เปิดตัว AirPods Max หูฟังไร้สาย full-size รุ่นแรกของ Apple - Android

Get it on Google Play

เปิดตัว AirPods Max หูฟังไร้สาย full-size รุ่นแรกของ Apple - Android

Apple เปิดตัวหูฟัง full-size ตัวใหม่มาในชื่อ AirPods Max เต็มไปด้วยฟีเจอร์เจ๋ง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นระบบตัดเสียงรบกวน ANC ระบบ Transparency เพิ่มเสียงภายนอก โหมด Adaptive EQ ที่จะปรับจูนค่า Equalizer ให้โดยอัตโนมัติ และโหมด Spatial Audio แบบที่ใส่เข้ามาใน AirPods Pro เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับหูฟังแบบ full-size ตัวแรกสุดของทาง Apple ที่มาในชื่อ […]

Apple เปิดตัวหูฟัง full-size ตัวใหม่มาในชื่อ AirPods Max เต็มไปด้วยฟีเจอร์เจ๋ง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นระบบตัดเสียงรบกวน ANC ระบบ Transparency เพิ่มเสียงภายนอก โหมด Adaptive EQ ที่จะปรับจูนค่า Equalizer ให้โดยอัตโนมัติ และโหมด Spatial Audio แบบที่ใส่เข้ามาใน AirPods Pro

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับหูฟังแบบ full-size ตัวแรกสุดของทาง Apple ที่มาในชื่อ AirPods Max ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหูฟังตัวนี้ที่ตอนแรกจะมาในชื่อ AirPods Studio ซึ่งจากรายละเอียดก็มาพร้อมฟีเจอร์เจ๋ง ๆ มากมายที่เราน่าจะเคยเห็นกันในหูฟังไร้สายแบบ High-end ขนาดนี้

ดีไซน์

AirPods Max มาพร้อมกับดีไซน์แบบครอบหู full-size พร้อมตัว Earcups ที่เป็นวัสดุแบบโฟมบุทับด้วยผ้าแบบตาราง (Mesh) ดูนุ่มสบาย และมีความหนาพอสมควรซึ่งวัสดุนี้ก็ถูกวางไว้ในบริเวณสายคาดด้านบนด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนของ Headbands ที่โคงไปตามแนวศรีษะทำมาจากตาข่ายระบายอากาศที่ทาง Apple เคลมว่ามีส่วนช่วยในการกระจายน้ำหนัก และลดแรงกดบนศรีษะทำให้ใส่สบายขึ้น

ตัวโครงหูฟังด้านในทำมาจากสแตนเลสสตีลที่หุ้มด้วยวัสดุนุ่ม ๆ แบบ Soft-touch ทำให้โครงหูฟังมีความแข็งแรงสมบุกสมบัน แต่ยังคงความนุ่ม ยืดหยุ่น และใส่สบายอยู่ ขยับลงมาในส่วนของตัวก้านก็สามาถขยับขึ้นลงได้ตามขนาดของผู้สวมใส่ เพื่อให้สามารถใส่ได้กระชับพอดีหูไม่หลุดง่าย และบริเวณด้านนอกที่เป็น Anodized Aluminum ทำให้ที่ครอบหูสามารถหมุนได้อย่างอิสระให้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยม

ตัวเยื่อบุถูกดีไซน์ออกมาเพื่อการสวมใส่ที่นุ่มสบายโดยเฉพาะ ด้วยวัสดุแบบเมโมรี่โฟม (แบบในหมอนเพื่อสุขภาพ) ทำให้เวลาสวมใส่รู้สึกสบายเหมือนสัมผัสหมอน อีกทั้งตัวโฟมยังถูกออกแบบทาง Acoustic เพื่อให้ได้ห้องเสียงที่สมบูรณ์แบบเหมาะแก่การฟังเพลง

Digital Crown แบบเดียวกับ Apple Watch

Digital Crown หน้าตาคล้าย ๆ กับที่อยู่บน Apple Watch

อีกจุดเด่นของ AirPods Max ก็น่าจะเป็นเจ้าตัว Digital Crown แบบเดียวกับที่เรา ๆ น่าจะคุ้นเคยกันบน Apple Watch ซึ่งถูกนำมาใช้บน AirPods Max เอาไว้สำหรับควบคุมระดับเสียงได้อย่างแม่นยำ และสามารถใช้ควบคุมเรียกสั่งการ Siri และวางสาย/รับสาย ได้อีกด้วย

ฟีเจอร์เสียง

ถ้าใครที่เคยใช้งาน AirPods Pro กันไปแล้วก็ไม่น่าจะแปลกใจอะไรเพราะ Apple Max ตัวนี้ก็มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ANC (Active Noise Cancellation) ที่ทำงานโดยการใช้ไมค์จำนวน 6 ตัวที่อยู่ด้านหน้าในการตรวจจับเสียงได้อย่างแม่นยำ แล้วปล่อยคลื่นเสียงตรงกันข้ามออกไปเพื่อหักล้างเสียงที่เหลือ ทำให้รู้สึกเงียบขึ้นนั่นเอง มากไปกว่านั้น AirPods Max ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Transparency Mode ที่จะช่วยให้ได้ยินเสียงรอบตัวชัดขึ้นเอาไว้สำหรับใส่ออกไปเดินข้างนอกอีกด้วย

ไดรเวอร์ขนาด 40มม ออกแบบโดย Apple 

ในส่วนด้านในของ AirPods Max ก็มาพร้อมกับไดนามิคไดรเวอร์ขนาด 40มม. ที่ออกแบบโดย Apple โดยเฉพาะเพื่อให้ได้เสียงที่อิ่มชัด มีน้ำมีนวลในทุก ๆ ย่านที่ขับ แถมยังใช้ชิปเสียง Apple H1 ที่มีตัวประมวลผลเสียงถึง 10 ตัวช่วยประมวลผลให้เสียงที่ขับออกมามีความชัดใสไม่มีคลื่นรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น

ระบบ Spatial Audio ที่เสียงจะขยับตามตำแหน่งศรีษะ

AirPods Max ยังรองรับฟีเจอร์ Spatial Audio ที่เพิ่งได้รับการอัปเดตให้ AirPods Pro ได้ใช้กันไปใน iOS 14.2 ที่จะทำให้เสียงในหูฟังขยับตามตำแหน่งศรีษะ และอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง ช่วยให้สร้างประสบการณ์เสียง Surround ที่สมจริงได้นั่นเอง

แบตเตอรี่

ในเรื่องของแบตเตอรี่ ทาง Apple ก็เคลมว่า AirPods Max สามารถใช้งานดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้ต่อเนื่องถึง 20 ชั่วโมง (เปิด ANC) แถมสามารถฟังต่อได้ถึง 1 ชั่วโมงครึ่งเมื่อชาร์จผ่านสาย Lightning  เพียง 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งด้านในกล่องยังมาพร้อมกับ Smart Case ที่จะช่วยให้ตัวหูฟังเข้าสู่ Saving Mode เมื่อใส่อยู่ในเคส และสามารถฟังเพลงต่อได้ทันทีเมื่อนำออกมาจากตัวเคส


ของแถมที่มาในกล่องได้แก่ Smart Case และสาย Lightning to Type-C

สำหรับใครที่อยากได้ก็สามารถเข้าไปซื้อกันได้แล้วในเว็บไซต์ Apple Store ตอนนี้ และพร้อมจัดจำหน่ายจริง ๆ ในวันที่ 15 ธันวาคม 2020 เป็นต้นไป ซึ่งตอนนี้เคาะราคาอยู่ที่ $549 (ราว ๆ 19,900 บาท) แถมยังมาให้ได้เลือกซื้อกันถึง 5 สีได้แก่ สีเงิน, ที่เทา (Space gray). สีฟ้า (Sky Blue), สีชมพู และสีเขียว ซึ่งตอนนี้สามารถดูรายละเอียด และสั่งซื้อได้แล้วในเว็บไซต์ Apple ของไทยอีกด้วย

Source: AppleNewsroom

08/12/2020 02:15 PM