ในช่วงนี้มือถือประเภทเกมมิ่ง ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีหลายแบรนด์ที่พยายามพัฒนาให้มือถือเกมมิ่งของตัวเองทั้งเร็ว แรง และยังใส่ฟีเจอร์ล้ำๆ เฉพาะตัว เพื่อเรียกลูกค้า โดยในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ก็มีมือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวออกมาเยอะเลยทีเดียว แถมยังใกล้เทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ปลายปีแบบนี้ หลายๆ คนก็อาจจะอยากถอยมือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่มาเล่นให้สะใจไปเลย…วันนี้เราก็เลยขอรวบรวมมือถือเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ที่เปิดตัวในปี 2020 มาเทียบให้ดูกันเลยว่ารุ่นไหนแรงแค่ไหน และมีฟีเจอร์เจ๋งๆ อะไรบ้าง
สำหรับมือถือเกมมิ่งที่เรานำมาเทียบให้ดูครั้งนี้ มีทั้งหมด 4 รุ่น ด้วยกัน โดยทุกรุ่นเป็นมือถือที่เปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ที่นอกจากจะมีสเปคแรงระดับเทพแล้ว แต่ละรุ่นยังมีจุดเด่นอยู่ที่ฟีเจอร์สำหรับเล่นเกมที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้มือถือประเภทเกมมิ่งมีความน่าสนใจมากกว่ามือถือระดับเรือธงทั่วไปนั่นเองครับ
มือถือเกมมิ่งที่เรานำมาเทียบกันในครั้งนี้จะมีทั้งหมด 4 รุ่น คือ ASUS ROG Phone 3, Lenovo Legion Phone Duel, Red Magic 5S และ Black Shark 3S โดยสเปคของแต่ละรุ่น ก็มีตามนี้ครับ
สเปค | ROG Phone 3 | Legion Phone Duel | Red Magic 5S | Black Shark 3S |
หน้าจอ | OLED ขนาด 6.59 นิ้ว FHD+ | AMOLED ขนาด 6.65 นิ้ว FHD+ | AMOLED ขนาด 6.65 นิ้ว FHD+ | AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว FHD+ |
Refresh rate | 144Hz | 144Hz | 144Hz | 120Hz |
Touch Sampling | 270Hz | 240Hz | 240Hz | 270Hz |
CPU | Snapdragon 865+ | Snapdragon 865+ | Snapdragon 865 | Snapdragon 865 |
GPU | Adreno 650 | Adreno 650 | Adreno 650 | Adreno 650 |
RAM | LPDDR5 สูงสุด 16GB | LPDDR5 สูงสุด 16GB | LPDDR5 สูงสุด 16GB | LPDDR5 สูงสุด 12GB |
ความจุ | UFS 3.1 สูงสุด 512GB | UFS 3.1 สูงสุด 512GB | UFS 3.1 สูงสุด 256GB | UFS 3.1 สูงสุด 512GB |
กล้องหลัง | – Wide 64MP (f/1.8) – Ultra wide 13MP (f/2.4) – Macro 5MP (f/2.0) | – Wide 64MP (f/1.9) – Ultra wide 16MP (f/2.2) | – Wide 64MP (f/1.8) – Ultra wide 8MP (f/2.0) – Macro 2MP (f/2.0) | – Wide 64MP (f/1.8) – Ultra wide 13MP (f/2.25) – Depth 5MP (f/2.2) |
กล้องหน้า | 24MP (f/2.0) | 20MP (f/2.2) กล้อง Pop up ข้างเครื่อง | 8MP (f/2.0) | 20MP (f/2.0) |
เซ็นเซอร์ | – Fingerprint (ใต้จอ) – Accelerometer – Gyro – Proximity – Compass | – Fingerprint (ใต้จอ) – Accelerometer – Gyro – Proximity – Compass | – Fingerprint (ใต้จอ) – Accelerometer – Gyro – Proximity – Compass | – Fingerprint (ใต้จอ) – Accelerometer – Gyro – Proximity – Compass |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.1 | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.0 | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.1 | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, BT 5.0 |
5G | รองรับ | รองรับ | รองรับ | รองรับ |
ระบบเสียง | ลำโพงคู่สเตอรีโอด้านหน้า, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. | ลำโพงคู่สเตอรีโอด้านหน้า, ระบบเสียง Dirac Audio, ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. | ลำโพงคู่สเตอรีโอ, มีรูหูฟัง 3.5 มม. | ลำโพงคู่สเตอรีโอด้านหน้า, มีรูหูฟัง 3.5 มม. |
ปุ่ม Shoulder L-R | มี (แบบสัมผัส) | มี (แบบสัมผัส) | มี (แบบสัมผัส) | มี (แบบสัมผัส) |
แบตเตอรี่ | 6000 mAh | 5000 mAh | 4500 mAh | 4720 mAh |
ระบบชาร์จ | ชาร์จไวมีสาย 30W | ชาร์จไวมีสาย 90W | ชาร์จไวมีสาย 55W | ชาร์จไวมีสาย 65W |
ขนาด / น้ำหนัก | 171 x 78 x 9.9 มม. / 240 กรัม | 169.17 x 78.48 x 9.9 มม. / 239 กรัม | 168.6 x 78 x 9.8 มม. / 220 กรัม | 168.7 x 77.3 x 10.4 มม. / 222 กรัม |
ระบบ | Android 10 ครอบด้วย ROG UI | Android 10 ครอบด้วย Legion OS | Android 10 ครอบด้วย Redmagic 3.0 | Android 10 ครอบด้วย JOYUI 12 |
หนึ่งในฟีเจอร์เด็ดของมือถือรุ่นนี้ก็คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุด 6000 mAh ทำให้สามารถใช้งานได้แบบยาวนานข้ามวันสบายๆ แต่จะเสียเปรียบรุ่นอื่นที่ให้ระบบชาร์จไวมาแค่ 33W เท่านั้น
จริงอยู่ที่มือถือเกมมิ่งทุกรุ่นมาพร้อมปุ่ม Shoulder ที่สามารถตั้งค่าให้ใช้ได้กับทุกเกม แต่สำหรับปุ่มของ ROG Phone 3 จะตั้งค่าได้หลากหลายจนเหมือนมีปุ่ม Shoulder ถึง 4 ปุ่ม หรือจะตั้งค่าให้ใช้การเขย่าเครื่องแทนการกดปุ่มใดปุ่มหนึ่งก็ยังได้
อีกหนึ่งฟีเจอร์ดีงามที่เหมาะกับสายเกมโดยแท้ เพราะเมื่อเปิดโหมด Bypass Charging ปุ๊บ เวลาเราเสียบสายชาร์จแล้วไฟจะวิ่งตรงเข้าเครื่องโดยไม่ผ่านแบตเตอรี่ ทำให้เครื่องไม่ร้อนจากการชาร์จไปใช้ไป แถมยังรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ROG Phone 3 รองรับการใช้งานอุปกรณ์เสริมมากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นพัดลมระบายความร้อน Aero Active 3 ที่แถมมาในกล่องเลย, คอนโทรลเลอร์ Kunai Pad 3 เพิ่มความถนัดในการเล่นเกม ใช้ได้ทั้งเสียบกับมือถือ หรือจะใช้เป็นคอนโทรลเลอร์ไร้สายแยกก็ได้, Twinview Dock 3 จอเสริมขนาด 6.6 นิ้ว, Mobile Desktop Dock ฐานสำหรับเสียบมือถือเพื่อต่อสายเข้ากับมอนิเตอร์, เมาส์, คีย์บอร์ด, หูฟัง, ไมค์, สาย LAN เพื่อแปลงร่างมือถือให้กลายเป็น PC สำหรับเล่นเกม แต่ทั้งหมดทั้งมวล (นอกจาก Aero Active 3) ต้องซื้อแยกนะครับ
โดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยการใช้งานในแนวนอนเพื่อเอาใจนัก Cast เกมโดยเฉพาะ ด้วยกล้องเซลฟี่แบบ Pop-up ที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง ช่วยให้การ Cast เกมสะดวกสบาย และถนัดกว่า เพราะไม่ต้องกลัวมือไปบังกล้องเซลฟี่เวลาใช้แนวนอนเหมือนมือถือรุ่นอื่นๆ แถมยังมีฟีเจอร์ใช้ระบบ AI ช่วยตัดฉากหลัง และไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงมาให้อีกต่างหาก เรียกว่าใครที่เป็นสาย Game Caster ต้องจัดมือถือรุ่นนี้เลยล่ะ
แม้ว่ามือถือเกมมิ่งทุกรุ่นที่ยกมาเปรียบเทียบกันล้วนมากับลำโพงคู่ทั้งสิ้น แต่ Legion Phone Duel มีลำโพงที่ปรับแต่งเสียงโดย Dirac Audio เพื่อให้ได้ระบบเสียงแบบ 3D Stereo จำลองเสียงแบบ 3 มิติ เพิ่มความสมจริงให้มากกว่า
แม้ว่าแบตเตอรี่จะสู้ ROG Phone 3 ไม่ได้ แต่ระบบชาร์จไวของ Legion Phone Duel โหดที่สุดแล้ว เพราะรองรับได้ถึง 90W ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% – 100% ได้ในเวลาราวๆ ครึ่งชม. เท่านั้นเอง
แม้ว่าจะสเปคแรงสู้ 2 ตัวบนไม่ได้เพราะใช้ชิป Snapdragon 865 ธรรมดา แต่เอาจริงๆ ประสิทธิภาพในการเล่นเกมเรียกว่าไม่ต่างกันเลย เพราะเล่นได้ลื่นๆ ทุกเกม แต่จะได้เปรียบตรงฟีเจอร์เฉพาะตัวสุดๆ ที่ฝังพัดลมระบายอากาศเอาไว้ในเครื่อง แถมยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว Liquid cooling อีกชั้นนึง ทำให้มือถือรุ่นนี้ใช้งานต่อเนื่องได้โดยที่เครื่องไม่ร้อนจัดจน CPU ต้องลดประสิทธิภาพลงไปนั่นเองครับ
ปุ่ม Shoulder L-R ของ Red Magic 5S ถูกปรับแต่งมาให้เหนือกว่าใครด้วยค่า Touch Sampling ที่สูงถึง 320Hz ทำให้การตอบสนองจากการแตะสั่งงานในแต่ละครั้งไม่มีพลาด แตะปุ๊บยิงปั๊บ จะกดเล็งเป้าค้างไว้ก็ไม่มีหลุด
ยังเป็นมือถือสเปคไฮเอนด์ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ให้รูหูฟัง 3.5 มม. มาด้วย ทำให้สามารถใช้หูฟังแบบมีสายธรรมดาๆ เสียบเข้าไปได้เลย ไม่ต้องใช้หูฟังไร้สายให้เกิดอาการหน่วงเวลาเล่นเกมประเภทกดให้ตรงจังหวะดนตรี หรือไม่ต้องใช้ตัวแปลง USB-C > รูหูฟัง 3.5 มม. ให้บดบังช่องเสียบชาร์จด้วย
ล้ำกว่าใครด้วยระบบควบคุมเกมด้วยเสียงพูด ซึ่งผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ว่าหากพูดคำสั่งนี้ขึ้นมาแล้วจะเป็นการแตะหน้าจอที่ส่วนไหน อย่างเช่นตั้งค่าให้เมื่อได้ยินเสียงนี้ปุ๊บ จะเป็นการกดหน้าจอบริเวณปุ่มก้มในเกม PUBG เป็นต้น ซึ่งจะเพิ่มความได้เปรียบขึ้นมาอีกขั้น เพราะไม่ต้องคอยเอื้อมนิ้วไปแตะปุ่มนั้นทีปุ่มนี้ที
Black Shark 3S มากับฟีเจอร์พิเศษเป็นพอร์ตแม่เหล็กด้านหลังเครื่องสำหรับชาร์จไฟกับสาย Magnet Charging Cable โดยตอนใช้งานสายชาร์จจะห้อยลงมาที่ด้านข้างของตัวเครื่องทำให้ไม่เกะกะเวลาเล่นเกม แถมยังชาร์จแบตเตอรี่ตอนที่เสียบสายต่อเข้าทีวีได้อีกด้วย (สายชาร์จแม่เหล็กเป็นอุปกรณ์เสริมนะครับ ต้องซื้อแยก)
Black Shark 3S ก็ยังเป็นมือถือสเปคไฮเอนด์อีกหนึ่งรุ่นที่ยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. ให้มา ก็เลยหมดปัญหาใช้ตัวแปลง USB-C เพื่อเสียบหูฟังแต่เสียบชาร์จไม่ได้ (ในกรณีที่ไม่ได้ซื้อสายชาร์จแม่เหล็กมาใช้นะ)
มือถือเกมมิ่งทั้ง 4 รุ่นที่เรานำมาเทียบให้ดูคราวนี้ ทุกรุ่นมีวางจำหน่ายในบ้านเราแล้วนะครับ แต่จะมีบางรุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และบางรุ่นที่เป็นเครื่องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งราคาก็จะอยู่ที่ราวหมื่นปลายๆ ไปจนถึงสองหมื่นกลางๆ ขึ้นอยู่กับ RAM และความจุครับ ใครที่กำลังเล็งหามือถือเกมมิ่งเท่ๆ ไว้เป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองซักเครื่อง ก็ลองเปรียบเทียบราคา และฟีเจอร์ที่เราอยากได้ดูนะครับ ว่าสุดท้ายแล้วเราจะเหมาะกับมือถือรุ่นไหนมากที่สุด
09/12/2020 01:26 PM
2014 © ปพลิเคชันไทย