวแปลง USB-C > แจ๊ค 3.5 มม. สำหรับการเชื่อมต่อกับหูฟังมาให้แทนครับ
หลังจากที่ได้ลองจับ realme X7 Pro 5G ถือว่าว้าวมาก ประทับใจ ซึ่งตัวเครื่องที่ผมได้มาลองใช้งานเป็นสี Iridescent เวลาสะท้อนแสงจะเป็นสีรุ้งเหมือนกับว่าถือเพชร หรือ คริสตัล แถมตัวเครื่องยังมีขนาดพอเหมาะ เวลาจับถือก็พอดีกับมือ น้ำหนักเบาเพียง 184 กรัม เวลาจะใช้งานปุ่มต่างๆก็ไม้ต้องเลื่อนนิ้วไปไกลก็สามารถกดได้ แต่ตัวเครื่องจะให้ความรู้สึกลื่นหน่อยๆ เสี่ยงที่จะทำหล่นแล้วตกแตก แต่พอใส่เคสก็จะช่วยได้บ้าง
realme X7 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอแบบแบนมีกล้องเซลฟี่ฝังอยู่ใต้จอบริเวณมุมด้านซ้าย ครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorlla Glass 5 ช่วยป้องกันการเกิดรอย และจะมีลำโพงตัวที่ 1 อยู่บริเวณขอบตรงกลางด้านบน
ส่วนขอบบนสุดของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่ 1 สำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่เกือบริมขวาสุด
ถัดมาที่ขอบด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มสำหรับปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงการใช้งาน
ส่วนขอบด้านขวาจะมีปุ่ม Power เพื่อทำการเปิดปิดตัวเครื่อง
และขอบด้านล่างสุดจะมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Dual Nano Slot, ไมโครโฟนตัวที่ 2, ช่อง USB-C และลำโพง
พลิกกลับมาที่ฝาหลังของตัวเครื่องจะเจอกับชุดกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว + ไฟแฟลช LED เรียงกันเหมือนวงเล็บก้ามปูวางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งจะมีความนูนออกมาระดับนึง (แต่ถ้าใส่เคสที่แถมมาให้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเวลาวาง เพราะเคสจะมีขอบนูนที่สูงขึ้นมาป้องกันบริเวณกล้อง)
ฝาหลังจะผสานเทคโนโลยีหลากหลายสไตล์ด้วย Double Grain, Double Pleated เพื่อให้ความโปร่งแสง และเคลือบชั้นด้วย Anti-Glare Glass กระจกตัดแสงสะท้อน นอกจากนี้ขอบตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้มีลูกเล่นด้วยขอบโค้งแบบ Diamond Cut ทำให้พื้นผิวมีความสวยเงางามโดยเฉพาะเวลาแสงตกกระทบ และสีก็จะไหลไปกับการสะท้อนแสง นอกจากนี้ยังเกิดรอยนิ้วมือยากอีกด้วย ยกเว้นเวลามือเป็นคราบ หรือ ชุ่มเหงื่อ อันนี้น่าจะทำให้เกิดรอยได้
realme X7 Pro 5G เลือกใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอต่อเครื่อง 91.6% ถือว่าขอบจอบางมากจริงๆ สามารถทำความสว่างได้สูงสุดถึง 1,200 nit ขอบเขตสีครอบคลุม 100% รองรับการแสดงผลแบบ DCI-3 บนสัดส่วน 20:9 ให้มีความคมชัดและสดใสมากยิ่งขึ้นไม่ต้องกังวลเวลาใช้งานกลางแจ้ง เพราะภาพที่ออกมาสวยงามมองเห็นได้ชัดแจ๋วสู้แสงแดดได้อย่างสบายๆ (แต่ตอนกลางคืนก็จะสว่างหน่อยแม้จะปรับลดลงมาต่ำสุดและเปิดโหมดถนอมสายตาที่ช่วยลดแสงสีฟ้าแล้วก็ตาม)
นอกจากนี้ยังมี Touch Sampling สูงถึง 240Hz ตอบสนองการทัชได้อย่างรวดเร็วทันใจ และยังมาพร้อมรีเฟรชเรท 120Hz ช่วยให้แสดงผลได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมใช้งานได้อย่างลื่นไหล จะไถหน้าจอ หรือ เลื่อนไปมาก็ทำได้ดีมากๆ ความเห็นส่วนตัวผมชอบมากๆเลยนะอารมณ์แบบสั่งให้ทำอะไรก็ทำตอบสนองการสั่งงานได้ดีและไวมากๆ
รวมไปถึงโหมดเอฟเฟกต์ OSIE Vision Effect เป็นการทำให้ภาพต่างๆในแอปที่รองรับนั้นแสดงผลออกมาด้วยความคมชัดและมีสีสันมากยิ่งยึ้น
และฟีเจอร์ Always On Display ที่จะช่วยแสดงผลข้อมูลบางส่วนที่เราเลือกไว้ขณะหน้าจอปิดอยู่โดยที่ไม่ต้องทำการปลดล็อค เช่น เวลา, วันที่, ปริมาณแบตเตอรี่คงเหลือ และการแจ้งเตือนอื่นๆได้ และที่สำคัญฟีเจอร์นี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่เราสามารถปรับตั้งค่าข้อความ หรือ คำพิเศษให้ปรากฏบนหน้าจอ
โดยระบบได้ตั้งคำว่า “Dare to Leap” มาไว้ให้ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของทาง realme ที่สกรีนไว้บนฝาหลังของตัวเครื่องให้ความหมายว่ากล้าที่จะก้าวกระโดดไปข้างหน้า โดยเราสามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจชอบทั้งสีสันและข้อความ
realme X7 Pro 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ realme UI 1.0 บนพื้นฐาน Android 10 มีแอปพื้นฐานมาให้ครบหมด หน้า Home สามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจชอบเลือกไม่ว่าจะเป็นจำนวนไอคอน โหมดแบบมาตรฐาน แบบลิ้นชัก หรือ จะเลือกเปลี่ยนธีม ไอคอน และ Font ก็สามารถทำได้ รวมไปถึงนำการปรับตั้งค่าธีมจากแอปภายนอกมาใช้ก็ยังได้ช่วยเพิ่มความสวยงามให้น่าใช้งานยิ่งขึ้นไปอีกครับ
04/01/2021 12:41 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย