Dyson แบรนด์เครื่องไฟฟ้าชื่อดังระดับไฮเอนด์ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี ได้ออกมาเปิดตัวเครื่องหนีบผมสุดหรู “Dyson Corrale” ที่มากับจุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้งานแบบไร้สายได้ เพราะมันมีแบตเตอรี่ในตัว ทำให้ไม่ต้องวุ่นวายกับการหาปลั๊กเสียบ แถมยังหนีบผมได้ทุกท่าโดยไม่มีสายไฟมาเกะกะพันแขนให้วุ่นวายอีกด้วย รู้แค่นี้…เสียงพี่สู่ขวัญก็ลอยมาแล้วค่ะว่า ของมันต้องมี
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2016 Dyson ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับไฮเอนด์อย่าง Supersonic hair dryer ไดร์เป่าถนอมเส้นผมราคาราว 15,000 บาท และในปี 2018 ก็ได้เปิดตัว Dyson Airwrap เซ็ตเครื่องม้วนผมสุดล้ำราคาราว 18,000 บาท ที่สามารถจัดแต่งทรงผมได้หลากหลายสไตล์ ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ กลายเป็นสินค้าที่ขายดีมากๆ แม้จะมีราคาที่สูงมากก็ตามค่ะ
และล่าสุดในปี 2020 Dyson ก็ได้เปิดตัวอุปกรณ์แต่งผมระดับไฮเอนด์อีกหนึ่งอย่าง ก็คือที่หนีบผมไร้สาย Dyson Corrale ตัวนี้นี่เองค่ะ โดยความพิเศษของมันจะเหนือกว่าที่หนีบผมรุ่นอื่นๆ คือ แผ่นที่ใช้ปล่อยความร้อนสำหรับรีดผมนั้น ใช้วัสดุที่เป็นทองแดงความยืดหยุ่นสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ผมเด้งออกจากตัวหนีบ จนต้องคอยหนีบซ้ำ และยังสามารถจัดการความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ใช้เวลาในการหนีบที่น้อยลง ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าเครื่องหนีบอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายของเส้นผมได้ดีกว่า และยังเพิ่มความเงางามของเส้นผมได้อีกด้วย
เครื่องหนีบผม Dyson Corrale สามารถปรับความร้อนได้ทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน คือ 330° ฟาเรนไฮต์ 365º ฟาเรนไฮต์ และ 410º ฟาเรนไฮต์ อีกทั้งทาง Dyson ยังออกมาเคลมว่า ตัวเครื่องมีระบบที่เรียกว่า “การควบคุมความร้อนอัจฉริยะ” มีไว้สำหรับควบคุมความร้อนที่ใช้ได้อย่างแม่นยำกว่ารุ่นอื่นๆ ในตลาด
Dyson Corrale เป็นที่หนีบผมแบบไร้สายที่มากับแบตเตอรี่ Lithium-ion ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้เป็นเวลา 30 นาที และใช้เวลาในการชาร์จกลับจนเต็มที่ 70 นาที ด้วยแท่นชาร์จ หรือสายชาร์จแบบแม่เหล็ก
Dyson Corrale วางขายไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาในราคา 500 ดอลลาร์ หรือราว 16,000 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 สีคือ สีเงิน (Dark Nickel/Fuschia) และสีม่วง…ใครที่ได้รู้ราคาแล้วอาจจะรู้สึกว่าทำไมแค่ที่หนีบผมจะต้องแพงขนาดนี้ด้วย? แต่เอาจริงๆ ก็ถือว่าสมค่าตัวของมันนะคะ เพราะทางบริษัท Dyson ได้ทุ่มเงินไปกว่า 129 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเครื่องหนีบผม Corrale มาเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งการันตีได้เลยค่ะว่าผมจะสวยไม่มีเสียอย่างแน่นอน
ที่มา : Mashable SE Asia
11/03/2020 05:52 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย