REVIEW | รีวิว Redmi 9T และ Redmi Note 9T 5G จะเลือก 4G หรือ 5G ก็จัดได้ในราคาสุดคุ้ม - Android

Get it on Google Play

REVIEW | รีวิว Redmi 9T และ Redmi Note 9T 5G จะเลือก 4G หรือ 5G ก็จัดได้ในราคาสุดคุ้ม - Android

มือถือสุดคุ้ม 2 รุ่นรับปีใหม่จาก Xiaomi อย่าง Redmi 9T และ Redmi Note 9T 5G  ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวเพราะออกมาจับตลาดผู้ใช้งานทั้ง 4G และ 5G ด้วย ซึ่งสเปคด้านอื่น ๆ ก็เรียกว่าใช้งานได้อย่างครอบคลุมไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเล่นเกม, ถ่ายรูป, เล่นเน็ต, เล่นโซเชียล ฯลฯ แถมแบตเตอรี่ยังอึดทั้งคู่ ดีไซน์ตัวเครื่อง Redmi Note […]

มือถือสุดคุ้ม 2 รุ่นรับปีใหม่จาก Xiaomi อย่างRedmi 9T และ Redmi Note 9T 5G  ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวเพราะออกมาจับตลาดผู้ใช้งานทั้ง 4G และ 5G ด้วย ซึ่งสเปคด้านอื่น ๆ ก็เรียกว่าใช้งานได้อย่างครอบคลุมไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเล่นเกม, ถ่ายรูป, เล่นเน็ต, เล่นโซเชียล ฯลฯ แถมแบตเตอรี่ยังอึดทั้งคู่

ดีไซน์ตัวเครื่อง

Redmi Note 9T

Redmi Note 9T ใช้หน้าจอแบบเจาะรูที่มุมซ้ายบนสำหรับวางกล้องเซลฟี่ ส่วนตัวเครื่องด้านหลังใช้วัสดุเป็นพลาสติกแบบด้าน มีพื้นผิวเป็นลวดลายสาก ๆ ไม่ลื่นหลุดมือ และไม่เป็นรอยนิ้วเวลาจับใช้งาน ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว วางอยู่บนโมดูลวงกลมกลางเครื่อง ยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย

ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่มปรับเสียง + ปุ่ม Power ที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือด้วย ด้านล่างมีรูหูฟัง 3.5 มม. พอร์ต USB-C และลำโพง, ด้านซ้ายมีแค่ถาดซิม, ด้านบนมีไมโครโฟนและพอร์ต IR Blaster ตัวเครื่องโดยรวมจับใช้งานถนัด งานประกอบแน่นหนาดี น้ำหนักไม่มากนักแม้จะมีแบตเตอรี่ถึง 5000 mAh

Redmi 9T

รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ Notch หยดน้ำสำหรับวางกล้องเซลฟี่ ตัวเครื่องด้านหลังทำจากพลาสติกผิวด้านเช่นกัน ใมีลวดลายที่เหมือนเป็นประกายแสงสาดออกมาจากโมดูลกล้อง มีโลโก้ Redmi แปะอยู่ที่ด้านซ้ายล่างของเครื่อง กล้องหลังให้มา 3 ตัววางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยมมุมซ้ายบน ยื่นออกมาจากฝาหลังเล็กน้อยเหมือนกัน

ขอบเครื่องด้านขวามีปุ่มปรับเสียง + ปุ่ม Power ที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือด้วย ด้านล่างมีพอร์ต USB-C และลำโพง, ด้านซ้ายมีถาดซิม ด้านบนมีรูหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ต IR Blaster

หน้าจอ FHD+ รองรับคอนเทนต์ HD จาก Netflix

Redmi Note 9T และ Redmi 9T มีหน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และใช้หน้าจอแบบ IPS LCD เหมือนกัน แถมทั้งคู่ยังได้รับมาตรฐาน Widevine L1 และยังรองรับการเล่นคอนเทนต์ระดับ HD จาก Netflix ได้อีกด้วยนะ

ประสิทธิภาพเครื่อง

Redmi Note 9T

รุ่นนี้จะได้เปรียบกว่าที่ใช้ชิป Dimensity 800U ซึ่งประสิทธิภาพโดยรวมแรงกว่า Snapdragon 662 ที่ใช้ Redmi 9T อยู่พอประมาณ ซึ่งจากการทดลองเล่นเกมยอดฮิตอย่าง LOL: Wild Rift ปรับกราฟิกแบบ Default และปรับเฟรมเรทสูงก็พบว่าเล่นได้สบายค่อนข้างลื่นเลยล่ะ ตอนนัว ๆ กันเฟรมเรทร่วงลงไปประมาณ 58fps เท่านั้นเอง ส่วนเกมอื่น ๆ อย่าง PUBG และ ROV ก็เล่นแบบ Default ได้ค่อนข้างลื่นเลย แต่แนะนำว่าอย่าปรับไปมากกว่าค่าตั้งต้นจะเล่นได้แบบไม่มีปัญหาครับ

Redmi 9T

ใช้ชิป Snapdragon 662 ที่ประสิทธิภาพด้อยกว่า Dimensity 800U จากการทดลองเล่นเกมที่ตั้งค่ากราฟิกแบบ Default ก็พบว่าเล่นได้ลื่นเป็นปกติ แต่ถ้าหากปรับโหมดเฟรมเรทสูงขึ้นมาในเกม ROV และ LOL: Wild Rift ตอนที่นัว ๆ กันเฟรมเรทจะร่วงลงไปถึง 41fps เลยล่ะ

กล้องหลัง

Redmi Note 9T 

มีกล้องหลังระบบ AI ให้มา 3 ตัว ความละเอียดกล้องหลัก 48MP + กล้องจับความลึก 2MP + กล้องมาโคร 2MP ซึ่งประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าโอเคอยู่สำหรับการถ่ายภาพในสภาวะที่มีแสงสว่างมากพอ ส่วนการถ่ายในที่แสงน้อยแน่นอนว่าความไวในการโฟกัสจะช้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด, มี Noise โผล่ขึ้นมา, ความคมและรายละเอียดหายไปบ้าง ส่วนการถ่ายด้วยโหมดกลางคืนจะเพิ่มความสว่างของภาพขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ต้องแลกมาด้วย Noise ที่มากขึ้น

วิดีโอถ่ายได้ 1080p 60fps สูงสุดที่ 4K 30fps และไม่มีระบบกันสั่นมาให้ทั้ง OIS / EIS (ตามราคา) แต่เจ๋งตรงที่มีโหมด Pro สำหรับการถ่ายทั้งภาพนิ่งและวิดีโอด้วย

Redmi 9T

รุ่นน้องให้กล้องมามากกว่าที่ 4 ตัว โดยกล้องหลักความละเอียดเท่ากันที่ 48MP + กล้อง Ultrawide 8MP + กล้องจับความลึก 2MP + กล้องมาโคร 2MP ซึ่งการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติก็ยังโอเคสูสีกับรุ่นพี่อยู่ แต่พอแสงน้อยลง เหล่า Noise จะโผล่ออกมายุ่บยั่บไปหมด และยิ่งเปิดโหมดกลางคืนแล้ว จะเร่งความสว่างของภาพมากขึ้นพร้อมกับ Noise ที่มาเต็มกว่าเดิม

05/02/2021 06:55 AM