รีวิว - Synology DiskStation DS218+ (NAS) สวย เสถียร สมราคา - Android

Get it on Google Play

รีวิว - Synology DiskStation DS218+ (NAS) สวย เสถียร สมราคา - Android

ห่างหายไปซะนาน สำหรับรีวิว NAS หรืออุปกรณ์ข้อมูลยุคใหม่ รอบนี้มาพบกับ Synology DiskStation DS218+ ศูนย์เก็บข้อมูลที่ทั้งมากฟีเจอร์ สเปกดี และใช้งานง่าย ตามสไตล์ Synology แบรนด์ที่มุ่งเน้นในด้านนี้โดยเฉพาะ

The post รีวิว : Synology DiskStation DS218+ (NAS) สวย เสถียร สมราคา appeared first on AripFan.

ห่างหายไปซะนาน สำหรับรีวิว NAS หรืออุปกรณ์ข้อมูลยุคใหม่ รอบนี้มาพบกับ Synology DiskStation DS218+ ศูนย์เก็บข้อมูลที่ทั้งมากฟีเจอร์ สเปกดี และใช้งานง่าย ตามสไตล์ Synology แบรนด์ที่มุ่งเน้นในด้านนี้โดยเฉพาะ

ลองนึกถึงสมัยที่แฟลชไดร์ฟมีราคาสูง ที่ขนาดแค่ 4GB ก็ปาเข้าไปพันกว่าบาท ทว่าคนในยุคนั้นกลับไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนัก อาจเป็นเพราะสมัยนั้นยังเข้าถึงข้อมูลได้ไม่ง่ายเหมือนสมัยนี้ก็เป็นได้ โดยปัจจุบัน ข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นมาก คงเพราะเรามีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรืออุปกรณ์ที่สามารถสร้างข้อมูลได้ไม่รู้จบ (เช่น สมาร์ทโฟน เป็นต้น) จนในที่สุดก็พบปัญหา “พื้นที่เก็บข้อมูลไม่เพียงพอ” บางทีล้น HDD หรือ SSD จนต้องลามไปยัง External Harddisk ไม่ก็แฟลชไดร์ฟ ถ้ายังไม่พออีก ก็สมัคร Cloud เพิ่มเติม สุดท้ายข้อมูลกระจัดกระจาย ไปอยู่ไหนบ้างก็ไม่รู้แล้ว

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไม Network Attatched Storage หรือ NAS ถึงได้เกิดขึ้นมา มันคืออุปกรณ์เก็บข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต อาจเรียกได้ว่าเป็น Server ขนาดย่อม ที่เก็บข้อมูลดิจิตอลต่าง ๆ ในที่เดียว และเข้าถึงหรือจัดการได้ตลอดเวลาด้วย เกริ่นซะยาว รีวิวนี้มาพบกับ DiskStation DS218+ เป็น NAS ระดับกลางจาก Synology ที่เน้นประสิทธิภาพ อัดฟีเจอร์เพียบ แต่แลกกับช่องใส่ HDD เพียง 2 ช่อง (2-Bay) ทำให้มีราคาเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับใครที่อยากลองเล่น NAS แบบจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรก ส่วนตัว DS218+ ทำอะไรได้บ้างนั้น มาดูกันครับ

Specification : Synology DiskStation DS218+

  • CPU :  Intel Celeron J3355 dual-core 2.0 GHz, burst up to 2.5 GHz
  • Hardware encryption engine : Yes (AES-NI)
  • Hardware transcoding engine : Supported codec: H.264 (AVC), H.265 (HEVC), MPEG-2 and VC-1; maximum resolution: 4K (4096 x 2160); maximum frame rate per second (FPS): 30
  • Memory : 2 GB DDR3L (expandable up to 6 GB)
    Compatible drive type : 2 x 3.5″ or 2.5″ SATA SSD / HDD (drives not included)
  • External port : 3 x USB 3.0 port and 1 x eSATA port
  • Size (HxWxD) : 165 x 108 x 232.2 mm
  • Weight : 1.3 kg
  • LAN Gigabit (RJ-45) : x 1
  • Wake on LAN/WAN : Yes
  • Scheduled power on/off : Yes
  • System fan : 92 x 92 x 25 mm

แกะกล่อง

ตัวกล่องของ NAS จาก Synology เกือบทุกรุ่น (หรืออาจทุกรุ่นเลย) ส่วนมากจะมาเป็นลังสีน้ำตาล ไม่เน้นลวดลายอะไรมาก น่าจะช่วยให้ประหยัดงบส่วนนี้ไปไม่น้อย เพราะถึงอย่างไรแล้ว สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือของที่อยู่ข้างในต่างหาก ในกล่องของ Synology DiskStation DS218+ ก็ประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง DS218+, ชุดไฟเลี้ยง ,สาย LAN, น็อต 6 ตัว และชุดคู่มือ

วัสดุและดีไซน์

อย่างที่กล่าวไป กล่องจะยังไงก็ได้ แต่ของข้างในต้องดีงาม สำหรับหน้าตาของ DS218+ นั้น ถือว่าสวยใช้ได้เลย ไม่ได้เป็นตู้เหลี่ยม ๆ จืด ๆ เหมือน NAS ทั่ว ๆ ไป แต่มีการเล่นมุมเหลี่ยมหน้าเครื่องพร้อมใส่ความมันเงาสะท้อนแสง ดูหรูหรามาก ทำให้ตัวเครื่องสามารถเอาไปตั้งโชว์บนโต็ะร่วมกับคอมฯ หรือ Mac ของเราได้ไม่อายใคร

ส่วนวัสดุ เฉพาะฝาด้านหน้าตัวเครื่องเท่านั้นที่เป็นพลาสติก นอกนั้นเป็นอลูมิเนียมล้วน ๆ แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรมาก โดยตัวเครื่องมีน้ำหนักรวม ๆ แค่ 1.3 กก. เท่านั้น (ยังไม่รวม HDD นะ)

ด้านหลังตัวเครื่อง ก็มีพัดลมขนาด 92 x 92 x 25 มม. อยู่ 1 ตัว พร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.0 x 2 กับมีช่อง eSATA ให้ด้วย x 1 นอกนั้นก็มีช่อง LAN/WAN กับช่องต่อไฟเลี้ยง

ตรงฝาหน้าเครื่องสามารถดึงออกมาได้เลย ไม่ต้องดันปุ่มหรือไขน็อตให้วุ่นวาย และเมื่อดึงออกมาก็จะพบกับช่องใส่ HDD หรือ SSD 2 ช่อง

ตรงนี้หากทำให้ดึงง่ายเหมือนฝาหน้าเครื่องคงมีปัญหาแน่ ดังนั้นเวลาดึงถาดใส่ HDD หรือ SSD ออกมา ต้องเอานิ้วไปดันปุ่มข้างบนกันก่อน ถึงจะดึงออกมาได้

แยกร่าง DS218+ ระหว่างนี้ก็เตรียม HDD สำหรับ NAS อย่าง WD RED หรือ Seagate Ironwolf มารอติดตั้งลงเครื่องไว้เลย

แต่ก่อนใส่ สังเกตที่ช่องข้างในข้าง ๆ ก็พบว่าเป็นช่องใส่แรมเพิ่มเติมนั้นเอง โดยตัว DS218+ ก็มีแรมใส่ไว้อยู่แล้วที่ 2 GB DDR3L สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 6 GB

สำหรับการติดตั้ง HDD นั้น สามารถเอา HDD มาวางใส่บนถาดแล้วเอากรอบพลาสติก (ตามภาพ) ที่ถอดจากถาดมันนั้นแหล่ะ มาใส่อีกรอบเพื่อยึดตัว HDD แทนการใช้น็อตไขนั้นเอง เรียกได้ว่าตัว DS218+ ไม่จำเป็นต้องใช้ไขควงหรือน็อตอะไรเลย ประกอบด้วยมือเองได้

หลังประกอบตัว HDD เข้ากับถาดวางเสร็จแล้ว ก็นำไปยัดเข้ากับตัวเครื่องต่อเลย

ท้ายนี้หากเอา SSD หรือ HDD ขนาด 2.5 นิ้วมาใส่ ก็จะได้หน้าตาประมาณนี้

การใช้งาน

เมื่อกอบเครื่องกับ HDD เสร็จเรียบร้อย ต่อไปก็นำตัวเครื่องมาต่อสาย LAN เข้ากับ Wi-Fi Router หรือ Modem Router ประจำบ้าน จากนั้นก็เสียบปลั๊กไฟ เปิดสวิตช์ รอเครื่องบูตเสร็จ จากนั้นก็ลุย

เปิดคอมฯ ไปที่เว็บ http://find.synology.com/ มันจะทำการค้นหาตัวเครื่องที่ต่อในวง LAN เดียวกันอัตโนมัติ หลังเจอแล้ว ก็จะขึ้นชื่อรุ่นพร้อมขึ้น IP ของตัวเครื่องกับ Mac Address และสถานะ “ไม่ได้ติดตั้ง” ติดตั้งในที่นี้ก็คือ ระบบปฏิบัติการ Disk Station Manager หรือ DSM ของทาง Synology นี้เอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของ NAS ในแบรนด์ Synology เลย แน่นอนว่า NAS รุ่นอื่น ๆ ก็มีระบบปฏิบัติการของตัวเองเหมือนกัน แต่สำหรับ DSM นั้น จะมีความพิเศษตรงที่ ฟีเจอร์เยอะมากกก กับมีการอัพเดตความเสถียรบ่อยมากเช่นกัน

แน่นอนว่าก่อนใช้งาน เราต้องติดตั้งตัว DSM กันก่อน ในตอนติดตั้งนั้น มันจะทำการ Format ล้างข้อมูลใน HDD ที่เอามาใส่ในตัวเครื่องก่อน หากเป็น HDD ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ๆ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็น HDD ที่มีข้อมูลอยู่ตั้งแต่แรก แนะนำให้เอาข้อมูลออกก่อนเลย ไม่งั้นได้เศร้าแน่ครับ

รอติดตั้ง DSM ซักพัก

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว มันจะให้เราตั้งชื่อ NAS ของเรา และชื่อผู้ใช้หรือ ID กับรหัสผ่าน

จากนั้นมันก็จะให้เราสร้าง QuickConnect ID เพื่อให้เราสามารถนำ ID นี้ ไปใช้เข้าระบบ NAS หรือ DS218+ ตัวนี้ในอุปกรณ์อื่นได้ง่าย (โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน) ในครั้งต่อ ๆ ไป

หลังสร้าง QuickConnect ID เสร็จ ก็ได้ Link สำหรับเข้าสู่ระบบของ DS218+ ตามนี้

หลังตั้งชื่ออะไรเสร็จ ก็เตรียมเข้าสู่หน้า Desktop ของ DSM แต่ก่อนหน้านั้น มันจะถามก่อนว่า จะให้ติดตั้งแอพฯ หรือโปรแกรมเหล่านี้ (ตามภาพ) ก่อนไหม ถ้าเราต้องการความสมบูรณ์ก็ติดตั้งเลย แต่ยังก่อนก็กดข้ามไปได้

และพบกับหน้า DSM แต่เดี๋ยวก่อน…

ก่อนอื่นไปที่หน้า

07/09/2018 12:13 PM