Galaxy S10 เปิดตัวมาพร้อมกันทีเดียว 3 รุ่น ทั้งรุ่นท็อปสุด Galaxy S10+ รุ่นปกติ S10 และรุ่นน้องเล็กลดสเปค S10e อาจจะทำให้หลายๆ คนงงกันได้บ้างล่ะ ว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นจุดด้อยยังไง และมันแตกต่างกันตรงไหนบ้าง เราก็เลยเอาข้อมูลสเปค + ฟีเจอร์ ของมือถือทั้ง 3 รุ่น มาแยกให้ดูกันง่ายๆ ในนี้ไปเลย
เรามาดูตารางสเปคของ Galaxy S10 ทั้ง 3 รุ่นกันก่อนนะครับ ว่าแต่ละรุ่นมีเครื่องในเป็นยังไงกันบ้าง
Galaxy S10e | Galaxy S10 | Galaxy S10+ | |
หน้าจอ | 5.8 นิ้ว (19:9), 2280 x 1080 (FHD+), 438 ppi, Infinity O, AMOLED HDR10+, Gorilla Glass 5 | 6.1 นิ้ว (19:9), 3040 x 1440 (QHD+), 550 ppi, Infinity O, AMOLED HDR10+, Gorilla Glass 6 | 6.3 นิ้ว (19:9), 3040 x 1440 (QHD+), 522 ppi, Infinity O, AMOLED HDR10+, Gorilla Glass 6 |
CPU | Exynos 9820 | Exynos 9820 | Exynos 9820 |
RAM | 6GB | 8GB | 8/12GB |
ความจุ | 128GB | 128GB | 128/512GB/1TB |
กล้องหลัง | 12MP + 16MP | 12MP + 12MP + 16MP | 12MP + 12MP + 16MP |
กล้องหน้า | 10MP | 10MP | 10MP + 8MP |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, BT 5.0 | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, BT 5.0 | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, dual-band, BT 5.0 |
เซ็นเซอร์ | Accelerometer, Barometer, Capacitive Finger Print Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor | Accelerometer, Barometer, Ultrasonic Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Heart Rate Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor | Accelerometer, Barometer, Ultrasonic Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Heart Rate Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor |
ระบบเสียง | รูหูฟัง 3.5 mm., ลำโพงสเตอรีโอ, Dolby Atmos | รูหูฟัง 3.5 mm., ลำโพงสเตอรีโอ, Dolby Atmos | รูหูฟัง 3.5 mm., ลำโพงสเตอรีโอ, Dolby Atmos |
แบตเตอรี่ | 3100 mAh รองรับ Wireless Power Share, Fast Wireless Charge 2.0 | 3400 mAh รองรับ Wireless Power Share, Fast Wireless Charge 2.0 | 4100 mAh รองรับ Wireless Power Share, Fast Wireless Charge 2.0 |
น้ำหนัก | 150 กรัม | 157 กรัม | 175 กรัม |
ดีไซน์ของน้องเล็ก Galaxy S10e จะใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง ส่วนรุ่นพี่ Galaxy S10 และ S10+ จะเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 6 ที่หน้าจอ ด้านหลังเป็น Corning Gorilla Glass 5 ที่ขอบด้านข้างของทุกรุ่นเป็นอลูมิเนียม ซีรีส์ 7 ซึ่งทนกว่าซีรีส์ 6 ถึง 2 เท่า ส่วนรุ่นท็อปสุดที่เป็น Ceramic Edition ก็ตามชื่อคือหลังเครื่องมีวัสดุเป็นเซรามิคเลย (และน้ำหนักจะมากกว่าด้วย)
Galaxy S10 ทั้ง 3 รุ่น มีหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED ใช้เทคโนโลยี Cinematic Display รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ แต่จะมีข้อแตกต่างอยู่ที่ขนาดหน้าจอ โดย S10+ มีขนาดหน้าจอที่ 6.3 นิ้ว, S10 มีขนาด 6.1 นิ้ว และน้องเล็ก S10e มีขนาดที่ 5.8 นิ้ว นอกจากนี้ Galaxy S10+ และ S10 ยังคงมีหน้าจอโค้งแบบ Dual Edge เหมือนเดิม แต่ Galaxy S10e จะเป็นหน้าจอแบบแบนราบธรรมดา
Galaxy S10 และ S10+ มีกล้องหลังจำนวน 3 ตัว มีความละเอียดเท่ากันที่ 12MP + 12MP + 16MP แต่ Galaxy S10e จะเหลือกล้องหลังแค่ 2 ตัว ความละเอียด 12MP + 16MP
ส่วนกล้องหน้าของ Galaxy S10 และ S10e มีตัวเดียวที่ความละเอียด 10MP ทั้งคู่ แต่รุ่น Galaxy S10+ จะเป็นกล้องหน้าคู่ความละเอียด 10MP + 8MP
Galaxy S10 และ S10+ จะใช้ระบบสแกนนิ้วมือบนหน้าจอด้วย Ultrasonic ทำให้สามารถสแกนนิ้วมือได้แม้ว่านิ้วจะชื้นหรือเปียกน้ำอยู่ ส่วนรุ่นเล็ก S10e จะใช้เซ็นเซอร์แบบธรรมดาวางอยู่ตรงขอบเครื่องด้านขวา
Galaxy S10 ทั้ง 3 รุ่น มีรูหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงสเตอรีโอที่ใช้ลำโพงสนทนาเป็นลำโพงตัวที่ 2 เหมือนใน Galaxy S8 และ Note 9
ทั้ง 3 รุ่น ได้รับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68 เท่ากันหมด โดยสามารถเอาลงน้ำจืดได้ลึกถึง 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาที
Galaxy S10e มีแบตเตอรี่ขนาด 3100 mAh, S10 มีแบตเตอรี่ขนาด 3400 mAh และ S10+ มีแบตเตอรี่ขนาด 4100 mAh นอกจากนี้ทั้ง 3 รุ่นยังรองรับการชาร์จไวแบบเสียบสาย, ชาร์จไวแบบไร้สาย และยังมีฟีเจอร์ Wireless Power Share ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับด้วยการเอาไปวางไว้ที่หลังเครื่อง
สำหรับการแบ่งรุ่นของ Galaxy S10 ในคราวนี้ ก็นับได้ว่าแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันออกไปจริงๆ (ถึงแม้จะเล็กน้อยก็เถอะ) ซึ่งคนที่ต้องการฟีเจอร์ครบทุกอย่างทั้งหน้าจอ Dual Edge หรือกล้องหน้า 2 ตัว สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้เป็นธรรมชาติกว่า และมีกำลังทรัพย์มากพอก็มุ่งตรงไปทาง Galaxy S10+ ได้เลย
ใครที่อยากได้มือถือเครื่องไม่ใหญ่มาก และไม่ต้องการกล้องเซลฟี่ 2 ตัว แต่สเปคอื่นๆ ก็ยังคงแรงแบบลื่นๆ เหมือนกัน (แถมราคายังถูกกว่า) ก็ต้องหันมาทาง Galaxy S10 กันล่ะ
และสุดท้ายสำหรับคนที่ไม่เคยชอบดีไซน์จอโค้ง Dual Edge เพราะเวลาถือแล้วอุ้งมือชอบไปโดนขอบจอ ก็ต้องหันมาซบ Galaxy S10e กันได้เลย เพราะนอกจากจะมีหน้าจอแบนราบธรรมดาแล้ว สเปคอื่นๆ ก็เท่ากับรุ่นพี่หมด ยกเว้นกล้องหลังที่เหลือแค่ 2 ตัว เพราะไม่มีเลนส์ซูมมาให้เท่านั้นเอง และราคาก็ยังน่าคบหาพอเอื้อมถึงได้อีกต่างหาก
ใครอยากเปลี่ยนมาใช้ Galaxy S10 ทั้ง 3 รุ่นนี้ ก็ลองชั่งใจดูให้ดีๆ นะครับว่าเราต้องการใช้สเปคแบบไหนบ้าง อยากได้แบบครบๆ ไปเลยทีเดียว หรือจะเลือกเอาเฉพาะฟีเจอร์ที่เราอยากได้และใช้จริงๆ เพื่อประหยัดเงินไปเลือกรุ่นที่ต่ำกว่าก็ได้นะครับ
20/02/2019 10:16 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย