Galaxy XCover Pro สมาร์ทโฟนพันธุ์แกร่งจาก Samsung ที่ต้องบอกว่า ไม่ได้มีดีแค่ในเรื่องความทนทานแบบมหาโหด แต่การใช้ทั่วไปโดยรวมแล้วก็ทำออกมาได้น่าประทับใจมากอย่างคาดไม่ถึงเลย ดีเสียจนรู้สึกน่าเสียดายที่หลาย ๆ คนไม่ได้มีโอกาสได้ลองจับและลองเล่น เพราะดันไม่มีวางขายตามหน้าร้านทั่วไปนั่นเอง
Galaxy XCover Pro มีขนาดตัวเครื่องที่เหมาะมือ สะดวกแก่การใช้งานมาก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ใหญ่เกินไปเสียจนเกะกะแต่อย่างใด วัสดุรอบตัวเครื่องจะทำมาจากพอลีคาร์บอเนตผิวด้านทั้งหมด ซึ่งวัสดุชนิดนี้จะมีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ลูบ ๆ คลำ ๆ ไปแล้วรู้สึกได้ทันทีเลยว่า เจ้านี่แข็งแกร่งมาก ๆ งานประกอบแน่นปั้กทุกส่วน
ฝาหลังมีการทำเท็กซ์เจอร์เป็นลายขรุขระ เวลาถือจะได้ไม่ลื่นมือ
เฟรมเครื่องของ Galaxy XCover Pro นอกเหนือจากปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์ที่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่แล้ว ยังมีปุ่มพิเศษเพิ่มมาอีก 2 ปุ่ม นั่นก็คือ ปุ่ม XCover key ใหญ่ ๆ เด่น ๆ ที่ด้านซ้าย กับปุ่ม Top key ที่ด้านบน ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัด ๆ ไป
XCover key ปุ่มลัดอเนกประสงค์ กำหนดค่าได้หลายอย่าง
บริเวณขอบของเฟรมเครื่องจะยกสูงขึ้นจากหน้าจอเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้จอภาพสัมผัสกับพื้นโดยตรงหากเผลอทำตก ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการทำหน้าจอแตกได้ เอาจริง ๆ บอดี้มันเท่มาก เหมือนกับกำลังใส่เคสกันกระแทกสวย ๆ อยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ
สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อเองก็มีมาให้ครบทั้ง USB Type-C ตามสมัยนิยม และแจ็กหูฟัง 3.5 มม. แถมมีไฟ LED แสดงสถานะมาให้ที่ด้านบนอีกต่างหาก
LED แสดงสถานะ / Top key / แจ็กหูฟัง 3.5 มม. / ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
หากดูจากตัวเลข 218 กรัม ที่เป็นน้ำหนักของตัวเครื่องแล้ว ดูแล้วเหมือนจะเยอะ แต่ในการใช้งานจริงกลับไม่รู้สึกถึงความหนักเลย อาจเพราะ Galaxy XCover Pro มีการกระจายน้ำหนักที่ดี
ขึ้นชื่อเป็นมือถือพันธุ์แกร่งทั้งที แน่นอนว่า ความทนทานเป็นจุดขายของ Galaxy XCover Pro อยู่แล้ว เจ้านี่มีทั้งคุณสมบัติในการกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP68 กันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร นานสุด 30 นาที อีกทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานความทนทาน MIL-STD 810G จากกองทัพสหรัฐฯ ทนต่อการตกได้สูงถึง 1.2 เมตร โดยที่เครื่องไม่พัง
เรียกได้ว่า Galaxy XCover Pro ตอบโจทย์คนสายลุยอย่างแท้จริง เจอสภาพวะการใช้งานที่หฤโหดแค่ไหนก็บ่ย่าน อย่างเช่นงานภาคสนามที่อาจต้องมีการคลุกฝุ่นคลุกดิน เลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันบ้าง ใช้งานเสร็จแล้วก็แค่จับมาล้างน้ำออก ง่าย ๆ แค่นี้เลย
ก่อนที่จะได้สัมผัสกับ Galaxy XCover Pro ตัวเป็น ๆ ผมเคยมีภาพจำเกี่ยวกับอุปกรณ์จำพวก rugged device ว่า เป็นมือถือที่อึด ถึก ทน แต่การใช้งานด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะด้านมัลติมีเดียคงจะไม่เด่นล่ะมั้ง ?
แต่แล้ว Galaxy XCover Pro ก็แสดงให้ผมเห็นจัง ๆ ว่า ที่เคยคิดแบบนั้นน่ะมันไม่เสมอไปหรอก เพราะจอภาพของโฟนรุ่นนี้มีคุณภาพสูงมาก เรื่องสีสันและความสว่างน่าพอใจมาก ๆ หากเทียบกับพาแนล IPS LCD ด้วยกัน ใช้งานกลางแจ้งก็พอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้ ส่วนลำโพงมีมาให้ตัวเดียวก็จริง แต่เสียงก็ไม่ขี้เหร่เลย แถมดังพอตัวอีกต่างหาก
จอภาพสีสวยสดและค่อนข้างเที่ยงตรง เชื่อถือได้
นอกจากนี้ ด้วยฟีเจอร์ Touch sensitivity ที่จะเป็นการเพิ่มความไวการตอบสนองของจอภาพ ทำให้เราสามารถทัชหน้าจอ Galaxy XCover Pro ได้อยู่ แม้จะสวมถุงมือหนาก็ตาม ไม่จำเป็นต้องถอดถุงมือเข้า ๆ ออก ๆ เหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ให้วุ่นวาย
Samsung ใส่กล้องหลังมาให้ Galaxy XCover Pro ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน กล้องหลักจะมีความละเอียด 25MP และมีรูรับแสง f/1.7 รองรับการซูมแบบดิจิทัล สูงสุด 4 เท่า เสริมด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP ให้ภาพมุมกว้าง 123 องศา
ตัวอย่างภาพถ่าย Samsung Galaxy XCover Pro
ฟีเจอร์การถ่ายภาพหลัก ๆ ก็ให้มาครบครัน ทั้งโหมดโปร โหมดกลางคืน โหมดอาหาร และโหมดไลฟ์โฟกัส (น่าเสียดายที่ฟีเจอร์หลังสุด ล็อกไว้ให้ใช้กับการถ่ายภาพบุคคลเพียงอย่างเดียว)
ส่วนคุณภาพที่ออกมา ทำได้น่าประทับใจทีเดียว กล้องหลักก็ดีหรือกล้องอัลตร้าไวด์ก็ดี พวกภาพตัวหนังสือต่าง ๆ เวลามาซูมดูทีหลังก็ยังคมชัดอยู่ อ่านได้รู้เรื่อง หวังผลได้เลย (ยกเว้นถ้าแสงน้อยจริง ๆ อาจมีอาการเบลอจากนอยส์บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา)
ถ่ายตัวหนังสือได้คมชัดมาก
ระบบออโต้โฟกัสและความเร็วในการบันทึกภาพถ่ายหลังกดชัตเตอร์ก็ทำงานได้ฉับไว กล้องของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในตระกูลนี้ของ Samsung จะถูกปรับแต่งมาโดยเฉพาะ ให้สามารถสแกนบาร์โค้ดได้อย่างรวดเร็ว ทำงานร่วมกับ Scandit และ KOAMTAC (หรืออื่น ๆ) ได้เป็นอย่างดี
…อ้อ ! จุดที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไฟแฟลข LED แบบคู่นี่แหละครับ สว่างมาก ๆ ส่องเข้าหน้าที ตาวิ๊งเลย ทำงานในที่มืดก็ไม่มีปัญหาแน่นอน
ภาพจากเลนส์อัลตร้าไวด์ สีเข้มสะใจ
Galaxy XCover Pro มาพร้อมกับ One UI 2.0 บนระบบปฏิบัติการ Android 10 หน้าตาอินเทอร์เฟซและลูกเล่นต่าง ๆ ที่ใส่มาให้ก็จะเหมือนกับมือถือ Samsung รุ่นอื่น ๆ ยังไงอย่างงั้นเลย แล้วก็เตรียมจะได้รับการอัปเดตเป็น One UI 3.0 ในเดือนมีนาคมนี้ครับ แต่ฟีเจอร์จะไม่เยอะเท่ารุ่นเรือธงนะ
07/03/2021 06:05 AM
07/03/2021 12:50 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย