เริ่มต้นปี 2020 มาไม่ถึง 2 เดือนดี ก็มีสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงมาเปิดตัวออกมาแล้วถึง 4 รุ่นด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro, Xperia 1 Mark II และล่าสุด realme X50 Pro โดยวันนี้ผมเองจะมาเขียนสเปคเปรียบเทียบของมือถือทั้ง 4 รุ่นแบบคร่าวๆ ว่าแต่ละรุ่นมีสเปคต่างกันแค่ไหน หรือมีฟีเจอร์อะไรเด่นกว่ารุ่นอื่นบ้าง
Galaxy S20 Ultra | Mi 10 Pro | Xperia 1 Mark II | realme X50 Pro | |
![]() | ![]() | ![]() | ![]() | |
หน้าจอ | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว | AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว | AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว | AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว |
ความละเอียด | Quad HD+ | Full HD+ | Ultra HD (4K) | Full HD+ |
ค่ารีเฟรชเรท | 120 Hz | 90 Hz | Motion Blur Reduction ทำงานเหมือน 90 Hz | 90 Hz |
ชิปเซ็ต | Exynos 990 | Snapdragon 865 | Snapdragon 865 | Snapdragon 865 |
RAM | 12GB | 8GB | 12GB | 8GB | 6GB | 8GB | 12GB |
ความจุ | 128GB รองรับ MicroSD Card | 128GB | 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card | 256GB รองรับ MicroSD Card | 256GB ไม่รองรับ MicroSD Card |
หน่วยความจำ | UFS 3.0 | UFS 3.0 | N/A (รออัพเดท) | UFS 3.0 |
กล้องหลัง | 4 ตัว
| 4 ตัว
| 4 ตัว
| 4 ตัว
|
กล้องหน้า | 40MP, PDAF, f/2.2 | 20MP f/2.0 | 8MP f/2.0 |
|
แบตเตอรี่ | 5,000 mAh | 4,500 mAh | 4,000 mAh | 4,200 mAh |
ระบบชาร์จไว | 45W | 50W | 21W | 65W |
ลำโพง | สเตอริโอ | สเตอริโอ | สเตอริโอ | สเตอริโอ |
รูหูฟัง | ไม่มี | ไม่มี | มี | ไม่มี |
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น | IP68 | ไม่รองรับ | IP65/68 | ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ | Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.0 | Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 11 | Android 10 | Android 10 ครอบทับด้วย realme UI |
มือถือเรือธงในปี 2020 จะใส่ค่ารีเฟรชเรทหน้าจอมาให้ที่ 90 Hz – 120 Hz เกือบหมดทุกรุ่นแล้ว ซึ่งทั้ง Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ก็มาตามนัด ให้หน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 90 Hz – 120 Hz กันถ้วนหน้า แต่สำหรับ Xperia 1 II ดูเหมือนจะอินดี้กว่าเค้าอีกแล้ว เพราะให้หน้าจอรีเฟรชเรทมาแค่ 60 Hz เท่านั้น แต่ก็ถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี Motion Blur Reduction ซึ่งจะลดอาการเบลอของภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอลงไป ทำให้ฟิลลิ่งเหมือนกับใช้งานจอ 90 Hz ยังไงยังงั้น และยังเหนือกว่ารุ่นอื่นก็คือ Xperia 1 II มีความละเอียดหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ Ultra HD หรือ 4K เลยทีเดียว
Xperia 1 II มากับจอ OLED 4K รองรับ HDR
แต่ถ้าใครต้องการมือถือที่มีหน้าจอแบบครบเครื่องทั้งรีเฟรชเรทสูง ความละเอียดสูง การแสดงผลระดับสูง ก็ต้องหันมาดู Galaxy S20 Ultra ซึ่งสามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ QHD+ หรือ 2K แถมยังมีรีเฟรชเรทสูงถึง 120 Hz อีกด้วย
Galaxy S20 Ultra ที่มีค่ารีเฟรชรทสูง 120Hz
ส่วนใครที่ไม่ค่อยถูกใจมือถือหน้าจอที่มีขอบโค้ง เพราะรู้สึกว่ามีปัญหากับเหล่ากระจก และฟิล์มกันรอย รวมถึงชอบทัชลั่นจากการที่อุ้งมือไปโดนขอบจอแบบไม่ตั้งใจ ทั้ง 4 รุ่นนี้ ก็จะมี Galaxy S20 Ultra และ Mi 10 Pro เท่านั้น ที่ใช้หน้าจอแบบ Curved Display ซึ่งคราวนี้ต้นตำรับจอโค้งอย่าง Galaxy S20 Ultra ได้ลดความโค้งของขอบจอลงไปเหลือแค่ราวๆ กระจก 2.5D เท่านั้น ในขณะที่ Mi 10 Pro ดูจะมีหน้าจอที่โค้งที่สุดแล้ว
ทั้ง Mi 10 Pro, Xperia 1 II และ realme X50 Pro ต่างมาพร้อมกับชิปตัวท็อป Snapdragon 865 ที่การันตีความแรง ใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมปรับสุด เฟรมเรทไม่มีตกอย่างแน่นอน ขณะที่ Galaxy S20 Ultra (ในตลาดส่วนใหญ่) เลือกใช้ชิปที่พัฒนาขึ้นเองอย่าง Exynos 990 ที่แม้ว่าประสิทธิภาพความแรงจะไม่ได้ต่างอะไรกับของ Qualcomm มาก แต่เรื่อง GPU หรือการเล่นเกม ในส่วนนี้อาจจะต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่า Galaxy S20 Ultra จะเล่นเกมหรือใช้งานอื่นๆ สู้มือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 865 ไม่ได้นะครับ เพราะเอาจริงๆ ถ้าไม่ได้เอามาวัดคะแนนกัน ก็แทบไม่มีความแตกต่างในการใช้งานอยู่แล้ว
Galaxy S20 Ultra เวอร์ชั่นขายไทย จะมีเพียงแค่รุ่น RAM 12GB เท่านั้น ซึ่งความจุขนาดนั้น ผมกล้ายืนยันได้เลยว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบเหลือๆ อย่างแน่นอน ส่วน Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ก็มี RAM ให้เลือกหลายขนาด และสูงสุดที่ 12GB ให้เลือกใช้เช่นกัน ขณะที่ Xperia 1 II นั้น มีเพียงแค่รุ่น 8GB เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม RAM 8GB สำหรับการใช้งานในปี 2020 ผมยังมองว่าเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะ
สเปคอีกหนึ่งอย่างที่จะเข้ามาช่วยให้การใช้งานมือถือรวดเร็วและลื่นไหลก็คือความจุเครื่องนั่นเอง โดย Galaxy S20 Ultra, Mi 10 Pro และ realme X50 Pro ต่างใช้หน่วยความจำแบบ UFS 3.0 ซึ่งมีความเร็วในการอ่าน-เขียนเร็วปรี๊ด ทำให้การย้ายไฟล์ คัดลอกไฟล์ เร็วกว่า รวมถึงการเปิดแอปต่างๆ ก็ยังเร็วกว่าด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว UFS 3.0 น่าจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับมือถือเรือธงในปี 2020 ไปแล้ว ส่วน Xperia 1 II จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลบอกเลยว่าสรุปแล้วใช้หน่วยความจำเป็นแบบไหนกันแน่ เพราะจากหน้าสเปค จะมีบอกเพียงแค่เป็น UFS เท่านั้น
สมาร์ทโฟนทั้ง 4 รุ่นที่นำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ ต่างมาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวด้วยกันทั้งหมด แต่สเปคและประเภทของเลนส์ จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากใครไม่อยากเลื่อนขึ้นไปอ่านสเปคกล้องด้านบน ผมเขียนสรุปตรงนี้ให้อ่านง่ายๆ กันอีกรอบแล้วครับ
Galaxy S20 Ultra | Mi 10 Pro | Xperia 1 II | realme X50 Pro | |
จำนวนกล้อง | 4 ตัว | 4 ตัว | 4 ตัว | 4 ตัว |
กล้องหลัก | 108MP f/1.8 | 108MP f/1.7 | 12MP f/1.7 | 64MP f/1.8 |
กล้อง Telephoto | 48MP f/3.5 | 12MP f/2.0 8MP f/2.0 | 12MP f/2.4 | 12MP f/2.5 |
กล้อง Ultra Wide | 12MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา | 20MP f/2.2 | 12MP f/2.2 มุมกว้าง 124 องศา | 8MP f/2.3 มุมกว้าง 119 องศา |
กล้อง Depth Sensor | DepthVision (ToF Sensor) | ไม่มี | ToF Sensor | 2MP f/2.4 |
Optical Zoom | 10x | 2x | 3x | |
Digital Zoom | 100x | 50x | 10x | 20x |
ถ่ายวิดีโอได้สูงสุด | 8K | 8K | 4K | 4K |
ใน 4 รุ่นนี้ จะมีเฉพาะ Galaxy S20 Ultra และ Xperia 1 II เท่านั้นที่ให้เซ็นเซอร์ 3 มิติ สำหรับการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอมาด้วย แต่รุ่น Mi 10 Pro และ realme X50 Pro จะใช้แค่กล้อง 2D ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ทำให้ภาพที่ออกมาอาจจะตัดขอบ และเบลอหลังได้ไม่เนียนเท่า 2 รุ่นแรก
Xiaomi Mi 10 Pro
ส่วนฟีเจอร์การซูม เดี๋ยวนี้แทบจะเป็นจุดขายของมือถือเรือธงกันไปแล้ว โดยใครที่ต้องการระยะซูมโหดๆ Galaxy S20 Ultra ก็ตอบโจทย์สุดๆ เพราะใส่มาให้แบบจัดเต็มกับฟีเจอร์ Space Zoom ที่สามารถซูมได้ (โคตร) ไกลที่ 100x รองลงมาเป็น Mi 10 Pro ที่ดันระยะ Digital Zoom ได้ไกลสุด 50x ถัดมาเป็น realme X50 Pro ที่มีระยะซูมแบบดิจิตอลสูงสุด 20x และสุดท้ายคือ Xperia 1 II ที่ซูมได้เต็มที่ 10x
กล้องเซลฟี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องของใครหลายๆ คน ซึ่งจุดนี้ ดูเหมือนว่า realme X50 Pro จะถือไพ่เหนือกว่าอีก 3 รุ่นที่เหลือ เพราะใส่กล้องหน้ามาให้ถึง 2 ตัว ความละเอียด 32MP + 8MP ทำให้การถ่ายโหมดหน้าชัดหลังเบลอทั้งภาพและวิดีโอเซลฟี่ละลายพื้นหลังได้เนียนกว่ารุ่นที่เหลืออย่างแน่นอน แถมกล้องทั้ง 2 ตัว ยังเป็นเลนส์ Wide และ Ultrawide ทำให้สามารถเก็บภาพได้ในมุมกว้างกว่า ซึ่งเหมาะกับการถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่มด้วย
realme x50 Pro
ส่วนอีกรุ่นที่มีกล้องเซลฟี่ดีไม่แพ้กันก็คือ Galaxy S20 Ultra ที่ถึงแม้จะมีกล้องแค่ตัวเดียว แต่ก็มีความละเอียดสูงปรี๊ดถึง 40MP แถมยังมี PDAF เข้ามาช่วยในการโฟกัสภาพให้เร็ว และแม่นยำมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยนี้ ความจุแบตเตอรี่แทบจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นลำดับต้นๆ ของการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือเลยก็ว่าได้ โดยหากว่ากันด้วยเรื่องของความจุ ตรงนี้ Galaxy S20 Ultra กินขาดเลยครับ เพราะมาพร้อมกับแบตขนาด 5,000 มิลลิแอมป์ อีกทั้งยังรองรับชาร์จไวอีก 45W ชาร์จแป๊บเดียว ได้แบตเล่นแบบเพลินๆ เป็นชั่วโมง แต่ถ้าเน้นชาร์จไวที่สุด คงหนีไม่พ้น realme X50 Pro อีกตามเคย เจ้านี้จัดเต็มตลอดเรื่องชาร์จไว โดยรอบนี้อัดมาให้ถึง 65W ชาร์จเพียงแค่ 35 นาที เต็ม!
realme X50 Pro มากับระบบชาร์จไว SuperDart 65W
ส่วนอีกรุ่นที่ถึงแม้ว่าจะชาร์จไวไม่เท่าแต่สูสี ก็คือ Mi 10 Pro ที่ให้แบตเตอรี่มา 4500 mAh พร้อมระบบชาร์จ 50W ที่เอาจริงๆ ก็แทบจะใช้เวลาชาร์จห่างกันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่สำหรับ Xperia 1 II น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เน้นทั้งขนาดแบตเตอรี่และระบบชาร์จไวเท่าไหร่ เพราะให้มาแค่ 4000 mAh และระบบชาร์จก็ให้มาแค่ 21W เท่านั้น
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สมาร์ทโฟนที่เรานำมาเปรียบเทียบทั้ง 4 รุ่นนั้น ถือว่าสามารถทำมาใช้งาน เล่นโซเชียล ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ 4K เล่นเกมลงแรงค์ได้แบบสบายๆ ไม่เจอกับอาการกระตุกอย่างแน่นอน เพราะต่างเป็นมือถือระดับท็อปๆ ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งใครที่กำลังมองหามือถือเรือธงรุ่นใหม่มาจับจองสักเครื่องก็ต้องมานั่งพิจารณาว่าตัวเองอยากได้ฟีเจอร์ไหนมากที่สุด เพราะแต่ละรุ่นก็มีฟีเจอร์เด่นที่ต่างกันพอสมควร
อย่างน้อยก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ ในการเลือกซื้อมือถือเรือธงในช่วงนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ ส่วนเรื่องราคาน่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมีแค่รุ่น Galaxy S20 Ultra เท่านั้นที่ประกาศราคาในไทย ก็เลยไม่ได้เอามาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจด้วยนะครับ แต่คาดว่าแค่สเปค และฟีเจอร์ของมือถือแต่ละรุ่น หลายๆ คนก็น่าจะมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วล่ะครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
27/02/2020 09:51 AM
27/02/2020 05:02 AM
27/02/2020 07:34 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย