ใครที่กำลังมองหามือถือสเปคแบบครบครันทั้งหน้าจอ OLED, สแกนนิ้วใต้จอ, กล้องหลังสวยๆ เซลฟี่งามๆ, เล่นเกมลื่น ฯลฯ แต่มาในค่าตัวเบาๆ ไม่ถึงหมื่นบาท วันนี้เราก็มีมือถือรุ่น Vivo V20 SE มาแนะนำกันครับ โดยมือถือรุ่นนี้มีราคาเปิดตัวในบ้านเราอยู่ที่ 8,699 บาท เท่านั้น แต่สเปค+ฟีเจอร์ที่ให้มา เรียกว่าตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบคลุมมากๆ เลยล่ะ
ภายในกล่อง Vivo V20 SE เรียกว่าให้ของมาแบบครบๆ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่มกันเลย ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกันรอยหน้าจอที่ติดมาให้แล้ว, ที่ชาร์จไว FlashCharge 2.0 33W, สายชาร์จ USB-A > USB-C, หูฟัง Earbuds แบบมีสายสำหรับใช้กับรู 3.5 มม., เข็มจิ้มถาดซิม และเคสยางใส
Vivo V20 SE ที่เรารีวิวในครั้งนี้ มีตัวเครื่องเป็นสีดำ Gravity Black ที่มีการไล่เฉดสีจากสีเทาอ่อนๆ จากด้านบนลงไปจนกลายเป็นสีดำที่ด้านล่างตัวเครื่อง ซึ่งตามความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่ามันเท่และดูเรียบหรูดีเหมือนกัน แต่เนื่องจากมันใช้วัสดุที่เป็นพลาสติกที่มีผิวแบบแวววาว ทำให้เป็นรอยนิ้วมือง่ายสุดๆ ซึ่งก็แก้ได้ง่ายๆ โดยการใส่เคสที่แถมมานั่นแหละ แต่ก็ต้องมานั่งตัดสินใจเอานะครับ ว่าอยากจะโชว์ตัวเครื่องงามๆ หรือจะใส่เคสเพื่อป้องกันริ้วรอยทั้งจากนิ้วมือ และการขีดข่วนต่างๆ (เลือกยากอยู่นะ…) ส่วนการประกอบตัวเครื่องก็แน่นหนาแข็งแรงไม่มีกร๊อบแกร๊บ
กล้องหลัง 3 ตัว + แฟลช 1 ตัว วางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมซ้ายบน โดยตัวโมดูลจะยื่นออกมาจากฝาหลังอยู่นิดหน่อย แต่เวลาใส่เคสแล้วก็จะอยู่ในระนาบเดียวกันพอดี
หน้าจอเป็นแบบ OLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่ใช้ Notch แบบหยดน้ำสำหรับวางกล้องเซลฟี่ ขอบจอทั้ง 4 ด้านก็ไม่ได้หนาจนเกินไป โดยการใช้งานก็พบว่าให้สีจัดจ้านตามสไตล์จอ OLED และสู้แสงแดดได้ดีครับ
Vivo V20 SE รองรับมาตรฐาน Widevine L1 ทำให้สามารถดูคอนเทนต์จาก Netflix ได้ในระดับ HD รวมถึงบริการสตรีมหนังอื่นๆ ด้วย
Vivo V20 SE เป็นมือถือที่มีสเปคอยู่ในระดับกลางๆ แต่สำหรับการใช้งานประจำวันทั่วไปเรียกว่าเหลือเฟือเลยครับ ไม่ว่าจะเล่นเน็ต เล่นโซเชียล ดูหนังดูคอนเทนต์ความคมชัดระดับ FHD หรือเล่นเกม 3D (ปรับกราฟิกแบบ Default) ก็ทำได้สบายๆ ไม่มีอาการกระตุกให้หงุดหงิดหัวใจ ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องด้วยแอป Geekbench 5 ได้คะแนน Single-Core ออกมาที่ 314 คะแนน และ Multi-Core ที่ 1387 คะแนน อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Galaxy S8 นิดหน่อย
ทดสอบหน่วยความจำด้วยแอป Androbench ก็ได้ความเร็วในการเขียนข้อมูลประมาณ 500 MB/s และความเร็วในการอ่านที่ 220 MB/s ซึ่งก็เป็นความเร็วปกติสำหรับหน่วยความจำแบบ UFS 2.1 นั่นเอง
สำหรับการเล่นเกมของมือถือรุ่นนี้จะมีโหมด e-Sports ให้เปิดใช้งานด้วย เพื่อรีดประสิทธิภาพเครื่องออกมาให้เต็มที่ ซึ่งจากการทดลองเล่นเกมยอดฮิตในปัจจุบันอย่าง LOL : Wild Rift ตั้งค่ากราฟิกแบบ Default และดันเฟรมเรทขึ้นไปสุดที่ 60fps ก็พบว่าเล่นได้ไม่ติดขัด ไม่มีสะอึก และไม่มีอาการทัชเพี้ยนแต่อย่างใด จะมีข้อสังเกตนิดนึงคือเวลาตะลุมบอนแล้วเฟรมเรทจะร่วงลงมาที่ 40fps ต้นๆ
เปิดโหมด e-Sports เพื่อเร่งประสิทธิภาพ
ทดลองเล่น ROV แบบกราฟิก Default ปรับโหมดเฟรมเรทสูงได้ ตอนนัวๆ มั่วๆ กันก็ร่วงลงมาอยู่ที่ราว 50fps กลางๆ เท่านั้น เรียกว่าเล่นได้ลื่นเลยทีเดียว แต่หากมีการปรับรายละเอียดในเกมเพิ่มขึ้นไปอีกส่วนของเฟรมเรตก็อาจจะหล่นลงมาถึง 30 ได้นะ
ลองกับ PUBG ก็ไม่มีปัญหา เล่นด้วยการตั้งค่ากราฟิก Default ก็ลื่นปรื๊ด ไม่เจออาการหน่วงให้เสียจังหวะ
Vivo V20 SE มีลำโพงให้มา 1 ตัว อยู่ที่ขอบเครื่องด้านล่าง ซึ่งคุณภาพเสียงที่ออกมาอยู่ในระดับธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย เสียงค่อนข้างแห้งแปลกๆ (เหมือนเปิดฟังอยู่ในกระป๋อง) นอกจากนี้ตำแหน่งลำโพงยังอยู่ในจุดที่ถูกมือบังได้ตอนเล่นเกมแนวนอน ส่วนใครที่ยังใช้หูฟังแบบมีสายอยู่ก็สบายใจได้เลยเพราะมือถือรุ่นนี้ยังคงให้รูหูฟัง 3.5 มม. มาด้วย
มือถือรุ่นนี้ให้กล้องหลังมาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 48MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้องจับความลึก 2MP มีโหมดให้เลือกถ่ายมากมายทั้งโหมดกลางคืน, โหมดโปร, ภาพคน (หน้าชัดหลังเบลอ), ถ่ายเต็มความละเอียด 48MP ฯลฯ
จากการทดสอบก็พบว่าให้คุณภาพของภาพถ่ายที่อยู่ในระดับดี ทั้งเรื่องสี และรายละเอียดที่มาครบๆ, โหมดการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอทำออกมาได้เกือบดี แต่ยังมีบางครั้งที่ตัดขอบพลาดไปบ้าง (เส้นผม, ร่องแขน, วัตถุด้านหน้าที่สีคล้ายกับพื้นหลัง) ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ค่อนข้างดี ทั้งการให้สี และการจัดการ Noise ต่างๆ
ภายใน Gallery ยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างการใช้ระบบ AI เพื่อตัดภาพบุคคลออกจากพื้นหลัง ด้วยการเข้าไปที่เมนู แก้ไข และเลือก AI การตัดรูปภาพ จากนั้นระบบจำทำการแยกรูปบุคคลกับพื้นหลังออกจากกัน เพื่อให้เราสามารถเปลี่ยนพื้นหลังเป็นรูปอื่นๆ ได้ หรือจะตัดรูปบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพก็ได้ ซึ่งหากเราเลือกตัดภาพบุคคลออก ระบบ AI จะพยายามเกลี่ยสีตรงช่องว่างที่ถูกตัดให้ ซึ่งหากว่าพื้นหลังเป็นสีเรียบๆ ไม่มีลวดลาย ภาพก็จะออกมาเนียน แต่ถ้าพื้นหลังมีแสงสี หรือลวดลายที่ไม่เสมอกัน ภาพก็จะออกมาแปลกๆ ไปเลย (ฟีเจอร์นี้ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตถึงจะใช้งานได้)
01/12/2020 06:42 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย