มาถึงคิวของสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีคนถามหามาเยอะมากๆ อย่าง Galaxy A42 5G กันบ้างดีกว่า ซึ่งจากส่วนตัวที่ลองใช้งานมากว่าหลายสัปดาห์ ก็ต้องบอกได้เลยว่ารุ่นนี้เจ๋งจริง ลื่นมาก แถมค่าตัวก็ไม่แพงเพียงแค่หมื่นนิดๆ เท่านั้น
ภายในกล่องของ Galaxy 42 5G จะมีตัวเครื่อง หัวชาร์จ สายชาร์จ เข็มจิ้มซิม และคู่มือการใช้งานต่างๆ มาให้ ไม่มีหูฟังหรือเคสใสแถมมาให้นะครับ
หน้าจอของ Galaxy A42 5G ใช้เป็น Super AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว แบบ Infinity-U มีการทำติ่งไว้บริเวณบนกลางหน้าจอเล็กๆ สำหรับใส่กล้องหน้าความละเอียด 20MP ซึ่งขอบจอของ Galaxy A42 5G จะถือว่ามีขนาดเล็ก แต่ขอบล่างจะค่อนข้างหนาพอตัวเลย
พลิกมาด้านหลังจะเจอกับกล้องทั้งหมด 4 ตัว เรียงกันแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีไฟแฟลช LED อยู่บริเวณใต้โมดูลกล้อง โดยสัมผัสผิวฝาหลังของ Galaxy A42 5G จะมาแบบลื่นๆ เป็นรอยนิ้วมือง่ายอยู่ จะใส่เคสก็ต้องหาซื้อเพิ่ม เพราะ Samsung ไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง
แต่ยังดีที่ Galaxy A42 5G ยังคงไม่ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออก ซึ่งใครที่มีหูฟังสุดที่รักอยู่ก็น่าจะเบาใจไประดับนึงเลยล่ะ ไม่ต้องพกหางหนูให้ยุ่งยาก อีกทั้งพอร์ตชาร์จของ Galaxy A42 5G ยังมาเป็นแบบ USB-C อีกด้วย ตามมาตรฐานของมือถือในปี 2020
พวกปุ่มต่างๆ อย่างเช่น ปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มลดเสียง ต่างอยู่ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องทั้งหมด โดยโมดูลกล้องของ Galaxy A42 5G จากภาพ จะเห็นว่ามีความนูนออกมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
จุดเด่นหลักๆ ของ Galaxy A42 5G นั้นอยู่ที่ความสามารถในการรองรับ 5G ซึ่งจะรองรับคลื่น n41 หรือ 2600 MHz ที่ตอนนี้ AIS และ truemove H ถือใบอนุญาตอยู่นั่นเอง
โดยเมื่อนำไปเทสสปีดกับแอป Speed Test ก็จะได้ความเร็วดังนี้เลย
ทั้งนี้เราต้องเช็คด้วยนะว่าพื้นที่ที่เราอยู่นั้นมีเสาส่งสัญญาณ 5G หรือเปล่า อีกทั้งซิมเราพร้อมใช้งานหรือไม่
หลายคนอาจจะงงๆ ว่าชิปเซ็ต Snapdragon 750G ที่อยู่บน Galaxy A42 5G มีความแรงประมาณไหน เทียบเท่าได้กับชิปรุ่นฮิตๆ ในปัจจุบันตัวไหนได้บ้าง จากที่เอาไปทดสอบกับแอป Benchmark ชื่อดังอย่าง Geekbench 5 และ AnTuTu ก็ได้คะแนนออกมาตามนี้
ผลทดสอบ Geekbench ผลทดสอบ AnTuTu Benchmark
โดยถือว่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง Snapdragon 730 และ Snapdragon 765 คือแรงกว่าตัวแรก แต่ยังด้อยประสิทธิภาพกว่าตัวหลังอยู่เล็กน้อย
Galaxy A42 5G มากับ RAM ขนาด 8GB ซึ่งบอกเลยว่าความจุขนาดนี้กำลังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานทั่วไป หรือจะเล่นเกมได้แบบสบายๆ RAM เก็บแอปได้เหลือๆ ไม่ต้องมานั่งคอยเคลียร์บ่อยๆ
โดยหน่วยความจำของ Galaxy A42 5G จะเป็นแบบ UFS 2.1 จากการทดลองกับแอป AndroBench
แน่นอนว่าผลทดสอบก็คือผลทดสอบ ผมเลยเอาเจ้า Galaxy A42 5G มาใช้งานจริงๆ เอาซะเลย โดยผมจะลองไปเล่นเกมยอดฮิตเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ ว่าจะทำได้ถึงขนาดนั้น ปรับกราฟิกได้เท่าไหนบ้าง รวมไปถึงเครื่องจะร้อนหรือเปล่า
เริ่มจากเกม RoV กันก่อนเลยดีกว่า โดย Galaxy A42 5G สามารถปรับกราฟิกได้ที่ภาพแบบ HD การแสดงผลที่สูง เฟรมเรทระดับสูง และพาร์ติเคิลสูง เรียกว่าแทบจะท็อปไลน์แล้ว
พอเอาไปเล่นจริงๆ ก็พบว่า เฟรมเรทไม่ตกเลย วิ่งที่ 58 – 60 fps ตลอด แม้ว่าจะมีบวกแบบตะลุมบอมบ้าง
แต่มีข้อสังเกตเล็กน้อยเพราะเวลาเล่นเกม มือจะไปบังเซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติ ทำให้บางทีแสงจอก็สว่างบ้าง มืดบ้าง ในส่วนนี้แนะนำให้ใครเวลาจะเล่นเกม ให้ไปปิดตั้งค่าปรับแสงอัตโนมัติก่อนนะ หรือจะล็อคความสว่างหน้าจอใน Game Mode ก็ได้
ส่วน PUBG อันนี้ Galaxy A42 5G สามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ HD และเฟรมเรทระดับสูง
โดย Galaxy A42 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ One UI Core บนพื้นฐาน Android 10 (ยังไม่เป็น Android 11) ซึ่งหน้าตาอินเตอร์เฟซก็จะเหมือนๆ กับมือถือ Samsung ทั่วๆ ไป สามารถปรับตารางได้ว่าจะเป็นแบบ 4×5 หรือ 5×5
ส่วนฟีเจอร์ Dark Mode ก็ยังใส่มาให้ตามมาตรฐานมือถือในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยความที่ Galaxy A42 5G เลือกใช้หน้าจอเป็นแบบ OLED ทำให้เมื่อเปิดใช้งานโหมดมืดนี้แล้ว ตัวมือถือจะประหยัดแบตขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยนั่นเอง
อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตาใส่มาให้อีกด้วย ในส่วนนี้ถ้าใครเป็นสายถ่ายรูป เวลาจะแต่งรูปต้องพยายามเลี่ยงอย่าไปเปิดโหมดนี้ใช้งานนะ เพราะไม่งั้นจะแต่งภาพออกมาได้แบบสีฟ้าแบบสุดๆ ไปเลย เนื่องจากพอเปิดโหมดฟิลเตอร์แสงสีฟ้าแล้วจอมันจะออกเหลืองนิดๆ เตือนเอาไว้ก่อน
ความละเอียดหน้าจอของ Galaxy A42 5G จะให้มาแค่ HD+ เท่านั้น ซึ่งต้องบอกตามตรงเลยว่า พอเอามาใช้งานจริงๆ ผมแอบสังเกตเห็นได้ถึงเม็ดพิกเซลนะ คือไม่ได้แย่ขนาดใช้งานไม่ได้ แต่จอมันจะไม่ค่อยคมเท่าที่ควร เรียกว่าถ้าใส่จอ Full HD+ มาให้ น่าจะดีกว่านี้ ยังไงซะ ถ้ามองในแง่การใช้งานจริงๆ ความละเอียดแค่นี้ไม่มีผลนะ
ส่วนติ่งหยดน้ำบนหน้าจอ อันนี้พอใช้งานจริงๆ ก็ไม่ได้เจอปัญหาอะไรนะ ไม่ได้มองว่าติ่งนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้งานทั่วไปอะไรขนาดนั้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัวเลือกให้ปิดรอยติ่งเหมือนกับ Android รุ่นอื่นๆ
นอกจากนี้ Galaxy A42 5G ยังมีฟีเจอร์ซูมหน้าจอ เพิ่มความใหญ่ของ Text หน้าจออีกด้วย อันนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ซื้อมือถือรุ่นนี้ไปฝากญาติผู้ใหญ่ที่สายตาไม่ค่อยดี
โดย Galaxy A42 5G จะมีค่ารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz ที่แม้ว่าจะไม่ได้ลื่นไหลเหมือนกับสมาร์ทโฟนที่ใช้จอ 90Hz หรือ 120Hz แต่การใช้งานทั่วไปเลื่อนๆ ไถหน้าจอก็อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างโอเคเลยนะ ไม่รู้สึกกระตุกหรืออะไร ใช้งานได้เพลินๆ ตลอด
ส่วนเรื่องการใช้งานในที่แสงจ้าๆ ตรงนี้ Galaxy A42 5G ก็ทำผลงานได้ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน แต่ถ้าช่วงไหนแดดแบบแรงจัด อันนี้อาจจะต้องมีเพ่งสายตากันนิดหน่อย อีกทั้งบางทีจอก็จะออกแบบเทาๆ ไปเลย
ขณะที่ระบบการปลดล็อค ในส่วนนี้ทาง Galaxy A42 5G จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ สแกนหน้า 2D, สแกนลายนิ้วมือ และกดรหัสผ่าน ซึ่งการกดรหัสผ่านเราสามารถเลือกได้ว่าถ้าเราใส่รหัสถูก ระบบจะปลดล็อคจอให้เองเลย ไม่ต้องกดปุ่ม OK
ในส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ อันนี้ก็ใช้งานได้ตามปกติทั่วไป ไม่ได้เร็ว ไม่ได้ช้า ทำงานได้ตามมาตรฐานของมือถือระดับนี้
แต่ข้อสังเกตก็คือตำแหน่งของตัวเซ็นเซอร์นั้น จะอยู่ต่ำไปนิดนึง คือแบบถ้ามันสูงขึ้นกว่านี้อีกซักสเต็ปนึงคงใช้งานได้พอดีนิ้วมือเลย
Galaxy A42 5G มาพร้อมกับลำโพงแบบโมโน เอาไปฟังเพลงถือว่าโอเคอยู่ แต่ถ้าใครยังคิดว่าไม่สุด ก็สามารถเอาหูฟัง 3.5 มม. มาเสียบเข้ากับ Galaxy A42 5G ได้
14/12/2020 05:58 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย