เปิดตัวกันไปสดๆร้อนๆ สำหรับชิปเซต Helio P90 ตัวล่าสุดของทาง MediaTek แบรนด์คุณภาพราคามิตรภาพ ที่พัฒนาตัวเองจนน่าใช้ขึ้นเรื่อยๆ โดยเวอร์ชั่นนี้ปรับปรุงเพิ่มเติมให้ประมวลผลด้าน AI ได้สุดแรง ทะลุทั้ง Kirin 980 และ Snapdragon 855 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเสียอีก พร้อมฟีเจอร์ด้านกล้องอัดมาเต็มสูบเห็นแล้วต้องนึกถึง Huawei Mate 20X และฟีเจอร์ใหม่ๆอีกมากมายเกือบครบทุกอย่างที่ควรมีในปีหน้านี้
Helio P90 เป็นชิปเซตที่ทาง MediaTek วางไว้ว่าเป็นรุ่นระดับสูงสุดของค่าย โดยครั้งนี้ได้เดิมพันไปกับการพัฒนาด้าน AI ให้แรงล้ำหน้าเกินใคร เรียกว่าเอาผลการวัด Benchmark มาเทียบแล้วเกินคู่แข่งทุกรายไปทั้งหมด แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลความแรงของ CPU และ GPU มากนัก ซึ่งทางค่ายได้บอกว่าการที่ตัวประมวลผลด้าน AI แรงเพียงอย่างเดียว ก็สามารถทำให้ประสบการณ์โดยรวมทั้งหมดดีขึ้นได้แล้ว แถมยังบอกว่า Helio P90 ที่ใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ 12 nm สามารถประหยัดแบตมากกว่าเหล่าชิปเซตที่ใช้สถาปัตยกรรมที่ 7 nm เสียอีก ส่วนว่า AI ที่เค้าเน้นกันสุดๆนั้น จะมีอะไรดีบ้าง พร้อมให้ใช้งานขนาดไหน วันนี้ผมเก็บข้อมูลเอามาฝากกันตามนี้ครับ
สรุปจุดเด่น 4 ด้านของ MediaTek Helio P90 : AI, กล้อง, CPU/GPU, Connectivity
เราได้ยินคำว่า AI มาตลอด 1ปีที่ผ่านมา ในวงการสมาร์ทโฟน ว่าด้วยการทำให้ภาพสวยขึ้นได้ด้วย AI ซึ่งสิ่งที่ AI ทำนั้นก็คือการเรียนรู้ภาพถ่ายจำนวน ดูว่าภาพแบบไหนสวยไม่สวยแล้วจดจำเอาไว้ เมื่อไหร่ที่เราถ่ายภาพมาก็จะทำการปรับให้ภาพนั้นๆมีความใกล้เคียงกับภาพที่ AI นั้นๆ เรียนรู้มาว่าสวยทันทีนั่นเอง ซึ่งการที่ภาพจะประมวลผลได้รวดเร็วทันใจได้นั้นก็ขึ้นกับตัวประมวลผลส่วน AI ตรงนี้ว่าแรงแค่ไหน หรือถ้าไม่มีเลยก็ต้องไปดึง CPU – GPU มาใช้คำนวนแทน ที่แม้ว่าทำได้แต่ก็จะไม่ดีเท่ากันนั่นเอง โดยทาง MediaTek ได้เรียกตัวประมวลผลตรงนี้ว่า APU หรือ AI Processing Unit* ซึ่งใน Helio P90 นี้จะเป็น APU 2.0 แล้ว และมีประสิทธิภาพสูงกว่า APU ใน P Series รุ่นก่อนหน้าถึง 4 เท่า และประโยชน์ด้านการถ่ายภาพที่ตัว APU ของ MediaTek สามารถให้ได้มากกว่าการประมวลผลทั่วไป ได้แก่
เปรียบเทียบความสามารถในการแยกความลึกของวัตถุต่างๆในภาพ ซึ่งทาง MediaTek เคลมว่า Helio P90 จับมาได้ละเอียดกว่าทั้ง iPhone และ Huawei เสียอีก
ลองทดสอบให้ดูกันว่าถ้าถ่ายภาพเคลื่อนไหว โล้ชิงช้าผลออกมาจะเป็นยังไง
ซ้ายสุดคือ Helio P90 ส่วนอีกสองอันคือ Huawei – Xiaomi
ทดสอบให้เห็นชัดๆในห้องมืดๆหน่อย ถ่ายแบบออกมาให้ดู
บนซ้ายจะคือ Helio P90 ที่จะมีรายละเอียดบนเสื้อมาครบและสวยสุด
AI Brightening : ก็จะดึงแสงมาให้ชัดเจน แบบเดียวกับ AI ใน Huawei เลย
เก็บสีแสงได้ดี ซึ่งใช้เป็นฟีเจอร์ของแอป Face++ ที่ดึงความสามารถของ Helio P90 มาใช้ได้
การที่ตัว Helio P90 มีความสามารถด้าน AI ดีๆ จะช่วยประมวลผลได้ด้านนี้ได้รวดเร็วและซับซ้อนขึ้น
ความสามารถด้านการถ่ายภาพอื่นๆของ Helio P90
*Tips ตัวประมวลผลด้าน AI เราจะได้ยินเจ้าอื่นเรียกเป็น NPU หรือ Neural Processing Unit กันมากกว่านะครับ ทั้ง Google Huawei และ Apple ต่างก็ใช้คำนี้กันมาตลอด ก็แปลกดีที่ MediaTek เปลี่ยนมาใช้เป็นคำว่า APU แทน
นอกเหนือจากเรื่องถ่ายภาพแล้ว AI ยังสามารถนำเอาไปใช้งานในด้านอื่นบนสมาร์ทโฟนได้อีกมากมาย ซึ่งหลักๆจะเป็นเรื่องของการจดจำวัตถุได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว จำแนกได้ว่าส่วนไหนเป็นอะไร เปิดช่องทางให้นักพัฒนาสามารถนำไปต่อยอดสร้างสรรค์อะไรต่างๆได้อีกมากมาย
อย่างไรก็ดีที่ทาง MediaTek เอามาเดโมบน Helio P90 ทั้งหมดนี้เป็นความสามารถของตัวแอปซึ่งไปพาร์ทเนอร์กับบริษัทซอฟท์แวร์ต่าง ๆ เอาไว้ให้ลองใช้งานชิปเซตของทาง MediaTek ส่วนว่ามือถือรุ่นที่นำเอาชิปไปใช้จะมีฟีเจอร์เหล่านี้มาด้วยหรือเปล่านั้นก็แล้วแต่จะตกลงกันเสียมา การนำไปใช้งานขึ้นกับแอปต่างๆ ว่ามีการพัฒนาดึงประสิทธิภาพด้าน AI ออกมาได้แค่ไหน
คนเต้นอยู่ สามารถจับท่าทางได้แบบ real-time สูงสุดถึง 5 คน
จับท่าทางได้แล้ว สามารถเอาไปเชื่อมต่อกับหุ่นยนต์ให้แสดงท่าทางตามได้เลย
ถ่ายวิดีโอแยกตัวคนกับฉากหลัง ปรับสีขาวดำได้เลย ฟีเจอร์เดียวกับ Huawei เลยนั่นแหละ
ใน MediaTek Helio P90 รองรับ WiFi 2×2 MIMO ซึ่งจะทำให้จับสัญญาณ WiFi ได้แรงขึ้นทำความเร็วได้ดีขึ้น
ในงานเปิดตัวรวมถึงข้อมูลที่เปิดเผยมาไม่ได้พูดถึงความแรงของ CPU GPU ขนาดนั้น ที่เรารู้คือเป็นชิปเซตที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 12 nm มีแปดแกน (Octa-core) ที่มี 2 แกนที่เป็น ARM Cortex-A75 ความเร็ว 2.2GHz และที่เหลือ 6 แกนเป็น ARM Cortex -A55 ความเร็ว 2.0GHz ส่วน GPU ก็เลือกใช้ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันแล้ว นั่นคือ PowerVR GM 9446 ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 970MHz ซึ่งจากการสอบถามทางทีมพัฒนาเห็นว่าอาจจะไม่ได้แรงเท่า Snapdragon 855 หรือ Kirin 980 แต่มีจุดเด่นที่การประหยัดพลังงานจากตัว APU สุดเก่งทำให้ใช้แบตได้ดีมากจนต่อให้ซีพียู 7nm ก็ประหยัดไม่เท่า และการเชื่อมต่อ 4G ที่เร็วแรงตามสมัยเป็น Cat-12 มาครบในเทคโนโลยี 4×4 MIMO, 3CA, 256QAM รองรับทั้ง FDD และ TDD อย่างไรก็ดีตัวชิปจะยังไม่รองรับถึง 5G นะ
15/12/2018 11:50 AM
2014 © ปพลิเคชันไทย